ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นับเป็นความพยายามไม่สิ้นสุดสำหรับการผลักดันตั้ง ENTERTAINMENT COMPLEX ที่มีกาสิโนถูกกฎหมายเอาใจผีพนัน มารอบนี้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีจะทะลุทะลวงทุกปราการอุปสรรคขวางกั้นได้หรือไม่ น่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะขณะที่รัฐไทยเอาแต่พูด ประเทศเพื่อนบ้านต่างตั้ง “ศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร” ประชิดชายแดนไทยรอบทิศทางมานมนานแล้ว
ยกใหม่นี้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (ENTERTAINMENT COMPLEX) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่มี จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จากพรรคเพื่อไทย เป็นประธาน จัดทำรายงานผลการศึกษาการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย เสร็จสิ้นแล้ว และเตรียมเสนอสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พิจารณารับรองในวันที่ 28 มีนาคม 2567
สาระสำคัญของผลการศึกษา ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ. ที่วางแนวทางการกำหนดนโยบาย การบริหารจัดการผ่านคณะกรรมการ การจัดเก็บรายได้ และมาตรการรองรับผลกระทบ
สำหรับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการพิจารณากฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร ที่มี โกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน แบ่งออกเป็น 10 หมวด รวม 68 มาตรา กำหนดให้มีคณะกรรมการสองคณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย การอนุมัติ เพิกถอนใบอนุญาต กำหนดพื้นที่ประกอบธุรกิจ กำหนดประเภทธุรกิจ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข อัตราค่าธรรมเนียม และอื่น ๆ และคณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นต้น มีอำนาจหน้าที่พิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร และอื่น ๆ โดยให้มีสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (กธบ.) เป็นฝ่ายเลขานุการ
ส่วนพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร อาจจะเป็นในเขตกรุงเทพมหานคร และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เช่น เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC เมืองหลักท่องเที่ยว โดยกำหนดพื้นที่ในรัศมีไม่เกิน 100 กม.จากสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ครอบคลุม 17 จังหวัดภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวหลัก 22 จังหวัด และพื้นที่ตามแนวชายแดน 22 จังหวัด
องค์ประกอบในการจัดตั้ง Entertainment Complex ครบวงจรขนาดใหญ่ ถ้าใช้พื้นที่ขนาด 10 - 30 ล้านตารางเมตร เงินลงทุนประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 280,000 ล้านบาท) มีการจ้างงานที่ 30,000 คน ระยะเวลาการก่อสร้าง 5-10 ปี สร้างงานในพื้นที่ได้ประมาณ 2 -3 แสนคน ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ประมาณ 20 ล้านคนต่อปี สามารถจัดเก็บภาษีได้ 1.7-2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือประมาณ 59,500-84,000 ล้านบาท
ภายใน Entertainment Complex ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าครบวงจร โรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านอาหารและบาร์ ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ (MICE) ศูนย์สุขภาพครบวงจร สนามกีฬา ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทย และสินค้า OTOP และกิจกรรมอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริหารฯ กำหนด
คณะกรรมาธิการฯ เห็นควรตั้งกาสิโนและเก็บภาษีจากผู้ประกอบการโดยคิดจากรายได้ขั้นต้นจาการเล่นพนัน (Gross Gambling Revenue : GGR) คือ รายได้หลังการหักค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการได้จากผู้เล่น โดยคณะกรรมการนโยบายฯ อาจตั้งอัตราภาษีระดับต่ำในช่วงแรกเพื่อดึงดูดนักลงทุนและปรับขึ้นภาษีในระยะต่อไป
ทั้งนี้ กรมสรรพากร มีข้อเสนอการจัดเก็บรายได้โดยเทียบเคียงกับต่างประเทศ กล่าวคือ ผู้เล่นควรได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ประกอบการอาจเก็บภาษีโดยใช้ฐานภาษี GGR ตัวอย่าง เช่น รายรับรวมจากการเล่นเกม GGR 0-20 ล้านบาท อัตราภาษี ร้อยละ20 รายรับรวมจากการเล่นเกม GGR มากกว่า 20-40 ล้านบาท อัตราภาษี ร้อยละ 25 และรายรับรวมจากการเล่นเกม GGR 40 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี ร้อยละ30 เป็นต้น
กมธ. ตั้งข้อสังเกตว่าการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายโดยให้เล่นในระบบออนไลน์ การกระจายรายได้จะไม่เกิดประสิทธิภาพ มีปัญหาจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ สุ่มเสี่ยงต่อการที่เว็บพนันจะนำไปใช้ประโยชน์ และทำให้เงินรั่วไหลไปยังต่างประเทศ
จากการศึกษากรณีประเทศสิงคโปร์ Entertainment Complex สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สิงคโปร์อย่างมีนัยสำคัญ สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้กว่า 3 แสนล้านบาท มีการจ้างงานกว่า 2 หมื่นตำแหน่ง เพิ่มรายได้ภาคการท่องเที่ยวมากกว่าร้อยละ 47 เทียบกับก่อนมีสถานบันเทิงครบวงจร และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อ GDP สิงคโปร์ประมาณร้อยละ 2 คิดเป็นมูลค่ากว่า 240,000 ล้านบาท สามารถจัดเก็บภาษีและนำเงินเข้ากองทุนเพื่อบำบัดและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและปราบปรามการพนันผิดกฎหมาย เป็นต้น
นอกเหนือจากข้อเสนอจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรแล้ว คณะกรรมาธิการฯ ยังมีข้อเสนอยกระดับการเล่นพนันของท้องถิ่น เช่น ไก่ชน ปลากัด วัวชน ม้าแข่ง สู่การแข่งขันในระดับชาติ และควรส่งเสริมให้กีฬาที่เป็นวัฒนธรรมไทย เช่น มวยไทย ให้เป็นการพนันถูกกฎหมาย เป็น Soft Power ที่ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักมวยไทย
ประเด็นมาตรการรองรับผลกระทบ คณะกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาเทียบเคียงกฎหมายกาสิโนของสิงคโปร์และญี่ปุ่น โดยสิงคโปร์มีกฎหมายว่าด้วยกาสิโน The Casino Control Act 2006 ส่วนญี่ปุ่น มีกฎหมาย The Act on Development of Specified Integrated Resort districts 2018 สิงคโปร์มีหน่วยงานที่กำกับดูแลการพนันอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ส่วนญี่ปุ่นมีคณะกรรมการควบคุมการประกอบการกาสิโน (Casino Regulatory Commission) ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้ขอรับใบอนุญาตกาสิโนของสิงคโปร์ ต้องเป็นเจ้าของพื้นที่ที่กำหนดแต่เจ้าของพื้นที่สามารถเสนอชื่อบุคคลอื่นที่ขอรับใบประกอบกิจการได้ ส่วนญี่ปุ่นกำหนดว่าต้องเป็นผู้ที่ได้รับการรับรองให้ประกอบกิจการ Specified Integrated Resort (SIR) จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยว เท่านั้น
สิงคโปร์ อนุญาตให้ประกอบธุรกิจกาสิโนได้ในพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันมี 2 แห่ง คือ มารีนาเบย์ และเซนโทซ่า ส่วนญี่ปุ่นมีกำหนดพื้นที่ไว้ 3 แห่ง แต่ปัจจุบันมีเพียงแห่งเดียวที่โอซาก้า เท่านั้น
การกำหนด ควบคุมผู้เล่น รายได้ของผู้เข้าเล่น สิงคโปร์กำหนดว่าคนสิงคโปร์และต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปี สามารถเข้ากาสิโนได้โดยเสียค่าเข้า 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ ประมาณ 3,900 บาทต่อวัน และคนต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไม่ต้องเสียค่าเข้ากาสิโน และคนต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศเท่านั้นที่สามารถใช้บัตรเครดิตซื้อชิปได้ ส่วนคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศสิงคโปร์ไม่สามารถใช้บัตรเครดิตซื้อชิปได้ ยกเว้นได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เช่น ขึ้นทะเบียนในโปรแกรมของผู้ประกอบการกาสิโน และมีบัญชีเงินฝากกับผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 2,600,000 บาท เป็นต้น
ส่วนญี่ปุ่นกำหนดให้คนญี่ปุ่นและคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป สามารถเข้ากาสิโนได้เพียง 3 ครั้งต่อ 28 วัน โดยเสียค่าเข้า 6,000 เยน ประมาณ 1,500 บาทต่อวัน สำหรับคนต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไม่ต้องเสียค่าเข้ากาสิโน รวมทั้งคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศจะต้องใช้เงินสด หรือวิธีการอื่นตามกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการควบคุมการประกอบการกาสิโนในการซื้อชิปเท่านั้น ส่วนคนต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศ สามารถใช้บัตรเครดิตซื้อชิปได้
สิงคโปร์ ยังให้โอกาสสมาชิกในครอบครัวที่ได้รับความเสียหายหรืออาจได้รับความเสียหาย ร้องขอต่อคณะกรรมการประเมิน (Committee of Assessors) เพื่อให้มีคำสั่งห้ามบุคคลในครอบครัวของตนเข้าใช้บริการกาสิโน ส่วนญี่ปุ่นได้กำหนดว่าผู้ประกอบการต้องมีมาตรการจำกัดการเข้าใช้บริการกาสิโนของบุคคลใด ๆ เมื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องร้องขอ
สำหรับการโฆษณา สิงคโปร์จำกัดพื้นที่โฆษณาเฉพาะในสนามบิน หรือศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวของรัฐและเว็บไซต์ของผู้ประกอบกิจการกาสิโน และการโฆษณาและประชาสัมพันธ์กาสิโนต้องได้รับอนุมัติจาก GRA ก่อน ส่วนญี่ปุ่นกำหนดพื้นที่ให้มีการโฆษณาในบริเวณอาคารผู้โดยสารในสนามบิน และบริเวณพื้นที่ SIR และห้ามโฆษณาเชิญชวนบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ากาสิโน ส่วนแรงงาน สิงคโปร์จะมีพนักงานพิเศษต้องได้รับอนุญาต เช่น ผู้จัดการ ผู้บำรุงรักษาเครื่องเล่น ผู้นับเงินและชิป ส่วนญี่ปุ่นต้องมีมาตรการฝึกอบรมและให้ความรู้แก่พนักงานเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
สิงคโปร์ กำหนดอายุใบอนุญาต 30 ปี และกำหนดไม่ให้มีการโอนใบอนุญาตแก่กันได้ ส่วนญี่ปุ่น กำหนดใบรับรอง 10 ปี สำหรับ SIR โดยต้องต่ออายุสัญญาทุก ๆ 5 ปี และเฉพาะในส่วนประกอบกิจการกาสิโนต้องต่อสัญญาทุก ๆ 3 ปี กรณีการโอนใบอนุญาตกระทำได้ถ้าหากยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการฯ ล่วงหน้าและได้รับอนุมัติ
ท่าทีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เห็นด้วยถ้าประเทศไทยจะเปิดสถานบริการที่มีกาสิโน และมีกฎหมายควบคุมอย่างเคร่งครัด อย่างเช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ที่ออกใบอนุญาตตั้งกาสิโนโดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่กลุ่มนักท่องเที่ยว
ปปง.ให้ข้อสังเกตว่า สังคมไทยกับการพนันเป็นของคู่กัน กาสิโนของประเทศเพื่อนบ้านมีคนไทยเดินทางไปเล่นพนันและการเล่นพนันออนไลน์ทำให้เกิดปัญหาฟอกเงินมากขึ้น โดยปัจจุบันนิยมใช้คริปโตเคอร์เรนซี่ในการฟอกเงิน เมื่อได้ทรัพย์สินจากการกระทำผิดจะใช้วิธีแปลงเป็นเงินสดเป็นเงินดิจิทัลผ่านผู้ค้าส่วนบุคคลซึ่งยังไม่มีกฎหมายควบคุม ทำให้เวลาจับกุมมักไม่พบทรัพย์สินจาการกระทำผิด
ข้อมูล ปปง.พบว่า ทรัพย์สินในประเทศไทยมีการรั่วไหลออกนอกประเทศเดือนละพันล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการพนัน ที่ต้องแก้ไข คือมาตรการทางกฎหมายการเงินที่แปลงเป็นทรัพย์สินดิจิทัล ส่วนบัญชีม้าในการทำธุรกรรม ปัจจุบันประมาณการว่ามีบัญชีม้าอยู่ 3 แสนบัญชี
ผลศึกษาผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากการมีสถานบันเทิงครบวงจร ระบุความเห็นจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ กรณีนำเงินสกุลดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี่มาใช้จ่ายในสถานบันเทิงครบวงจรเป็นค่าสินค้าหรือบริการได้หรือไม่ กรณีนี้น่าจะคล้ายกันกับการใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การนำบัตรไปใช้ในศูนย์อาหาร รถไฟฟ้า บัตรเติมเงินต่าง ๆ ซึ่งจะมีรูปแบบถึงการให้บริการในวงจำกัด แต่จะต้องดูว่าเข้าข่ายที่จะต้องขออนุญาตหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การนำเงินเข้ามาและนำเงินออกนอกประเทศ จะต้องเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนเงินตรา อยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย กำกับดูแลอยู่
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ให้ข้อมูลว่า ในปี2022 ทั่วโลกมีมูลค่าสถานบันเทิงครบวงจรประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าในปี 2028 คาดจะเติบโตถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข้อมูลจาก Statista พบว่า กาสิโนที่มีรายได้สูงสุด ได้แก่ มาเก๊า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลาสเวกัส 30,000 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เวียดนาม 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อินโดนีเซีย 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภูมิภาคที่มีมูลค่าสูงสุดได้แก่ เอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ และยุโรป
อย่างไรก็ดี ท่าทีจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า การเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะแล้วเสร็จ ขณะนี้ให้ว่าไปตามกลไกของสภาฯ
ดูท่าเป็นหนังม้วนยาวและยังไม่แน่ว่าการผลักดันกาสิโนถูกกฎหมายรอบนี้จะบรรลุเป้าประสงค์หรือไม่