xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เรื่องของ“ปรัชญาตะวันตก”(ตอนยี่สิบห้า) คำคมความคิดของ“อดัม สมิธ”!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อดัม สมิธ
“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

*“อดัม สมิธ”
นักคิดการเมืองทุนนิยม คู่กัดแห่งยุคสมัยกับ “คาร์ล มาร์กซ” นักคิดการเมืองคอมมิวนิสต์?!

ความจริงของ “ระบอบทุนนิยม” ที่ใช้การเมือง “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง” ที่มี “อเมริกา” เป็น “หัวหน้าใหญ่” และมี “กลุ่มชาติยุโรป” เป็น “ลูกสมุน” ใช้ “การโกหก” "หลอก“ "ชาติต่างๆ” สร้างคำเท่ๆ ที่มีคำว่า “เสรี” ต่อท้าย ทั้งที่ไม่ได้ “เสรีจริง” ดังที่โฆษณา เช่น “การเมืองเสรี-เศรษฐกิจเสรี-การต่างประเทศเสรี” กระทั่งใช้เรื่อง “เสรี” ย่อยลงมา ดังเช่น “การทหารเสรี-การค้าเสรี-การเงินเสรี-การสื่อสารเสรี” ฯลฯ 

เมื่อ “ทุนนิยมเสรี” ได้เผยตัวตนที่แท้จริงให้ “ชาวโลก” ได้รับรู้ ประจักษ์กันทั่วว่า “ระบอบทุนนิยมทุกยุค” ที่พัฒนาเติบโตขึ้นนั้น “ไม่ได้เสรีจริง”!

และที่สำคัญ.. นับแต่อดีตจรดปัจจุบัน มันได้ก่อเกิดการเพิ่มทวี “ความเหลื่อมล้ำ” อย่างมหาศาลใน “สังคมมนุษย์”

“สังคมมนุษย์” เกิดการ “รบราฆ่าฟันกัน” อย่างป่าเถื่อน! เกิดความอดอยากและการแย่งชิง “อาหาร”! เกิด “โรคระบาด” ตามติดด้วยการแย่งชิง “ยารักษาโรค”! เกิดการแย่งชิง “ทรัพยากรมีค่า” ภายในชาติและระหว่างชาติ! เกิดการเข่นฆ่าใน “หมู่มวลมนุษย์” ที่แย่ง “อำนาจกัน”! ความขัดแย้งบานปลายจนเกิด “สงครามใหญ่น้อย” มากมาย ฯลฯ

ด้วยความโลภมากมิรู้จักพอ ในทรัพย์สิน-เงินทอง-อำนาจ จึงเกิด “สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง” มนุษย์ต้องล้มตายอย่างทารุณร่วมสามสิบล้านคน!

ทุกขเวทนากลับมาเยือนชาวโลกอีกครั้ง เมื่อผู้นำหลายชาติสำแดงความโลภมากกระหายอำนาจอย่างไร้สำนึก ได้ก่อ “สงครามโลกครั้งที่สอง” มีการใช้ระเบิดปรมาณูถึงสองลูก “มนุษย์” ทั่วโลกล้มตายมากกว่าเจ็ดสิบล้านคน!

เมื่อผู้คนอดอยากยากไร้ แนวคิด “คอมมิวนิสต์” ของ “คาร์ล มาร์กซ” ก็แพร่ขยายอย่างกว้างขวาง ไปสู่ชนชั้น “ผู้ใช้แรงงาน” รวมถึงบรรดา “ปัญญาชน” ทำให้ภายหลัง “สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง” ได้เกิดการ “ปฏิวัติ” ใน “รัสเซีย” โค่นล้มระบอบ “กษัตริย์” โดย “เลนิน” ผู้นำ“ พรรคบอลเชวิค” ก่อเกิดรัฐ “สังคมนิยม” หรือ “คอมมิวนิสต์” แห่งแรกของโลก นาม “สหภาพโซเวียต”!

แม้วันนี้ “สหภาพโซเวียต” ได้แยกสลายไปแล้ว ทว่า “ปูติน” ได้ฟื้นคืน“ รัสเซีย” ให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง!
หลัง “สงครามโลกครั้งที่สอง” ในประเทศจีนเกิดการโค่นล้มรัฐบาลระบอบ “ทุนนิยม” โดย “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” ซึ่งมี “เหมาเจ๋อตุง” เป็น “ผู้นำปฏิวัติ” ก่อเกิดรัฐ “สังคมนิยม” แห่งที่สองของโลก!

วันนี้ “ผู้นำมังกรจีน” ได้เปลี่ยน “ชาติเคยล้าหลัง” กลายเป็น “ชาติจีนล้ำสมัย” หลายหลากมิติ หนำซ้ำ “หลายมิติของจีน” ทันสมัยล้ำหน้าเหนือ “อินทรีมะกัน” กับ “กลุ่มชาติยุโรป” ไปหลายขุม! ฯลฯ

“มะกัน” ที่เคยถือ “หมีขาวรัสเซีย” เป็น “ศัตรูหมายเลขหนึ่ง” ได้ประกาศเปลี่ยนให้ “ชาติจีน” เป็น “ศัตรูหมายเลขหนึ่ง” แทน!
“มะกัน” กับ “กลุ่มชาติยุโรป” ที่ยึดหลักการเมือง “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง” ยังคงมุ่ง “ทำศึกต่อชาติอื่นๆ ทุกรูปแบบ” ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาเปรียบ กระทั่งใส่ร้ายป้ายสี เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ชนิดเอาแต่ได้ตลอดเวลา จากกลุ่มชาติฝ่าย“ มังกรจีน-หมีขาวรัสเซีย” สถานการณ์โลกก็จะไร้ซึ่ง “ศานติสุข” เรื่อยไป..

“ปฏิบัติการ” จาก “ทฤษฎีทุนนิยม” ของ “อดัม สมิธ” และ “นักปรัชญา” แนวเดียวกันนี้ จึงยังต้อง “ปะทะห้ำหั่น” กับ “ปฏิบัติการ” จาก “ทฤษฎีคอมมิวนิสต์” ของ “คาร์ล มาร์กซ” และ “เหล่าสหาย” ต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!

มาดูแนวคิด 5 เรื่องของ “อดัม สมิธ” ผู้บุกเบิกระบอบ “ทุนนิยมเสรี” หรือ “ทุนนิยมสามานย์” กัน..

หนึ่ง-ประโยชน์ส่วนตน! การที่จะขับเคลื่อนให้คนในสังคมเข้าร่วม และมีบทบาทในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้และความสุขให้กับตนเองนั้น

“อดัม สมิธ” เชื่อว่า “ประโยชน์ส่วนตน” ในระดับปัจเจกบุคคล ซึ่งผ่านการตัดสินใจที่ยังยั้งชั่งใจ และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น จะนำไปสู่ประโยชน์ส่วนรวม คือ “ความมั่งคั่ง” ของประเทศ และ “ความสุข” ของสังคม!

สอง-การแบ่งงาน! ที่กระบวนการผลิตสินค้าถูกแบ่งเป็นงานย่อยๆ และแรงงานทำงานในส่วนย่อยของตน จนเกิดความชำนาญ ทำให้การผลิตทั้งกระบวนการมีประสิทธิภาพ และสามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้น

“อดัม สมิธ” ยกตัวอย่าง “โรงงานทำเข็ม” ที่คนงาน 10 คน แบ่งหน้าที่กันทำ จะผลิตเข็มได้มากถึง 48,000 เล่มต่อวัน แต่ถ้าทุกคนต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองในการผลิตเข็ม ผลผลิตรวมแต่ละวันจะไม่เกิน 200 เล่ม “ผลผลิตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยเท่า” ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง นี่คือประโยชน์ที่ได้ คือสามารถเพิ่มการผลิตและรายได้!

สาม-กลไกตลาด หรือ มือที่มองไม่เห็น! ที่จะเป็นศูนย์รวมการตัดสินใจ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของทุกคน นำไปสู่อุปสงค์หรือความต้องการสินค้า อุปทานหรือการผลิตสินค้า ราคาซื้อขายที่ทุกคนพอใจ นั่นคือการจัดสรรทรัพยากรเศรษฐกิจ

ในเรื่องนี้ ประโยคเด็ดของ “อดัม สมิธ” ปรากฎในหนังสือความมั่งคั่งของชาติ บทที่สอง เขียนว่า “ไม่ใช่จากความเมตตาของคนขายเนื้อ คนขายเหล้า คนขายขนมปัง ที่เรามีสิ่งเหล่านี้ให้รับประทานบนโต๊ะอาหาร แต่มาจากประโยชน์ส่วนตนที่คนเหล่านี้แสวงหา”

สี่-บทบาทภาครัฐ! “อดัม สมิธ” มองว่า รัฐไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงกลไกตลาด แต่ควรปล่อยให้การจัดสรรทรัพยากรเศรษฐกิจ เกิดขึ้นตามการตัดสินใจของพ่อค้าและประชาชนตามธรรมชาติ ที่มีเสรีภาพในการตัดสินใจ ทำให้การทำงานของกลไกตลาดมีประสิทธิภาพ

“อดัม สมิธ” มองบทบาทภาครัฐ ควรจำกัดอยู่ที่การทำในสิ่งที่ประชาชนคนธรรมดาไม่มีพลังที่จะทำได้ แต่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เช่น การป้องกันประเทศ การรักษาความสงบเรียบร้อย ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนเงินที่จะนำมาสร้างสิ่งเหล่านี้ ควรมาจากผู้ที่ได้ประโยชน์จากสิ่งที่รัฐบาลจัดหาให้ เช่น เก็บค่าธรรมเนียมจากการใช้ประโยชน์ และจากการเก็บภาษี

ซึ่ง “อดัม สมิธ” มองว่า ภาษีควรเก็บในอัตราที่ต่ำกว่าเท่าที่จำเป็น ไม่ควรเป็นภาระต่อประชาชน เก็บตามรายได้ที่มี คือ “มีรายได้มากจ่ายมาก ควรเป็นระบบที่มีความชัดเจน” คือ ใครต้องเสียอะไร ในอัตราเท่าไร และเป็นระบบที่ปฏิบัติได้ง่าย

ห้า-การค้าระหว่างประเทศที่เสรี! “อดัม สมิธ” มองว่า การแบ่งงานสามารถใช้ได้ในระดับประเทศ และจะเป็นประโยชน์ต่อทุกประเทศ นำไปสู่ความสามารถพิเศษของแต่ละประเทศ ที่จะผลิตสินค้าบางประเภทได้ดีกว่า และในต้นทุนที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ เกิดเป็นความได้เปรียบ ที่จะนำไปสู่การค้าขายระหว่างประเทศ ที่ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ และ “รัฐไม่ควรแทรกแซงด้วยการเก็บภาษี” หรือจำกัดการนำเข้า เพราะ “ทำให้คนในประเทศต้องจ่ายแพงในการบริโภคสินค้า”!

นี่คือแนวคิด 5 เรื่องที่ “อดัม สมิธ” เป็นผู้บุกเบิก ซึ่ง “อดัม สมิธ” เรียกรวมกันว่า “ระบบเสรีภาพตามธรรมชาติ” (System of Natural Liberty) เป็นแนวคิดที่ตรงข้ามกับความเชื่อสมัยนั้น ในเรื่องการเติบโตและความมั่งคั่งของประเทศ

เป็น “แนวคิดที่ทรงอิทธิพล” อย่างมาก ต่อพัฒนาการของ “ระบบทุนนิยมทั่วโลก” ในเวลาต่อมา ต่อการวางบทบาทภาครัฐในระบบเศรษฐกิจ และการทำนโยบายเศรษฐกิจจนถึงปัจจุบัน และปกป้องทางการค้า สนับสนุนการแข่งขัน และการมีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ นำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม และการสร้างความมั่งคั่งผ่านการค้าเสรี ซึ่งได้กลายเป็นพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจอังกฤษ และระบบทุนนิยมมาถึงปัจจุบัน

สหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน ในช่วงที่หนังสือเล่มที่สองของ “อดัม สมิธ” ตีพิมพ์ เป็นช่วงของการสร้างประเทศหลังประกาศอิสรภาพ จากการปกครองของอังกฤษ

ผู้นำอเมริการุ่นก่อตั้ง ใช้ทั้ง “แนวคิด” กับ “หลักการ” ของ “อดัม สมิธ” ในการวางรากฐานเศรษฐกิจ จนกลายเป็นประเทศทุนนิยมแนวหน้าของโลก

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ “ฮ่องกง” ที่ใช้ระบบเศรษฐกิจตามแนวคิด “อดัม สมิธ” จนทำให้ฮ่องกงกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของโลก ภายในเวลาไม่ถึง 100 ปี!

ถ้าพิจารณาแนวคิดทุนนิยมของ “อดัม สมิธ” อย่างคนโลกสวยกลางทุ่งลาเวนเดอร์ โลกนี้จะน่าอยู่ยิ่งนัก.. ผู้คนทั่วโลกจะมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน..

*แต่! เพราะ “ซาตานความโลภ” สิงในชาติที่มีเปรียบ สิงในผู้นำเลว สิงในสังคมจนกลายเป็นสังคมปลาใหญ่กินปลาเล็ก แนวคิดทุนนิยมของ “อดัม สมิธ” จึงสร้างทั้ง “ความเจริญ-ความยากจน” ไปพร้อมๆ กัน.. เอวัง!


กำลังโหลดความคิดเห็น