“ภาคีชาวไร่ยาสูบ” ร้องนายกฯ เจอ “บุหรี่เถื่อน“ ทะลักภาคใต้-กทม.-ปริมณทล กระทบยอดบุหรี่ถูกกฎหมายของการยาสูบฯ หวั่นถูกลดโควต้าปลูกยาสูบ วอนภาครัฐเร่งจัดการให้เด็ดขาด ปกป้องชาวไร่ยาสูบกว่า 3 หมื่นครอบครัว
อุตสาหกรรมยาสูบวิกฤติหนัก ภาคีชาวไร่ยาสูบพบบุหรี่เถื่อนระบาดในหลายจังหวัดอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน บั่นทอนกำลังใจเกษตรกร โดยเฉพาะในภาคเหนือที่ปลูกยาสูบพันธุ์เวอร์จิเนีย ที่ไม่เพียงบอบช้ำจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากในฤดูกาลปลูกปัจจุบันกว่ากิโลกรัมละ 12.28 บาท ยังต้องหวั่นใจว่าบุหรี่เถื่อนจะรุกหนักในตลาดประเทศไทยจนอาจถูกลดโควตาปลูกยาสูบกระทบรายได้ชาวไร่ยาสูบกว่า 30,000 ครอบครัว ชาวไร่ยาสูบรับทราบถึงปัญหาบุหรี่เถื่อนมานาน แต่ทราบเพียงว่ากระจุกตัวอยู่ในภาคใต้ พื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ปัจจุบันสถานการณ์รุนแรงขึ้นมากกว่าที่ผ่านมา
นายกิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตนได้รับข่าวสารจากเครือข่ายชาวไร่ยาสูบในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะ เชียงราย และอุบลราชธานี ว่ามีการพบเห็นบุหรี่ยี่ห้อที่ไม่คุ้นตา ไม่มีแสตมป์สรรพสามิต ไม่มีภาพคำเตือน วางขายอยู่ทั่วไปตามร้านค้าและตลาดนัด ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นไม่บ่อยนักแต่ปัจจุบันมีจำนวนมากขึ้น อาจเป็นเพราะจังหวัดเหล่านี้มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เสี่ยงต่อการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย สร้างความหวั่นใจแก่ชาวไร่ยาสูบว่าบุหรี่เถื่อนได้แพร่กระจายเข้ามาในจังหวัดของตนแล้ว เชื่อว่าตอนนี้อาจมีจำนวนมากกว่า 22.3% ตามที่การยาสูบฯ ระบุไว้ เพราะถูกพบมากขึ้นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย ไม่ใช่แค่ภาคใต้ กรุงเทพและปริมณฑลเท่านั้น ส่งผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบโดยตรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ทั้งนี้ นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยถึงแนวทางของกรมศุลกากร เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่ หรือบุหรี่เถื่อน และบุหรี่ไฟฟ้าว่า จากการดำเนินนโยบายตามคำสั่งของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง รวมถึงข้อสั่งการของนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร ในระยะสั้น กรมฯ ได้ปรับรูปแบบการป้องกันและปราบปราม โดยจะเน้นไปที่การหาข่าวการกระทำความผิด เน้นการจับกุมรายใหญ่ เข้าตรวจค้นโกดังแหล่งเก็บบุหรี่เถื่อน หรือตรวจสอบการรับส่งพัสดุที่มีความน่าสงสัยมากขึ้น
“ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ จึงอยากร้องขอท่านนายกฯ รัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายปราบปรามเช่น สรรพสามิต ศุลกากร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมทั้งทหารตามแนวชายแดน ให้เร่งปราบปรามร้านค้ารายย่อยในพื้นที่ภาคใต้เพราะบุหรี่ของการยาสูบฯ แทบจะขายไม่ได้เลยในภาคใต้เช่น พัทลุง สตูล สงขลา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต และสืบสวนหาตัวการใหญ่เพื่อหยุดขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายข้ามชาติเหล่านี้ที่บั่นทอนความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรยาสูบอย่างเร่งด่วนที่สุด” นายกิตติทัศน์ ระบุ