"พัชรวาท" ลุยพื้นที่ระนอง มอบการบ้าน 11 ข้อ ให้ 6 จังหวัดอันดามัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาพื้นที่แก้ไขปัญหาชาวบ้าน-ดูแลนักท่องเที่ยวให้สะดวกปลอดภัย พร้อมกำชับเร่งรัดปัญหาสร้างสะพานเกาะพยาม สั่งลาดตระเวนจับตาเข้มบุกรุกป่า-ป่าชายเลน
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 67 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.ระนอง ก่อนจะเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ในวันที่ 23 ม.ค.นี้ โดยในช่วงเช้าได้เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และศูนย์ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ
จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยม และรับฟังรายงานผลงานดำเนินงานพัฒนาพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ขณะที่ช่วงบ่ายได้ไปยังศูนย์วิจัยทรัพยากรป่าชายเลนที่ 3 เพื่อประชุมติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่, ตรัง, พังงา, ภูเก็ต, ระนอง, สตูล) พร้อมกับตรวจเยี่ยม และรับฟังรายงานผลการดำเนินงาน พื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง
โดย พล.ต.อ.พัชรวาท เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ และรับฟังข้อมูลสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ทั้ง 6 จังหวัด ขอให้หน่วยงานดำเนินการ 11 ข้อ ดังนี้
1.โครงการที่ผ่านความเห็นชอบ จากการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการติดตาม และเร่งรัดการดำเนินงาน ประกอบด้วย โครงการมารีน่าชุมชนยกระดับคุณภาพโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเรือท่องเที่ยวชุมชนทะเลอันดามัน
2.โครงการติดตั้งท่าเทียบเรือลอยน้ำ บริเวณอ่าวประมง เกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
3.โครงการสำคัญในพื้นที่ที่ให้หน่วยงานเร่งรัดดำเนินการ โดยให้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ได้แก่ โครงการจัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์พังงา (ด่านพญาพิพิธ) โครงการพัฒนาสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติด้านสัตว์ป่า โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โครงการติดตั้งท่าเทียบเรือลอยน้ำ บริเวณถ้ำมรกต หมู่ที่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคใต้ฝั่งอันดามัน (จ.ระนอง) โครงการป่าในเมืองประวัติศาสตร์สงครามโลก ครั้งที่ 2 จ.ระนอง
4.การดูแลนักท่องเที่ยวในพื้นที่ 6 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง ให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมของสถานที่ การดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว รวมถึงวางแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามขีดความสามารถในการรองรับ (Carrying Capacity) อย่างเหมาะสม รวมทั้งให้ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำด้วย
5.การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ขอให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจัดทำแผนเพื่อแก้ไขปัญหา โดยให้กรมทรัพยากรธรณีเข้าร่วมดำเนินการกำหนดพื้นที่ และมาตรการที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
6.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่า-ป่าชายเลน ให้เร่งรัดจัดการแก้ไขปัญหาอย่างเข้มงวด เฝ้าระวัง และลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง
7.การแก้ไขปัญหาขยะทะเล ต้องแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการแก้ไขปัญหา ร่วมกับเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) ทำความเข้าใจกับ อปท. ด้วย
8.พื้นที่จัดการขยะ ให้กรมป่าไม้ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ สำรวจและจัดทำพื้นที่จัดการขยะในพื้นที่ป่า โดยประสานงานร่วมกับ อปท. เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างยั่งยืน
9.การพัฒนาพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง และพัฒนาพื้นที่ให้ประชาชน เยาวชน นักท่องเที่ยว เข้ามาศึกษาหาความรู้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
10.ขอความร่วมมือชาวประมง และชาวประมงพื้นบ้าน ทำการประมงอย่างระมัดระวังในช่วงฤดูวางไข่ (เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) ตลอดจนตรวจตราเครื่องมือประมงที่วางข้ามคืน เพื่อช่วยลดผลกระทบของเต่าทะเลจากเครื่องมือประมง
และ 11.การก่อสร้างสะพานที่เกาะพยาม ซึ่งเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจ ให้หน่วยงานเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกท่านให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ช่วยกันเร่งรัดแก้ไขปัญหาเพื่อให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกับ 6 จังหวัดอันดามัน ที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรป่าชายเลนที่ 3 ได้เกิดไฟฟ้าดับกะทันหัน ทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ต้องรับฟังการรายงานการดำเนินงานภายนอกห้องประชุมท่ามกลางธรรมชาติ ใช้เวลาเกือบ 40 นาที โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง.