xs
xsm
sm
md
lg

ต้องให้ทัน Thanksgiving

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



หลังจากประชุมครม.สงครามของเนทันยาฮู ยาวมาราธอนถึง 6 ชั่วโมงจนตี 3 ของวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน ก็มีประกาศจากครม.ออกมาว่า อนุมัติการหยุดยิงชั่วคราวนาน 4 วัน โดยจะประกาศเริ่มหยุดยิงในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า

หมายความว่า น่าจะประกาศเริ่มนับการหยุดยิงในวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน (ตามเวลาในสหรัฐฯ) ซึ่งก็เป็นวัน Thanksgiving พอดิบพอดี

ลงตัวพอที่ปธน.ไบเดน จะโกยคะแนนนิยม (ที่กำลังตกต่ำสุดๆ) ได้ทีเดียว พร้อมๆ กับการพบปะพร้อมหน้าสมาชิกครอบครัวทั้งที่สหรัฐฯ และที่แคนาดาในวันหยุดราชการ ในการสรรเสริญขอบคุณพระเป็นเจ้าสำหรับประเพณีที่ปฏิบัติกันมา 200 กว่าปี ตั้งแต่ชาวยุโรปได้ระหกระเหินเดินทางมาตั้งรกรากในแผ่นดินใหม่ที่เป็นอเมริกาเหนือในปัจจุบัน

เพราะในเทศกาลขอบคุณพระเจ้านี้ เป็นการเฉลิมฉลองหลังฤดูเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารอันอุดมที่เจริญงอกงามมาตลอดฤดูร้อน ไม่ว่าจะเป็นนาข้าว (ทั้งข้าวสาลี, ข้าวโอ๊ต, ข้าวไรน์ ฯลฯ) อันเหลืองอร่ามรวมทั้งข้าวโพด และฟักทอง ที่จะนำมาทำ Pumpkin Pie และตามตำนานที่บอกเล่าต่อๆ มาว่า ชาวอินเดียนแดงก็ได้นำเอาไก่งวงมาเผื่อแผ่ต่อผู้มาตั้งรกรากจากแดนไกล จนไก่งวงที่มียัดไส้แสนอร่อย ก็กลายเป็นอาหารยอดนิยมในการฉลองเทศกาลนี้ ไม่เพียงในสหรัฐฯ และแคนาดา แต่ตามโรงแรมต่างๆ ทั่วโลกก็จะเตรียมจัดสรรเมนูอาหารนี้ไว้รับรองคนทุกชาติภาษาได้ร่วมเฉลิมฉลองกลายเป็น Soft Power ของคนอเมริกันด้วย

ที่สำคัญคือ วันศุกร์ซึ่งเป็นวันรุ่งขึ้นต่อจากวันพฤหัสบดีขอบคุณพระเจ้า ก็จะเริ่มฤดูกาลของการจับจ่ายประจำปี เพราะเดี๋ยวนี้กลายเป็นธรรมเนียมที่จะมีการลดแลกแจกแถมใหญ่สุดของปีในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะทำให้ยอดขายสินค้าพุ่งขึ้น ชนิดที่ตัวเลขรายรับจะเปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีดำอย่างน่าพิศวง จึงมีชื่อเรียกวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้าว่าเป็นวันศุกร์สีดำ (Black Friday) ก็จากยอดขาย (และกำไร) งดงามนั่นเอง

เดิมจะเกิด Black Friday ก็เฉพาะในสหรัฐฯ และในแคนาดาเท่านั้น แต่ต่อมาร้านค้าในยุโรปก็เริ่มใช้วันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า (มีเฉพาะในสหรัฐฯ และแคนาดา) ให้เป็นวันศุกร์สีดำด้วย คือจัดเทศกาลลดแลกแจกแถมเป็นการเขี่ยลูกเปิดเทศกาลจับจ่ายสำหรับส่งท้ายปีและขึ้นปีใหม่ เพราะอีกเพียง 2-3 อาทิตย์ก็จะถึงฤดูมอบของขวัญวันคริสต์มาส (25 ธันวาคม) และวันปีใหม่นั่นเอง

ดังนั้น ถ้ามีการปล่อยตัวประกันและหยุดยิงที่ปาเลสไตน์ ย่อมทำให้เกิดการฉลองใหญ่โตกว่าปกติ เพราะทั้งโลกได้ติดตามสภาวะสงครามกาซามาถึง 47 วัน จนจิตใจห่อเหี่ยว ไม่เป็นอันกินอันนอนกันไปทั้งโลก ซึ่งภาวะจิตใจห่อเหี่ยว ย่อมทำให้การจับจ่ายหรือออกไปกินเลี้ยงนอกบ้านดูจะไม่รื่นเริงเท่าที่ควร เห็นได้จากยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ ในยุโรป และในประเทศ G7 ดูจะออกมาไม่สวยงามเลยในไตรมาส 3 จนน่าห่วงว่า ฤดูจับจ่ายในไตรมาส 4 นี้จะต่ำกว่าปกติเป็นแน่

ดังนั้น จึงเห็นมีการเดินสายกันคึกคักเพื่อประสานและกดดันผู้นำขวาจัด เนทันยาฮูให้ยอมตกลงตามการประสานงานของกาตาร์ ไม่ว่าจะเป็นการที่ซาอุฯ เรียกประชุมเหล่าประเทศอาหรับและประเทศมุสลิมที่มีข้อเสนอให้อิสราเอลหยุดยิงทันที เพื่อจัดทำระเบียงมนุษยธรรมเพื่อส่งอาหาร, น้ำ, ยา, เชื้อเพลิง (ไปปั่นไฟ) เข้าไปช่วยชาวปาเลสไตน์ที่กาซา และเพื่อให้มีการปล่อยตัวเชลยศึก (หรือตัวประกัน) ออกมา

หรือกรณีจีนเรียกประชุมประเทศมีรอบๆ กาซาและอิสราเอล เพื่อเรียกร้องให้หยุดยิงทันที พร้อมการปล่อยตัวประกันโดยจะมีการลำเลียงความช่วยเหลือด่วนแก่ชาวปาเลสไตน์ พร้อมๆ กับคำเรียกร้องของปธน.สี ให้มีสองรัฐอยู่เคียงคู่กันให้ได้ เป็นต้น

เนทันยาฮูถูกกดดันหนักจากปธน.ไบเดน ที่เจรจากดดันทางโทรศัพท์ แม้จนดึกคืนที่ประชุมครม.สงครามของเนทันยาฮูด้วย เพราะสหรัฐฯ จ่ายเงินช่วยเหลือรัฐอิสราเอลถึงปีละ 3,800 ล้านดอลลาร์ ติดต่อกันมาหลายสิบปี และยังทยอยส่งอาวุธมาช่วยเนทันยาฮูในการปราบฮามาสครั้งนี้ พร้อมคำยืนยันจากไบเดนว่า เห็นด้วยกับเนทันยาฮูที่ไม่ต้องการให้มีการหยุดยิง ซึ่งต่อมาไบเดนก็เห็นมติประชามหาชนทั่วโลก ประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเนทันยาฮู ดังนั้น การกดดันของไบเดนย่อมมีน้ำหนักมาก เพราะเขาบอกว่า เขายืนเคียงข้างอิสราเอล และประกาศตัวเองเป็น Zionist ด้วย (คือเป็นคาทอลิกที่เชื่อในพระคัมภีร์เก่าว่า ดินแดนปาเลสไตน์นี้เป็นของชาวยิวตามประสงค์ของพระเป็นเจ้าที่ได้บอกเล่าในตำนานที่อยู่ในพระคัมภีร์โบราณ)

ถ้าหยุดยิงได้ในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ก็น่าจะนับเป็นของขวัญวันเกิดของไบเดนด้วย เพราะเขาบอกว่า เขาจะฉลองวันเกิด (ที่อายุ 81- เกิดจริงวันที่ 20 พฤศจิกายน) รวบยอดไปกับการฉลองขอบคุณพระเจ้า เพราะในวันที่ 20 เขาไม่มีเวลาฉลองวันเกิดเนื่องจากติดพันเรื่องสงครามในกาซานี้เอง

คะแนนนิยมของไบเดนล่าสุดจากหลายๆ โพลปรากฏว่า อยู่ในระดับต่ำประมาณ 40% และต่ำกว่าของทรัมป์ที่ได้ประมาณ 42% ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 80 ปี ที่ปธน.ที่กำลังอยู่ในตำแหน่งได้คะแนนน้อยกว่า ผู้ที่ท้าชิง...ครั้งแรกก็คือ ปธน.ทรัมป์ได้คะแนนนิยมต่ำกว่าผู้ท้าชิงคือ ไบเดน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็กำลังขยายตัว และเครื่องที่ร้อนจัดก็กำลังเย็นลงแบบมีเสถียรภาพด้วยซ้ำ จากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเพื่อสกัดเงินเฟ้อถึง 11 ครั้ง จนตอนนี้คนเริ่มจับจ่ายน้อยลง; ยิ่งมาเจอสงครามกาซาก็ทำให้คนห่อเหี่ยวไม่อยากฉลองเทศกาลใดๆ

ไบเดนจึงพยายามอย่างยิ่งในการกดดันเนทันยาฮูให้รับข้อเสนอของฮามาสผ่านกาตาร์ในครั้งนี้ จนมาลงตัวเอาช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า และทำให้เกิดการดีอกดีใจเฉลิมฉลองจับจ่ายกันสุดเหวี่ยงนั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น