สัญญาณว่า ฝ่ายนำของสหรัฐฯ กำลังเหนื่อยหน่ายกับความดื้อด้านของนายกฯ เนทันยาฮู และปีกขวาจัดของครม.สงครามที่เทลอาวีฟ...กำลังเด่นชัดขึ้นทุกวัน...เห็นได้จากทำเนียบขาวเปิดต้อนรับอดีตนายพลเบนนี แกนซ์ มาเยือนอย่างฉับพลัน โดยไม่มีข่าวคราวล่วงหน้าเตรียมการเดินทางมาครั้งนี้
การเผาตัวตายของทหารผิวขาวสังกัดหน่วยข่าวกรองกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่อายุแค่ 25 ถ่ายทอดสดการฆ่าตัวตายโดยประกาศไม่ขอมีส่วนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับกองทัพอิสราเอล ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ และตะโกนกึกก้องก่อนล้มลงหมดสติว่า “Free Palestine!” หรือปาเลสไตน์ต้องเป็นอิสระ-จากการยึดครองอย่างป่าเถื่อนของชาวยิวที่เข้ามารุกรานให้ต้องออกจากแผ่นดินเกิดของตน-เป็นเวลาถึง 76 ปีนับตั้งแต่ 1948
รวมทั้งภาพการยิงขีปนาวุธ, ปืนใหญ่อย่างไม่เลือกหน้าเข้าทำลายล้างชาวปาเลสไตน์ทั้งๆ ที่กาซาและที่รามาลาห์จนตายกันเกลื่อนอย่างน่าอนาถยิ่งกว่าที่ฮิตเลอร์ทำกับชาวยิวใน Holocaust เมื่อ 80 ปีมาแล้ว
และที่อิสราเอลได้ขัดขวางทุกวิถีทางในการส่งอาหาร, น้ำ, ยา ที่สหประชาชาติ และกลุ่มช่วยเหลือมนุษยธรรมได้พยายามลำเลียงไปช่วยชาวปาเลสไตน์ ก็คือ...นอกจากการใช้อาวุธสงครามฆ่าชาวปาเลสไตน์แล้ว ยังใช้อาหาร, น้ำ, ยา เป็นอาวุธ ที่จะฆ่าชาวปาเลสไตน์ ด้วยการให้อดอาหารอย่างทรมาน; ยังมี IDF ยิงชาวปาเลสไตน์ที่หิวโหยขณะวิ่งกรูไปรับอาหารจากรถบรรทุกความช่วยเหลือ...ตายไปเกือบ 100 และบาดเจ็บเกือบพันคน
โดยไบเดนได้ยืนกรานประกาศในที่สาธารณะมาตลอด 4 เดือนแห่งการสังหารหมู่ที่ทำให้ชาวปาเลสไตน์ต้องถูกฆ่าเกลื่อนกาซาสูงกว่า 3 หมื่นคน โดยตอกย้ำแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า สหรัฐฯ ยืนเคียงข้างฝ่ายนำของอิสราเอลที่จะต้องกวาดล้างฮามาสให้สิ้นซาก และเห็นด้วยกับรัฐบาล Bibi ว่า จะต้องไม่มีการหยุดยิงที่กาซา จนกว่าจะทำลายล้างกลุ่มฮามาสได้หมดสิ้น
จนทำให้ปีกก้าวหน้าของพรรคเดโมแครตเริ่มแสดงความไม่พอใจการเข้าข้างอิสราเอลของไบเดน รวมทั้งคนอเมริกันหนุ่มสาวส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยเห็นใจอิสราเอลที่ถูกบุกฆ่าโดยนักรบฮามาสในรุ่งสางของเช้าวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว...มาเป็นเดินขบวนสนับสนุนให้มีการหยุดยิงทันทีที่กาซา
โดยเฉพาะในการหยั่งเสียง Primary ที่มิชิแกน ที่เป็นรัฐทำศึกต้องชนะ (Battle Ground State) ซึ่งเป็นรัฐที่ส่งไบเดนให้ชนะทรัมป์เมื่อปี 2020 เพียงคะแนนชนะแค่ 10,000 คะแนนเท่านั้น ก็ทำให้ไบเดนกวาดคะแนนของ Electoral Collage ไปทั้งรัฐ (คือผู้ชนะจะกวาดคะแนนไปทั้งหมด-Winner Takes All) จนได้เป็นปธน.นั่นเอง
ปรากฏในการหยั่งเสียงที่มิชิแกนในปีนี้ 2024 แม้ไบเดนจะชนะขาดลอยที่มิชิแกน เมื่อเทียบกับคู่แข่งคนอื่นของเดโมแครต แต่เขาต้องเสียคะแนนไปกว่า 1 หมื่นเสียงในกลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับ ที่ไปลงคะแนนในช่อง Uncommitted แสดงการยังไม่ตัดสินใจจะให้คะแนนแก่ไบเดน...ซึ่งสะท้อนถึงสัญญาณร้ายว่า...ในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ เขาจะแพ้ต่อทรัมป์ในรัฐมิชิแกนด้วยคะแนนเพียง 1 หมื่นเสียงที่ชาวอเมริกันอาหรับที่มิชิแกนจะไม่ออกจากบ้านไปลงคะแนนให้แก่เขานั่นเอง
จึงเกิดปรากฏการณ์ที่ไบเดนออกมาเปลี่ยนท่าทีก่อนการลงคะแนนหยั่งเสียงที่มิชิแกนเพียง 3 วันว่า จุดยืนของสหรัฐฯ คือจะต้องมี Immediate Ceasefire เท่านั้น เพื่อให้ความช่วยเหลืออาหาร, น้ำ, ยาได้ไปช่วยชีวิตของชาวปาเลสไตน์ที่กำลังหิวโหยอดตาย...ทั้งๆ ที่สหรัฐฯ ได้วีโตญัตติในคณะมนตรีความมั่นคงมาตลอดที่ให้หยุดยิงทันที
และก่อน Super Tuesday เพียง 2 วันรองปธน.กมลา แฮร์ริส ก็ออกปราศรัยหาเสียงให้ไบเดน ในรัฐทางตอนใต้ว่า “ต้องมีการหยุดยิงทันทีที่กาซา” เพียงให้เหล่าเดโมแครตที่จะไปลงคะแนนในรัฐภาคใต้ อย่านั่งทับสิทธิ์อยู่ที่บ้านเพื่อประท้วงไบเดนที่เข้าข้างกองทัพอิสราเอล จนหลายคนในเดโมแครตถามว่า เธอไปขุดรูอยู่ที่ไหนตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ที่ชาวปาเลสไตน์ที่กาซาถูกสังหารฆ่าหมู่อย่างเหี้ยมโหด โดยเธอปิดปากเงียบ และเพิ่งมาสงสารชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกราดยิงฆ่าโหด ก็ในช่วงก่อน Super Tuesday นี้แหละ
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการปรากฏตัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของอดีตผบ.กองทัพอิสราเอล... หัวหน้าพรรคฟ้า-ขาว (สีธงชาติของอิสราเอล) ที่เป็นคู่ปรับของ Bibi ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา...ได้เดินทางมาพบฝ่ายนำของทำเนียบขาว ไม่ว่าจะเป็นรมต.ต่างประเทศบลิงเคน, ประธานที่ปรึกษาด้านความมั่นคงทำเนียบขาว เจค ซัลลิแวน และรองปธน.กมลา แฮร์ริส ที่ทำหน้าที่แทนปธน.ไบเดน (ติดภารกิจหาเสียงใน 15 รัฐก่อน Super Tuesday)
แม้ว่าอดีตผบ.เบนนี แกนซ์ จะมีประวัติมือเปื้อนเลือดในการยิงปราบชาวปาเลสไตน์มาตลอด และแม้ว่าเขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกับครม.สงครามกับ Bibi แต่เขาก็ดูจะเปิดกว้างกว่า Bibi ในการจะต้องหยุดยิงเพื่อจะต้องนำตัวประกันที่เหลืออยู่ให้กลับออกมาขณะยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นการให้น้ำหนักของเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่แตกต่างกับนายกฯ Bibi และปีกขวาตกขอบในครม. ที่เน้นจัดอันดับสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดคือ การกวาดล้างจับตายกลุ่มฮามาส โดยจัดอันดับการรักษาชีวิตตัวประกันอยู่ในอันดับสอง...ไม่ใช่อันดับหนึ่ง
นั่นคือ ฝ่ายนำสหรัฐฯ กำลังเลือกจะถือไพ่ทางเบนนี แกนซ์ เพื่อผลักดันให้เขาโน้มเอียงมาทางสหรัฐฯ ด้วยนโยบายใหม่ที่จะหยุดยิงก่อนอื่น เพื่อนำความช่วยเหลือทางอาหารไปยังชาวกาซา เพื่อสร้างภาพว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มีส่วนสมคบกับอิสราเอลที่จงใจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์
ขณะที่ Bibi โกรธจัดกับการที่สหรัฐฯ แบ่งแยกครม.สงครามของเขา โดยหันไปเจรจาเชิดชูเบนนี แกนซ์ แทน…ถึงขนาด Bibi สั่งไม่ให้สถานทูตอิสราเอลที่ดี.ซี.ไปให้การต้อนรับรมต.เบนนี แกนซ์ ในการเดินทางมาทำเนียบขาวในครั้งนี้!!