ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เจาะวิกฤตพนันออนไลน์ ประเด็นใหญ่ที่ต้องจับตา “เด็กไทย 3 ล้านคน เล่นพนันออนไลน์” ไม่เพียงเท่านั้นยังมีข้อมูลเผย “คนรุ่นใหม่ 1.5 ล้านคน เสี่ยงเป็นโรคติดพนัน” นำสู่ภาวะซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย สถานการณ์การพนันออนไลน์เป็นภัยต่อสังคม ขณะที่รัฐเร่งไล่ล่าเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์แต่กลับไล่หลัง ปราบปรามต่อเนื่องแต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้
อ้างอิงข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำรวจพฤติกรรมพนันออนไลน์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 15-25 ปี ทั่วประเทศ ปี 2566 พบว่าเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์กว่า 3 ล้านคน โดยเห็นโฆษณาเชิญชวนสื่อโฆษณาออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ
นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่ประมาณ 1.4 ล้านคน เสี่ยงกลายเป็นนักพนันที่เป็นปัญหา อันจะนำไปสู่โรคติดพนัน หรือ Pathological Gambling ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสมอง เสี่ยงต่อการเกิด “ภาวะซึมเศร้า - ฆ่าตัวตาย” รวมทั้ง การใช้สารเสพติดสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2 - 5 เท่า โดยพบว่า คนรุ่นใหม่ อายุ 15 - 25 ปี ใช้เวลาเล่นอินเทอร์เน็ต เฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง และ 1 ชั่วโมง ในจำนวนนี้ หรือ 1 ใน 10 เป็นการเล่นพนันออนไลน์ โดยเงินหมุนเวียนในการเล่นพนันออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ อยู่ที่เฉลี่ยปีละ 58,675 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วคนละ 1,633 บาทต่อเดือน
คนรุ่นใหม่เริ่มเล่นพนันออนไลน์ครั้งแรกที่อายุเฉลี่ย 19.5 ปี และต่ำสุดที่พบว่าคือ 12 ปี โดยพนันออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1. สลอตแมชชีน/ตู้พนัน 2. หวยใต้ดิน 3. สลากกินแบ่งรัฐบาล 4 .ไพ่พนัน และ 5.พนันฟุตบอล
ขณะที่ ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ เปิดเผยข้อมูลหนี้พนันออนไลน์ของกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 15-25 ปี ในพื้นที่ 19 จังหวัด พบว่า กลุ่มแรก อายุ 15-18 ปี มีมูลค่าหนี้พนันออนไลน์ 86,389 ล้านบาท โดยเฉลี่ยมีหนี้พนันออนไลน์ 4,488 บาทต่อคน และพบหนี้พนันออนไลน์สูงสุด 20,000 บาท กลุ่มที่สอง อายุ 19 - 25 ปี มีมูลค่าหนี้พนันออนไลน์ 686,415 ล้านบาท โดยเฉลี่ยมีหนี้พนันออนไลน์ 11,567 บาทต่อคน และพบหนี้พนันออนไลน์สูงสุด 200,000 บาท
“การศึกษาพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ปี 2566 พบว่ามามีคนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์ 32.3% หรือประมาณ เกือบ 3 ล้านคน ประมาณ 1 ใน 3 ระบุว่าตนเองได้รับผลกระทบจากการเล่นพนันออนไลน์ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เล่นพนันออนไลน์ถึง 23% เข้าข่ายเป็นนักพนันที่เป็นปัญหา เป็นกลุ่มที่ควรเข้ารับบริการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 15-18 ปี 1.12 แสนคน เป็นเยาวชน 5.77 แสนคน สัญญาณบ่งชี้พฤติกรรมการเล่นพนันที่เป็นปัญหา 5 อันดับแรกคือ ต้องเพิ่มจำนวนเงินเพื่อให้ได้ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจหรือได้ลุ้นเหมือนเดิม หวนกลับไปเล่นพนันแก้มือเพื่อหวังจะได้เงินที่เสียไปคืนมา เล่นพนันด้วยเงินจำนวนมากกว่าที่มีจ่าย รู้สึกผิดกับการเล่นพนันหรือผลที่ตามมาจากการเล่นพนัน และรู้สึกว่าอาจมีปัญหาจากการเล่นพนัน” รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน กล่าว
โดย รศ.ดร.นวลน้อย แสดงความกังวลว่าคนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงการปกป้องเด็ก และเยาวชนจากพนัน และไม่เข้าใจว่าภาวะติดพนันเป็นโรคทางจิตเวชที่รักษาได้ ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ต้องการ การออกแบบ และการสนับสนุนให้เกิดกลไกในการทำงานที่พร้อมปฏิบัติงานตลอดเวลา
นายพิทักษ์เดช ชุมไชโย รองประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศ สะท้อนว่าเด็กทุกคนรู้ว่าการเล่นพนันเป็นเรื่องผิด แต่ยังเล่นพนัน เพราะไม่มีความตระหนัก โซเชียลมีเดียทำให้เข้าถึงพนันได้ง่าย การเห็นโฆษณาบ่อยๆ เห็นเพื่อนเล่นได้ ก็อยากเล่นตาม บางคนคิดว่าจะหารายได้จากการเล่นพนัน บางคนหารายได้ด้วยการโฆษณาพนัน เปิดเฟซบุ๊กเพื่อโปรโมทเว็บพนัน เพราะเห็นเพื่อนทำแล้วได้เงินโดยไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย การเล่นพนันบ่อยๆ อาจทำให้เด็กกลายเป็นคนติดการพนันโดยไม่รู้ตัว โดยทางสภาเด็กฯ กำลังสื่อสารเรื่อง การพนันเป็นสิ่งเสพติด ไม่ต่างจากการติดเหล้า หรือบุหรี่ สร้างองค์ความรู้เพื่อถ่ายทอดให้กับเด็ก และเยาวชนตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
หากพิจารณาถึงเหตุผลในการเล่นพนันครั้งแรกแล้วติดใจจนเล่นพนันต่อไปเรื่อยๆ นายภาสกร คุ้มศิริ นักจิตวิทยาคลินิกชำนาญการ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ อธิบายว่าพฤติกรรมติดการพนันเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง ที่คล้ายกับการติดสารเสพ ที่เรียกว่า Brain Rewards System หรือระบบการให้รางวัลของสมอง ซึ่งเป็นระบบประสาทที่ทำให้มนุษย์รู้สึกมีความสุขความพึงพอใจเหมือนได้รับรางวัล เมื่อผู้เล่นได้รางวัลหรือได้ผลตอบแทนจากการเล่น ยิ่งเมื่อมีการเล่นนานๆ จะมีความต้องการเล่นเพิ่มมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไป 10 ปีก่อน การเล่นพนันสังคมยังไม่ได้มองว่าการพนันเป็นโรคไม่ได้มองว่ามีความรุนแรงสร้างปัญหาด้านต่างๆ แต่ปัจจุบันมีผลวิจัยรองรับเนื่องด้วยคนที่ติดพนันมีมากขึ้น เมื่อดูจากอาการพบว่ามีลักษณะการเสพติดพฤติกรรมรุนแรง และยังมีผลกระทบต่อสมอง ทั้งยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
สถานการณ์พนันออนไลน์นับเป็นปัญหาที่รอวันสะสางอย่าง แม้ทางการไทยเปิดปฏิบัติการบุกทลายเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องว่าการแพร่ระบาดของพนันออนไลน์ยากเกินจะควบคุม ซ้ำร้ายยังข่าวลือทำนองว่าผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ซึ่งเกี่ยวพันกับผลประโยชน์มหาศาล มักถูกเรียกเคลียร์เสนอความช่วยเหลือเพื่อแลกกับผลประโยชน์ของกลุ่มคนมีสีอีกด้วย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นเจ้าภาพจัดตั้งทีมเฉพาะกิจจัดการเว็บพนันออนไลน์ ดำเนินการปิดกั้นและติดตามเส้นทางการเงิน เพื่อหาเจ้าของนายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษตามกฎหมาย โดยทำงานร่วมกับสํานักงานตํารวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
เรียกว่าตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเจาะเส้นทางการเงินเพื่อตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์มีเงินหมุนเวียนจำนวนมหาศาลหลักพันหลักหมื่นล้านบาทต่อปี มีการโกงและหลอกเอาข้อมูลไปขาย ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง
ตามข้อมูลระหว่างดือน ม.ค. 2565 - ก.ย.2566 กระทรวงดีอี ได้ปิดกั้นเว็บพนันได้ 4,425 URL ตำรวจดำเนินคดีไปแล้ว 6,041 คดีและจับกุมผู้ต้องหา 6,191 คน โดยมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน ผู้จัดให้เล่น มีความผิดตามมาตรา 5 โทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้เล่น/ประกาศชักชวน มีความผิดมาตรา 12 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ระบุว่า การทำการตลาดพนันออนไลน์โดยใช้ Influencer เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือมีอิทธิพลทางความคิด กระตุ้นให้เยาวชนเข้าร่วมเล่นการพนันได้โดยง่าย โดยในปี 2566 พบนักพนันกลุ่มคนรุ่นใหม่พุ่งเกือบ 3 ล้านคน จำนวนนี้มีหน้าใหม่ถือกำเนิดขึ้นมากกว่า 700,000 คน
ทั้งนี้ การใช้ Influencer ทำตลาดพนันออนไลน์เป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงกลางปี 2566 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ( สอท.) กล่าวถึงแนวโน้มการโฆษณาเว็บพนันออนไลน์ผ่าน Influencer เพิ่มสูงขึ้น เพราะการตลาดที่เจาะจงเสนอรายได้จำนวนมากแลกกับงานที่ง่าย เพียงปักลิ้งค์พร้อมข้อความเชิญชวน ทำให้คนกลุ่มนี้มองข้ามข้อกฎหมายไป โดยทาง สอท. มีรายชื่อและประสานนัดให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา มีโทษในฐานะเป็นผู้ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน ในการเล่นพนันออนไลน์ ระวางโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนับเป็นจำนวนเงินน้อยมากหากเทียบกับค่าจ้างที่ได้รับจากเว็บพนันออนไลน์ในการโฆษณา
สุดท้ายดูจากตัวเลขการเล่นของกลุ่มเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่พุ่งทะลุ 3 ล้านคน สถานการณ์พนันออนไลน์นับเป็นโจทย์ข้อใหญ่ของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องหาแนวทางกำกับดูแลโดยด่วน