xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อ“ประชาธิปไตย”คือ“อันตราย!!!”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



เห็นข่าวคราวบ้านอื่น-เมืองอื่น มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว...จากสำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานี่แหละ แต่ยังไม่มีจังหวะ ไม่มีโอกาส หยิบมาแลกเปลี่ยนให้เป็นเรื่อง-เป็นราว เผอิญว่า...สำหรับบ้านเราช่วงระหว่างนี้ ข่าวคราวว่าด้วย “พรรคการเมือง” แต่ละพรรค มันออกจะ “เละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊ก” ไม่ต่างไปจากต่างบ้าน-ต่างเมืองสักเท่าไหร่ ประเภทพรรคอันดับหนึ่งของการเลือกตั้งคราวที่แล้ว อย่าง “พรรคก้าวไกล” ดันกลายสภาพเป็น “พรรคกร้าวกาม” ไปซะนี่!!! หรือพรรคเก่าแก่อายุ-อานามเกือบหนึ่งศตวรรษ ระดับแทบถือเป็น “สถาบันการเมือง” ของไทยเอาเลยด้วยซ้ำ อย่าง “พรรคประชาธิกัด”(ประชาธิปัตย์) ก็ดันตกอยู่ในสภาพพอๆ กับ “เต้าหู้ตกโต๊ะ” คือทั้งเละ ทั้งเลอะ เลอะเทะ เละเทอะ (เลอะเทอะ) ชนิดมิอาจฟื้นคืนกลับมาสู่สภาพเดิมได้เลย...

ด้วยเหตุนี้...เปิดฉากสัปดาห์นี้ คงต้องขออนุญาตหยิบเอาข่าวคราว ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” เขาพาดหัวไว้เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประมาณว่า “นี่เลย...ปชต.มะกัน สส.นิวยอร์กหาเสียงโกหก พอโดนแฉเละไม่ลาออก เพราะพรรคปกป้องเกือบปีจึงพ้นสภาฯ จนได้”มาลองใคร่ครวญพิจารณาให้ละเอียดอีกสักรอบ เผื่อว่าอาจพอได้ข้อคิด อุทาหรณ์สอนใจแม้เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี คือเรื่องของ สส.สภาล่าง เขต 3 กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา อันจัดเป็น “แม่แบบประชาธิปไตย” ของแทบจะทั้งโลก ชนิดแม้แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยามของหมู่เฮา ยังเพียรพยายามดมก้นสูดกลิ่นมาดามหอมชื่นใจมาโดยตลอด ผู้มีนามกรว่า “นายGeorge Santos” แห่งพรรครีพับลิกัน ที่เพิ่งถูกขับออกจากสภาผู้แทนราษฏร ด้วยเสียงข้างมากระดับ 2 ใน 3 ของสภาฯ โดยแม้แต่ สส.ร่วมพรรคจำนวนกว่าร้อยคน ยังอดรนทนไม่ได้ ต้องหันไปร่วมมือกับพรรคฝ่ายตรงกันข้ามอย่างเดโมแครต โหวตให้ออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา...
แม้ว่านับแต่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เมื่อปี ค.ศ. 2022 สส.รายนี้จะถูกจับโกหก ถูกเปิดโปง จนกลายเป็นเรื่องราวฉาวโฉ่มาเป็นปีๆ ถูกคณะกรรมาธิการจริยธรรมของสภาฯ ตรวจพบว่า เอาเงินรณรงค์หาเสียงไปใช้ส่วนตัว ไม่ว่าตั้งแต่เอาไปฉีดใบหน้าให้ดูเต่งตึง หรือที่เรียกว่า “Botox” อะไรประมาณนั้น เอาไปซื้อกระเป๋า “Hermes” เพื่อให้ดูเท่ ดูเก๋ เอาไปเที่ยวลาสเวกัส ไปจ่ายค่าเช่าบ้าน หรือถึงขั้นเอาไป “โหลดหนังโป๊” มาดูแก้หื่น แก้กระหาย โดยหวังจะช่วยลดระดับการคุกคามทางเพศเพื่อไม่ให้ “กร้าวกาม” จนเกินไปหรือไม่? อย่างใด? ก็ยังไม่มีข้อสรุปเป็นที่แน่ชัด แต่นั่นยังไม่หนักหนา-สาหัสเท่ากับการ “ทิม-พิธา” แบบสุดๆ ระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าการ “โกหก” ว่าโคตรเหง้า เหล่ากอ เคยถูกพวกนาซีเยอรมนีฆ่าตายในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เรียกคะแนนสงสารจากบรรดาอเมริกันชนชนิดน้ำตาไหลพรากๆ หรือมารดาบังเกิดเกล้าของตัวเองต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปพร้อมๆ กับการวินาศกรรม 9/11 ในสหรัฐฯ โดยตัวเองจะมางานศพไม่ทัน หรือไม่มีเงินจัดงานศพเพราะถูก “คสช.” อายัดเงินแบบบ้านเราหรือไม่? ประการใด? ก็มิอาจทราบชัด ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ...

แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุเพราะบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจาก “ทวยไทย” บ้านเราที่หันไปเทคะแนนให้กับพรรคก้าวไกลกันอุตลุด ไม่ว่าจะส่ง “เสาไฟฟ้า” หรือส่ง “อาชญากร” มาลงสมัครก็แล้วแต่ “นายGeorge Santos” จึงมีโอกาส “นอนมา” โดยไม่ต้องมี “พระ” สวดนำหน้าก่อนแบกขึ้นเมรุเอาเลยแม้แต่น้อย หรือได้มีโอกาส “เข้าสภาฯ” ทั้งที่โกหกแล้วโกหกอีก และถึงแม้จะถูกจับได้-ไล่ทัน ถูกเปิดโปงมาตั้งแต่หลังคริสต์มาสปี ค.ศ. 2022 แต่ก็ยังสามารถดำรงตำแหน่งความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาได้เป็นปีๆ หรือจากปี ค.ศ. 2022 จนถึงปลายปี ค.ศ. 2023 เพิ่งจะโดนขับออกเมื่อไม่กี่วันมานี้นี่เอง อันเนื่องมาจากบรรดา สส.พรรคเดียวกันหรือพรรครีพับลิกัน ยังคงอาลัย-อาวรณ์ต่อความเป็น “เสียงข้างมาก” ในสภาผู้แทนราษฎร เหนือกว่าพรรครัฐบาล หรือพรรคเดโมแครต อยู่เพียงแค่ปริ่มๆ หรือแค่ประมาณ 9 เสียง อันอาจทำให้ “ความได้เปรียบ” ของตัวเองลดน้อย-ถอยลงไม่ว่ามากหรือน้อย...

กว่าจะมี สส.รีพับลิกัน 110 คนจาก 222 คน...เกิด “หิริโอตัปปะ” หรือเกิดอาการ “อายแล้ว-อายอีก” จนต้องหันไปร่วมกับพรรคเดโมแครตโหวตให้ “นายGeorge Santos” ออกจากตำแหน่ง สส.ก็ต้องใช้เวลาร่วมปี อันถือเป็นการสะท้อนถึงข้ออ่อนข้อด้อยของ “ระบอบประชาธิปไตย” ฉบับอเมริกา ชนิดไม่น่าสูดกลิ่นมาดามหอมชื่นใจอะไรเอาเลยแม้แต่น้อย หรือสะท้อนให้เห็นถึงการชิงไหว-ชิงพริบ ชิงเล่ห์-ชิงเหลี่ยม โดยมี “ผลประโยชน์” ของพรรค หรือของตัวกูเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้เกี่ยวกับ “ผลประโยชน์ของชาติ” หรือ “ของประชาชน” ใดๆ เลย อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้บรรดาอเมริกันชนจำนวนไม่น้อย อย่างเช่นนักเคลื่อนไหวชาวแอฟริกัน-อเมริกัน “นายGarikai Chengu” อดีตนักค้าเงินแห่งบรรษัทข้ามชาติและนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ถึงกับเคยประกาศไว้ในข้อเขียน บทความ เมื่อหลายสิบปีที่แล้วว่า “ประชาธิปไตยอเมริกา...ตายแล้ว!!!” หรือ “The Death of American Democracy” ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยของประชาชน-โดยประชาชน-และเพื่อประชาชน แต่เป็นประชาธิปไตยของพ่อค้า-โดยพ่อค้า-และเพื่อพ่อค้า ประชาธิปไตยของคน 1 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ประชาธิปไตยของคน 99 เปอร์เซ็นต์อีกต่อไป...

ยิ่งถ้าหาก “ประชาชน” ดัน “โง่” ซะอีกต่างหาก!!!...หรือดันไม่รู้เรื่อง-รู้ราว ไม่รู้หมู่-รู้จ่า เอาแต่อารมณ์-ความรู้สึก หรือเอา “รสนิยม” เข้าว่า อันนี้...ก็ยิ่ง “ฉิบหาย-กับ-ฉิบหาย” หนักขึ้นไปใหญ่ คือไม่ได้คิดจะตรวจสอบ ไม่ได้ใคร่ครวญ หวนคิด ไม่พยายามรู้เท่าทัน ไม่ว่าจะ “ทิม-พิธา” กันขนาดไหน? ไม่ว่าจะ “กร้าวกาม” เพียงใด? สิ่งที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” มันก็เลยต้องกลายสภาพไปเป็นอย่างที่บรรดานักคิด นักปราชญ์ทั้งหลาย เขาเคยเอ่ยไว้เป็น “วาทะ” มาไม่รู้จะกี่ครั้ง กี่หน นั่นแหละไม่ว่าจะโดย “Art Spander” ที่สรุปเอาไว้ว่า “The great thing about democracy is that it gives every voter a chance to do something stupid” (สิ่งที่ยิ่งใหญ่ของประชาธิปไตยก็คือมันเปิดโอกาสให้ผู้ลงคะแนนทุกคนได้ทำสิ่งโง่ๆ) หรือ “George Bernard Shaw” ที่ถึงกับระบุว่า “Democracy is a device that ensures we shall be governed no better than we deserve” (ประชาธิปไตยคือเครื่องมือที่รับประกันว่า...เราจะได้รับการปกครองที่แย่กว่าที่สมควรได้รับ) ไปจนถึง “Gustave Flaubert” ที่เอ่ยไว้ว่า “The whole dream of democracy is to raise the proletarian to the level of stupidity attained by the bourgies” (ฝันทั้งหมดของประชาธิปไตย..ก็คือการยกระดับชนชั้นล่างให้ขึ้นสู่ความโง่ที่ทัดเทียมกับชนชั้นกลาง) ฯลฯ ฯลฯ....

อีกทั้ง “วาทะ” หรือคำพูด คำจาเหล่านี้...ล้วนแล้วแต่มีมาก่อนหน้าที่บรรดาปวงชน หรือประชาชนทั้งหลาย จะถูกทำให้ “โง่” หนักหนา-สาหัสยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจาก “วิวัฒนาการทางเทคโนโลยี” ที่ก้าวหน้า ก้าวไกล จนก่อให้เกิด “ผลกระทบ” ต่อผู้คนระดับที่อภิมหานักวิทยาศาสตร์ด้านยีน ด้านดีเอ็นเอแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เจ้าของรางวัล “National Academy of Sciences” ปี ค.ศ. 1997 อย่าง “Dr.Gerald Crabtree” ได้สรุปไว้ในรายงานศึกษา ค้นคว้าและวิจัยอันโด่งดังเมื่อช่วงต้นปี ค.ศ.2013 ว่าด้วยเรื่อง “ความบอบบางทางสติปัญญาของเรา” (Our fragile intellect) นั่นแหละว่า... “ระบบการรวบรวมความรู้ ความทรงจำ หรือระบบการทำงานด้านสติ-ปัญญาของมนุษย์ยุคปัจจุบัน กำลังมีลักษณะลาดเอียงไปสู่ทางลง ไม่ต่างไปจากการไต่ระดับลงมาจากเนินเขา” หรือกำลังโง่ลงๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ระดับลึกลงไปถึงยีน ถึงดีเอ็นเอ...

ด้วยเหตุนี้นี่เอง...สิ่งที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” อันเคยเป็นสิ่งที่ดูสูงส่งวิเศษวิเสโสเสียเหลือเกิน ยิ่งกลับเป็นอะไรที่ “อันตราย” ต่อสังคมแต่ละสังคม ประเทศแต่ละประเทศยิ่งขึ้นไปเท่านั้น หรือยิ่งก่อให้เกิดอาการ...เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เป็นเต้าหู้ตกโต๊ะ โดยเฉพาะถ้าหากประชาชนไม่ฉลาด ไม่ยึดมั่นในธรรม ไม่คิดจะเอาธรรมนำหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เลยต้องเป็นไปดังที่ “อภิมหาพระ” อย่าง “ท่านพุทธทาสภิกขุ” ท่านสรุปไว้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่นั่นแหละว่า... “ประชาธิปไตยที่ว่าของประชาชนเพื่อประชาชน โดยประชาชนนั้น ใช้ได้แต่เฉพาะ...ประชาชนที่มีธรรมเท่านั้น เพราะถ้าหากประชาชนไม่มีธรรม มันก็ต้องกลายเป็น...ประชาธิป-ตาย เท่านั้นเอง!!!...”


กำลังโหลดความคิดเห็น