เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตแวบไปดู “แนวรบทะเลจีนใต้” กันอีกเที่ยว!!! เพราะถึงแม้มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา ท่านยัง “มั่วไม่เสร็จ” กับ “สงครามยูเครน-รัสเซีย” ใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือยังต้อง “ขี่ช้างไล่จับตั๊กแตน” กับพวกนักรบเยเมน ใน “แนวรบตะวันออกกลาง” อันเนื่องมาจาก “สงครามอิสราเอล-ฮามาส” จนส่งผลให้ต้องหันรี-หันขวาง ต้องหันไปขอร้อง-วิงวอนให้ศัตรู-คู่กัดอย่างอิหร่านช่วยเกลี้ยกล่อม โน้มน้าวพวกนักรบฮูตีไม่ให้จมเรือ-ยึดเรือในทะเลแดง ออกอาการไม่ต่างไปจากแมลงหวี่ตอมตาช้าง หรือมดแดงรุมกัดช้าง อย่างน่าทุเรศ เวทนาเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็นั่นแหละ...ความเพียรพยายามที่จะ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” คุณพี่จีนในทะเลจีนใต้ นอกจากยังจะไม่ลดรา-วาศอก โดยแนวโน้มกลับน่าจะเพิ่มขึ้นๆ จนใกล้ถึง “ขีดอันตราย” อย่างชนิดต้องจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาโดยเด็ดขาด...
คือไม่เพียงแต่การไล่ทุบ ไล่บี้ มหาอำนาจคู่แข่งอย่างคุณพี่จีน ในเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การเทคโนโลยี ฯลฯ ไล่เป็นลูกระนาดต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุค “ทรัมป์บ้า” มาจนยุค “โจ ซึมเซา” ชนิดไม่ไล่-ไม่เลิกจนตราบเท่าทุกวันนี้ ล่าสุด...ก็เพิ่งผ่านกฎหมายในสภาผู้แทนราษฎร บีบบังคับให้บริษัทจีนต้องขาย “TikTok” ภายในช่วงเวลา 18 เดือนไม่งั้นถูกห้าม ถูกแบน ไม่ยอมให้ชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคนมีสิทธิเล่น “TikTok” ต่อไปอีกแล้ว แต่ในด้านการทหารด้านความมั่นคง คุณพ่ออเมริกาท่านก็พร้อม “ออกอาวุธ” ดอกแล้ว-ดอกเล่า โดยไม่ได้สนอก-สนใจถึงหัวจิต-หัวใจของพญามังกรจีนเอาเลยแม้แต่น้อย ดังที่คอลัมนิสต์สื่อทางการจีน “Global Times” อย่าง “Liu Xuanzun” ต้องหยิบมาร่ายเรียงไว้ในข้อเขียน บทความชิ้นล่าสุดเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (21 มี.ค.) ว่าด้วยเรื่องความกระเหี้ยนกระหือรือของอเมริกาในการปลุกกระตุ้น ยั่วยุ เพื่อให้เกิด “ความตึงเครียด” ยิ่งๆ ขึ้นไป ในการยับยั้งมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน หรือ “US intensifies provocative actions to build tensions, contain China” นั่นแล...
เรียกว่า...ไล่มาตั้งแต่การที่รัฐบาลอเมริกันโดดออกมาประกาศรับรองให้พื้นที่ความขัดแย้ง (Arunachal Pradesh) ระหว่างจีน-อินเดีย ที่ทั้งสองฝ่ายยังจับเข่า-จับหัวหน่าวเจรจากันยังไม่แล้วเสร็จ ให้เป็นส่วนหนึ่งของอินตะระเดียเอาดื้อๆ เมื่อช่วงวันพุธที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา หรือเพื่อมุ่งหวังที่จะฉุดกระชากลากถูให้อินเดียขัดแย้งกับจีนให้หนักๆ เข้าไว้ หรือการเดินทางไปเยือนฟิลิปปินส์ของรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกัน “นายAntony Blinken” พร้อมกับคำประกาศถึงข้อตกลงอันแข็งแกร่งของสหรัฐฯ ในอันที่จะปกป้องฟิลิปปินส์จากการสวมบทเป็น “ดาวยั่วดวงใหม่” ต่อคุณพี่จีนในทะเลจีนใต้ ไม่ว่าด้วยการกระตุกหนวดมังกร การก่อกวนหมู่เกาะปะการังและสันทรายต่างๆ (Ren’ai Reef, Huangyan Island, Tiexian Reef) ในทะเลจีนใต้ การซ้อมรบร่วมระหว่างอเมริกา-ฟิลิปปินส์ (Balikaton-2024) ด้วยจำนวนทหารอเมริกันถึง 10,000 นาย ทหารฟิลิปปินส์ 5,000 นาย ระหว่างวันที่ 22 เม.ย.-8 พ.ค. ไปจนถึงการจัดประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำอเมริกา-ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น เพื่อรวมหัวต่อต้านจีนกันโดยเฉพาะ อีกทั้งยังพยายามแผ่ขยายการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางทหารขนาดย่อย คล้ายๆ กับที่เคยจัดตั้งองค์กรอย่าง “AUKUS” และ “QUAD” ขึ้นมาในแนวรบด้านนี้ จนก่อให้เกิดความตึงเครียดไปทั่วทั้งแปซิฟิก ฯลฯ
ยิ่งไปกว่านั้น...ถ้าหากไล่เรียงไปตามข้อมูล สถิติ ที่องค์กรกลุ่มนักคิดของจีน อย่าง “SCSPI” (The South China Sea Strategic Situation Probing Initiative) เขาเพิ่งนำมาเปิดเผยให้เห็นในเอกสารรายงาน ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 มี.ค.) ถึงปฏิบัติการ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” ของคุณพ่ออเมริกาในน่านทะเลจีนใต้ ตลอดช่วงปีที่แล้ว หรือปีค.ศ. 2023 ไม่ว่าใครก็เถอะอดที่จะเปรี้ยวมือ-เปรี้ยวเท้าขึ้นมาแทบไม่ได้ ไม่ว่าการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ เข้ามาลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณนี้ไม่ต่ำกว่า 8 ครั้ง แถมเพิ่มช่วงระยะเวลาในการลาดตระเวนให้ยืดเยื้อยาวนานต่อไปอีกด้วย ส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์เข้ามาผลุบๆ โผล่ๆ ไม่ต่ำกว่า 11 ครั้งเป็นอย่างน้อย ระดมเรือรบเข้าปฏิบัติการในภารกิจ “Freedom of navigation operation” ถึง 6 ครั้ง ด้วยการเน้นการแล่นผ่านช่องแคบไต้หวันอีกเป็นหลัก ปฏิบัติการซ้อมรบไม่ต่ำกว่า 107 ครั้งตั้งแต่รอบๆ ฟิลิปปินส์ไปยันถึงด้านตะวันออกของออสเตรเลียโน่นเลย จนทำให้กลุ่มนักคิดของ “SCSPI” จำต้องสรุปไว้ว่า “การยั่วยุ” และ “การตอบโต้” ต่อการยั่วยุอันเป็นสิ่งที่มิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ย่อมนำไปสู่ “ความเหนื่อยล้า” ของทั้งสองฝ่าย และอาจนำมาซึ่ง “อุบัติเหตุทางทหาร” ได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะหลังจากได้ประมาณการล่วงหน้าไว้แล้วว่า...แนวโน้มที่กองทัพอเมริกาจะเพิ่มปฏิบัติการในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน แบบไม่คิดจะลด-ละ-เลิกใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
และก็แน่นอนนั่นแหละว่า...ถ้าฟังจากน้ำเสียง หางเสียง ของผู้ที่มีบทบาทความเคลื่อนไหวในด้านนี้ อย่าง “พลเรือเอกJohn Aquilino” ผู้บัญชาการกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิก ที่ได้เข้าไปให้การกับคณะกรรมาธิการทหารรัฐสภาอเมริกัน เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา (20 มี.ค.) ถึงกับกล้าทำนาย-ทายทักเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่า “สิ่งบ่งชี้ทั้งมวล” ในระหว่างการประชุมของผู้นำจีน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” กับกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เมื่อไม่นานมานี้ พอที่จะทำให้สรุปได้ว่ากองทัพจีนพร้อมแล้วที่จะ “บุกไต้หวัน” ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือไม่เกินไปกว่าปี ค.ศ. 2027 หรือทำให้ “ภัยคุกคามจากจีน” ยิ่งกลายเป็นสิ่งที่น่าเกลียด-น่ากลัว น่าขนพอง-สยองขวัญต่อบรรดาชาวอเมริกันทั้งมวล ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น!!!
จะด้วยเหตุนี้หรือไม่? อย่างไร? ก็ยังมิอาจสรุปได้...ที่ทำให้ไต้หวันไม่เพียงแต่เร่งระดมซื้ออาวุธร้ายๆ ทันสมัยๆ จากอเมริกาชนิดล็อตแล้ว-ล็อตเล่า แต่รัฐมนตรีกลาโหมไต้หวัน “นายChiu Kuo-cheng” ยังเผอิญ “หลุดปาก” ออกมาเมื่อวัน-สองวันก่อน ว่าได้มอบหมายให้ “ครูฝึก” จากหน่วยรบพิเศษอเมริกาเข้ามาประจำการบน “เกาะที่ห่างไกล” ของไต้หวัน ที่น่าจะหนีไม่พ้นไปจาก “เกาะจินเหมิน” หรือ “Kinmen Island” ที่อยู่ห่างไปจากจังหวัด “Xiamen” เมืองชายฝั่งในมณฑลฝูเจี้ยนของจีนเพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้นเอง แถมยังเพิ่งเป็นพื้นที่พิพาทที่ทำให้ชาวประมงจีนถูกหน่วยยามฝั่งไต้หวันไล่ล้าง ไล่ล่า จนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึงไป 2 ราย เมื่อช่วงเดือนกุมภาฯ ที่ผ่านมานี่เอง อันทำให้หน่วยยามฝั่งของจีนแผ่นดินใหญ่เลยต้องเพิ่มมาตรการลาดตระเวนล้ำเข้าไปในฝั่งระหว่างไต้หวันกับเกาะ “Kinmen” ชนิดไม่ต่างไปจากการล่วงล้ำน่านฟ้าของไต้หวัน จนอาจก่อให้เกิดการ “ลงมือ-ลงตีน” ระหว่างกันและกันได้ทุกเมื่อ...
หรือสรุปง่ายๆ ว่า...โอกาสที่จะเกิดการ “ปะ-ฉะ-ดะ” ระหว่างพญาอินทรีอเมริกากับพญามังกรจีน แบบชนิด “เล้ง...อยู่สะพานขาวแค่นี้เอง!!!” นับวันยิ่งเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที ทั้งๆ ที่คุณพ่ออเมริกายังมั่วไม่เสร็จ-มั่วไม่เลิก อยู่กับ “แนวรบ” อีก 2 ด้านในระดับหนักหนา-สาหัสเพียงใดก็ตามที หรือทำให้เกิดภาพสะท้อนอย่างที่ คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์แนวธุรกิจของรัสเซีย “นายSergey Strokan” เคยตั้งข้อสังเกตไว้ในข้อเขียน บทความเรื่อง “IS this the real reason why Victoria Nuland quit?” ประมาณว่า...การที่ปลัดกระทรวงต่างประเทศอเมริกัน “นางVictoria Nuland” ลาออก พร้อมๆ กับการแต่งตั้ง “นายKurt Campbell” ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอเมริกันคนใหม่ ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทท่าทีที่ชัดเจนของรัฐบาลอเมริกัน แบบที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาเผยแพร่ต่อในหัวเรื่องว่า...“ไบเดนโฟกัสที่ปักกิ่ง ผู้ชิงชังจีนอย่างเคิร์ต แคมป์เบลล์ จึงได้เป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ไม่ใช่ตัวเก็งที่ชิงชังรัสเซียอย่างวิคตอเรีย นูแลนด์” นั่นเอง...
พูดง่ายๆ ว่า...ความกลัวจีน-เกลียดจีน (Xenophobia) ในหมู่มวลชาวอเมริกันทั้งหลาย เอาไป-เอามาแล้ว...น่าจะเป็นอะไรที่หนักหน่วงหนักหนาสาหัสกว่าความกลัวรัสเซีย-เกลียดรัสเซีย (Russophobia) ไม่รู้กี่เท่า-ต่อกี่เท่า หรืออาจเป็นไปอย่างที่อดีตกรรมการผู้จัดการ “International Strategic Alliance” “นายGeorge Koo” ท่านได้ตั้งข้อสังเกตไว้ในข้อเขียน บทความเรื่อง “America on autopilot to self-inflicted destruction” ประมาณว่า...การทำให้จีนเป็น “ภัยคุกคาม” อันดับต้นๆ ถือเป็นการตอบสนองความปรารถนาและต้องการสำหรับการพิทักษ์-ปกป้องธุรกิจของชาวอเมริกันนั่นเอง และนั่นก็ยิ่งทำให้ “การเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา” ในแต่ละครั้ง ยิ่งกลายเป็นตัว “เร่งกระตุ้น” ให้เกิดการแพร่กระจายโรค “Xenophobia” หรือยิ่งทำให้เกิดโอกาสที่จะเกิดรายการ “ปะ-ฉะ-ดะ” เกิด “อุบัติเหตุทางทหาร” ระหว่างอเมริกากับจีน ยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ด้วยเหตุนี้...บรรดา “หญ้าแพรก” ทั้งหลายอย่างประเทศไทยแลนด์ แดนสยามของหมู่เฮา คงต้องเตรียมตัว-เตรียมใจรับมือไว้ซะแต่เนิ่นๆ นั่นแหละดี...