คงไม่ถึงกับเป็นหม้อซุปใหญ่ (metting pot) อย่างสหรัฐฯ ที่ในรอบ 200 กว่าปีได้เปิดรับชาติพันธุ์ต่างๆ เข้ามาตั้งรกรากเป็นพลเมืองสหรัฐฯ ทั้งแบบที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น-ดังเช่นผู้ทนความอดอยากแร้นแค้นสาหัสของไอร์แลนด์ไม่ไหว, ที่ทนระบอบกดขี่ทั้งทางศาสนาและเศรษฐกิจในยุโรปเช่น หนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของฮิตเลอร์-หรือที่ถูกบังคับกวาดต้อนจากทวีปแอฟริกาให้มาเป็นทาสรับใช้ในภาคเกษตรกรรม, การก่อสร้าง และในครัวเรือน
แต่ก็นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เคยเกิดขึ้นในญี่ปุ่นเท่ากับในค.ศ.นี้ (ไม่นับชาวเกาหลีที่ถูกกวาดต้อนมาเหมือนทาส หลังญี่ปุ่นได้รับชัยชนะเข้ายึดครองเกาหลี ถึงกับโค่นราชวงศ์เกาหลี แล้วคนเกาหลีกลายเป็นพลเมืองชั้นสองที่ญี่ปุ่น)
ยิ่งเห็นการสวมมงกุฎ Miss Nippon ให้กับสาวเชื้อสายยุโรป (ตะวันออก) ทั้งแท่งที่เกิดที่ยูเครน แต่อพยพตามพ่อแม่มาตั้งรกรากที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่เธอมีอายุเพียง 5 ขวบ และเธอเพิ่งได้สัญชาติญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว (ค.ศ. 2022) หลังจากเติบโตพำนักอยู่ในญี่ปุ่นถึง 20 ปีเต็ม
มีข้อถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสื่อที่ญี่ปุ่นถึงความเหมาะสมที่มงกุฎนางสาวญี่ปุ่น กลับไปสวมให้กับสาวที่รูปร่างหน้าตาเป็นชาวยุโรปทั้งแท่ง แม้จะพูดจาภาษาญี่ปุ่นได้เท่ากับคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง รวมทั้งรู้จักและซาบซึ้งในขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมเคร่งวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเป็นอย่างดีก็ตาม
พวกที่เห็นชอบกับการตัดสินของคณะกรรมการกองประกวดมองว่า เป็นหลักการเช่นเดียวกันกับการมีนักกีฬาจากประเทศอื่นๆ มาเข้าแข่งขันเป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในกีฬาฟุตบอลหรือบาสเกตบอล เป็นต้น
แต่พวกไม่เห็นด้วยบอกว่า เธอไม่มีเค้าหน้าเป็นญี่ปุ่นสักนิดเดียว และทำให้ความสวยงามแบบญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนตัวเธอ ซึ่งมีชื่อเป็นยูเครนแต่นามสกุลเป็นญี่ปุ่นคือ Karolina Shiino (คาโรลินา ชิอิโนะ)-มีอาชีพเป็นนางแบบ-ได้พูดหลังได้รับมงกุฎว่า เธอต้องเผชิญกับความยุ่งยากตลอดที่ผ่านมา ที่จะได้รับความยอมรับว่าเป็นชาวญี่ปุ่นเพราะหน้าตาท่าทางของเธอ และเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการได้รับชัยชนะครั้งนี้ จะทำให้ทัศนคติของหลายๆ คนยอมรับว่า การเป็นคนญี่ปุ่นอาจมีหน้าตาที่แตกต่างออกไปจากเดิม... เพราะเรากำลังอยู่ในยุคสมัยของความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่เกิดขึ้น...มีหลายคนเป็นแบบดิฉัน ซึ่งมีช่องว่างเกิดขึ้นระหว่างรูปร่างหน้าตาและตัวตนที่แท้จริงของเรา
เหล่าสื่อที่ไม่พอใจที่เธอได้ตำแหน่งนางงามญี่ปุ่นไปขุดคุ้ยจนเจอว่า เธอกำลังทำผิดระเบียบจรรยาบรรณของกองประกวด โดยมีคู่รักเป็นหมอญี่ปุ่นคนดัง ซึ่งมีภรรยาแล้ว และสื่อกดดันให้กองประกวดปลดเธอออก จนที่สุดเธอต้องยอมคืนมงกุฎให้กองประกวด
เร็วๆ นี้มีคนถือสัญชาติญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาจากแอฟริกา และมีสีผิวดำรวมทั้งทรงผมแอโฟร ขณะนี้กำลังฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากกรมตำรวจญี่ปุ่นที่พวกเขาถูกเรียกตรวจบัตรกลางถนน เพราะเกรงว่า เขาเป็นพวกหลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย จนพวกเขาอิดหนาระอาใจที่ต้องเสียเวลาทำมาหากิน เพียงต้องแสดงบัตรบ่อยมากว่ามีสัญชาติญี่ปุ่นหลังแปลงสัญชาติ
เพราะขณะนี้ ญี่ปุ่นได้มีนโยบายเปิดรับคน (งาน) ต่างชาติมาทำงานที่ญี่ปุ่น ประเภทงานมากมายแทบทุกชนิด โดยเฉพาะแรงงานภาคเกษตร รวมทั้งภาคบริการ จะเห็นชาวศรีลังกา, อินเดีย, บังกลาเทศ จากอาเซียนของเรานี้ก็มากมายแทบจากทุกประเทศ จนร้านอาหารและร้านค้าทั่วไปมีลูกจ้างเป็นคนต่างชาติทำงานหน้าร้านเต็มไปหมด รวมทั้ง SME’S ก็มีชาวต่างชาติไปเปิดร้านตั้งแต่เสริมสวยจนถึงช่างซ่อมช่างแก้เครื่องจักรกลต่างๆ
ยิ่งชาวยูเครนที่อพยพหนีสงครามที่รัสเซียบุกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ญี่ปุ่นเปิดรับมาเปิดร้านอาหาร, สอนภาษาอังกฤษ รวมทั้งนักดนตรี นักบัลเลต์ (คณะบอลชอยจากยูเครนก็มีชื่อเสียงโด่งดังมาก) มาสอนดนตรี, บัลเลต์ และจัดการแสดงหาทุนส่งกลับไปช่วยรบที่ยูเครนได้เงินบริจาคมากมาย
สำหรับบ้านเก่าจำนวนเป็นล้านๆ หลังที่ถูกทิ้งร้าง (Abandoned homes) ในชนบทสวยงามของญี่ปุ่นที่เรียกว่า Akiras ที่มีแต่หมู่บ้านที่มีผู้สูงอายุ เป็นบ้านร้างจากเจ้าของได้จากไปแล้วไม่มีทายาท หรือทายาทรุ่นใหม่จะเข้ามาอาศัยทำงานในเมืองใหญ่จำนวนมาก...กำลังมีแรงงานจากต่างชาติที่อพยพเข้าไป และแต่งงานกับคนญี่ปุ่นได้เข้าไปซื้อและรีโนเวทด้วยราคาถูกมาก เป็นที่อยู่อาศัยและตั้งรกรากในญี่ปุ่น รวมทั้งคนหนุ่มสาวที่สหรัฐฯ, ยุโรป, ออสเตรเลีย เป็นต้น ที่ไม่มีปัญญาหาซื้อบ้านราคาแพงที่บ้านเกิด ได้หันมาซื้อบ้านร้างราคาถูก (ไม่ถึง 1 ล้านบาท-5 ห้องนอน) เหล่านี้ โดยกฎหมายญี่ปุ่นเปิดให้ซื้อบ้านและที่ดินได้ง่ายมากสำหรับคนต่างชาติ
สังคมญี่ปุ่นวันนี้ ไม่ปิดสนิทต่อชนชาติพันธุ์ต่างๆ เหมือนในอดีต ในรายการของ NHK ออกอากาศทุกวัน มีเนื้อหาสนับสนุนการตั้งรกรากของชาติพันธุ์ต่างๆ ในญี่ปุ่น ชื่อรายการ “Where we call home” หรือ นี่คือบ้านของเรา (เชื้อเชิญให้หนุ่มสาวต่างชาติไปทำงานและตั้งรกรากที่ญี่ปุ่น)
รวมทั้งผู้รายงานพยากรณ์อากาศทางช่อง NHK ยังเป็นคนเชื้อสายแอฟริกันพร้อมทรงผมแอโฟร ออกรายการทุกวันทีเดียว
สังคมญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนถ่ายไปสู่สังคมที่มีหลากหลายชาติพันธุ์ปะปนกันมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน จากความจำเป็นเพราะขาดแคลนหนุ่มสาวมาทดแทนผู้สูงอายุ เพราะเกือบหนึ่งในสามของประชากรมีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นสังคมผู้สูงอายุสูงที่สุดในโลกนั่นเอง