หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ปธน.ไบเดน ซึ่งประกาศตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมและยืนกระต่ายขาเดียวมาตลอดว่ายืนเคียงข้างรัฐบาล, กองทัพ และประชาชนชาวอิสราเอลในการใช้กำลังเข้าปราบปรามฮามาส (ซึ่งเป็นกลุ่มที่สภาสหรัฐฯ รวมทั้งรัฐบาลของ G7, องค์การนาโต และสหภาพยุโรป ประกาศให้เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่คุกคามการตั้งอยู่ของรัฐอิสราเอล)...และได้ขวางในคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นที่ต้องการให้มีการหยุดยิงชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือจำเป็นในการดำรงชีวิตของชาวกาซาได้เดินทางไปช่วยเด็ก และผู้หญิงที่กำลังหนีระเบิดจากอิสราเอลอยู่ทุกนาที
จู่ๆ ปธน.ไบเดนก็ประกาศในการแถลงสถานะของประเทศ (State of the Union Address) เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 7 มีนาคมว่า มีความสงสารต่อพลเรือนชาวกาซาโดยเฉพาะเด็กๆ และผู้หญิงที่กำลังทยอยล้มตายจากความหิวโหยขาดอาหาร, น้ำสะอาด และยา
โดยได้สั่งการให้กองทัพสหรัฐฯ รีบดำเนินการจัดตั้งท่าเรือลอยน้ำอยู่นอกชายฝั่งกาซา ซึ่งจะมีสถานะเป็นสถานีกลางสำหรับรวบรวมความช่วยเหลือที่จะมาจากทุกสารทิศ แล้วบริหารจัดการนำความช่วยเหลือซึ่งได้แก่อาหาร, น้ำสะอาด, ยา ตลอดจนสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต เพื่อไปส่งให้แก่ชาวกาซาเพื่อให้ประทังชีวิตให้อยู่รอด
สถานีนี้จะสามารถจุสัมภาระได้วันละอย่างน้อย 500 ตัน และน้ำดื่ม 2 ล้านขวด; และสหรัฐฯ ก็พร้อมจัดส่งสัมภาระเข้าสมทบด้วย
ทำไมปธน.ไบเดนเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ใจพระได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เวลาผ่านมาถึง 5 เดือนเต็มกับการสูญเสียชีวิตที่ถูกระเบิดของอิสราเอลตายเกลื่อนกว่า 3 หมื่นชีวิต (เฉพาะที่นับเป็นร่างที่เก็บศพเป็นทางการ)
คำตอบคือ ปธน.ไบเดนกำลังหาทางออกจากการเสียหน้าอย่างมาก ที่ได้ประกาศตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ ก่อนการลงคะแนน Primary ที่รัฐมิชิแกนว่า จะมีข่าวดีจากกาซาคือ จะมีการทำข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวถึง 6 อาทิตย์ ซึ่งสหรัฐฯ เป็น broker สำคัญที่ประสานกับประเทศต่างๆ คืออียิปต์, จอร์แดน, อิสราเอล, กาตาร์ เพื่อให้เกิดการหยุดยิงชั่วคราวนี้ก่อนเทศกาลถือศีลอดรอมฎอนของชาวมุสลิม ปรากฏว่า หลังการลงคะแนนที่มิชิแกนมีชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับและมุสลิม ได้ลงคะแนน uncommitted จนทำให้ไบเดนต้องเสียหน้า…และต่อมาก่อนลงคะแนนวัน Super Tuesday ใน 15 รัฐก็เช่นกัน ไบเดนได้ประกาศเอาใจปีกซ้ายของพรรคเดโมแครตและเชื้อสายอาหรับ ตลอดจนชาวมุสลิมในสหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯ กำลังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการผลักดันการหยุดยิงชั่วคราว รวมทั้งการต้องจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ให้จงได้
ผลลงคะแนน Super Tuesday กลับยิ่งแย่กว่าที่รัฐมิชิแกน สำหรับคะแนน uncommitted ที่สูงลิ่ว
นี่เป็นที่มาที่ไบเดนเสียหน้าและต้องรีบแก้ไขเปลี่ยนนโยบายและจุดยืนด้วยการรีบส่งความช่วยเหลือชาวกาซาแบบด่วนจี๋คือ ส่งอาหารไปทาง Airdrops ถึง 2 เที่ยว เที่ยวแรก 38,000 ชุด, เที่ยวที่สอง 36,000 กว่าชุด โดยใช้บริการเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพจอร์แดน (สหรัฐฯ คงเสียหน้าที่กษัตริย์จอร์แดนได้ลงมือส่งอาหารไป Airdrops ก่อน…และเสด็จไปด้วยพระองค์เองด้วยซ้ำ!!)
ด้านสเปนซึ่งออกจะแปลกแยกจากประเทศยุโรปอื่นๆ ในการยืนอยู่ข้างชาวปาเลสไตน์ (ความจริงมีประเทศโปรตุเกสและไอร์แลนด์ที่ให้ความเห็นใจต่อชาวกาซาที่อยู่ใต้การยึดครองอย่างกดขี่โหดเหี้ยมของอิสราเอล) ได้เตรียมจัดส่งอาหาร, น้ำ และยา (ฝรั่งเศสได้ร่วมในการจัดส่งยาผ่านทางเฮลิคอปเตอร์จอร์แดนด้วย) ไปรวบรวมสิ่งของช่วยเหลือที่เกาะไซปรัส และรอจะขนไปเองทางเรือส่งไปกาซา ก่อนที่ไบเดนจะประกาศตั้งท่าเรือลอยน้ำด้วยซ้ำ
ที่ต้องจัดส่ง Airdrops เพราะการขนส่งทางบกผ่านด่านราฟาห์ถูกเตะถ่วงโดยการแกล้งของทหารอิสราเอล ที่ไม่ร่วมมือให้สัมภาระการช่วยเหลือจากยูเอ็นผ่านเข้าไป...ซึ่งแม้การขนส่งทางอากาศจะแพงเป็น 10 เท่าตัว ถ้าเทียบกับการขนส่งทางบกหรือทางน้ำ...แต่จอร์แดนก็ทนไม่ไหวที่จะนิ่งดูดายจนชาวปาเลสไตน์แสดงความผิดหวังต่อเหล่าเพื่อนบ้านชาวอาหรับและชาวมุสลิมในภูมิภาคที่ใจดำนิ่งดูดายกับความตายที่กาซา
คำประกาศตั้งสถานีบริหารจัดการช่วยเหลือเป็นท่าเรือลอยน้ำของไบเดนครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าถูกกดดันจากทั้งพันธมิตรในนาโตเช่น ฝรั่งเศส, สเปน ที่ขวนขวายจะจัดส่งความช่วยเหลือด้านอาหารและยา...ขณะที่สหรัฐฯ นิ่งดูดายตลอด รวมทั้งพันธมิตรอาหรับเช่น จอร์แดน ซึ่งภาพจากสถานีข่าวอัลจาซีรา และอีกหลายสถานีข่าวในภูมิภาคมันฟ้องตำตาว่า คนที่กาซากำลังถูกอิสราเอลโจมตีด้วยอาวุธสงคราม และยังรวมถึงใช้ความหิวโหยเป็นอาวุธเพื่อฆ่าชาวปาเลสไตน์ด้วยอีกวิธีหนึ่ง
ครั้งนี้ ถ้าเทียบกับสงครามไม่เป็นธรรมที่เวียดนาม ที่ปกปิดข่าวเรื่องฝนเหลือง และการใช้อาวุธสงครามทำลายประชาชนพลเรือนเวียดนามเช่น หมู่บ้าน My Line ตอนนั้นข่าวยังไม่แพร่หลายเท่าขณะนี้ แม้สถานีข่าวใหญ่ของตะวันตกจะปิดข่าวความโหดเหี้ยมที่อิสราเอลบดขยี้ฆ่าประชาชนปาเลสไตน์ แต่ก็ปิดไม่อยู่อีกต่อไป (รัฐบาลอิสราเอลห้ามผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้าไปในกาซาหลัง 7 ตุลาคม...มีแต่นักข่าวของอัลจาซีราที่รายงานข่าวก่อน 7 ตุลาคม ที่ยังปักหลักทำข่าวต่อไป แม้จะตายไปเกือบ 150 คนแล้วก็ตาม)
ผบ.ทหารเรือสหรัฐฯ ที่กำลังสาละวนกับการจัดตั้งท่าเรือลอยน้ำเป็นสถานีศูนย์กลางระดมความช่วยเหลือครั้งนี้ บอกกับสื่อว่า จะต้องใช้เวลาเป็นหลายอาทิตย์กว่าจะทำท่าเรือลอยน้ำนี้สำเร็จ (ใช้โครงสร้างเหล็กมาเชื่อมต่อกันแบบเลโก้คือ เป็นท่าเรือ Knockdown) และต้องทนทานต่อน้ำหนักมหาศาลของอาหาร, น้ำดื่ม (อย่างน้อย 2 ล้านขวดต่อเที่ยว-ที่สหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือชาวกาซา)
ความช่วยเหลือของไบเดนครั้งนี้ดูจะน้อยนิดเมื่อเทียบกับประชาชน 1-2 ล้านคนของกาซา ที่กำลังหิวโหยอย่างหนัก และสหรัฐฯ ดูจะมีความรู้สึกช้ามากที่เพิ่งตื่นขึ้นมาให้ความช่วยเหลือ โดยเกิดความหิวโหยนานถึง 4-5 เดือนที่สหรัฐฯ มัวไปหลับใหลอยู่
นับเป็นความช่วยเหลือแสนน้อยนิดและมาช้าเกินไป จนคนตายจากความหิวโหยเกิดขึ้นมากมาย
หรือว่าสหรัฐฯ มองว่า Better Late Than Never คือ ส่งมาช้าแต่ก็ยังดีที่ถึงมาช้า แต่ก็ยังมา…เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ว่า เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์นั่นเอง