ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - จากกรณีการตรวจสอบ “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” โฆษณาอวดอ้างศาสตร์อัศจรรย์พลังจิตขั้นสูง “ตบ - ถีบ” รักษาสารพัดโรค คุยโว้ผู้ป่วยอาการทุเลาหายดีกันมานักต่อนัก แถมเปิดรับลูกศิษย์สอนศาสตร์พลังจิตปลุกปั้น “กองทัพหมอเทวดา” ทั้งยังเชื้อเชิญให้หน่วยงานต่างๆ เดินทางมาพิสูจน์การรักษาผู้ป่วยด้วยศาสตร์พลังจิต งานนี้! หมอสมองฟันธงเป็นเพียง “พลาซีโบ เอฟเฟกต์ (Placebo Effect)”หรือปรากฎการณ์ร่างกายตอบสนองต่อการรักษาหลอก
กล่าวสำหรับ “ศูนย์อบรมศาสตร์พลังจิต” ของ “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต”หรือ “นายกีรติ สมคิด” อ้างตนเป็นฤาษีบำเพ็ญเพียรมากว่า 32 ปี นั่งกรรมฐานฝึกจิตฝึกสมาธิอยู่ในป่าในเขา จนเข้าสู่การพัฒนากระบวนการทางจิต สามารถใช้ศาสตร์พลังจิตรักษาอาการเจ็บป่วย มีการโฆษณาอวดอ้างทางโซเชียลมีเดีย เปิดรับรักษาอาการผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์ แขนขาอ่อนแรง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปวดคอ ปวดหลัง ปวดหัวไมเกรน หายหรืออาการทุเลาได้ วิธีการรักษาศาสตร์ทางเลือกปรับธาตุ สมดุลร่างกาย รักษาคนตาบอดให้กลับมามองเห็น รักษาผู้ป่วยและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จนอาการดีขึ้น
ที่ผ่านมามีผู้ทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยปักใจเชื่อเข้ารับรักษาเป็นจำนวนมาก และมีการเรียกค่าบริกาล่วงหน้าคนละ 5,000 บาท ทั้งยังอ้างว่าคนที่รักษาไม่หาย สามารถมาขอเงินค่ารักษาคืนได้ ที่น่าเวทนาผู้ป่วยและญาติบางรายมาด้วยความหวังสุดท้าย กู้หนี้ยืมสินเพื่อหวังหายจากโรคร้าย แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง
ทั้งนี้ กรณี “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” ตบถีบรักษาโรค เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากประชาชน นับเป็นบทเรียนในการเลือกรับบริการรักษาพยาบาล เพราะหากรับการรักษาพยาบาลโดยบุคคลที่มิใช่แพทย์ ซึ่งขาดความชำนาญ และมีกระบวนการรักษาพยาบาลที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้ป่วย รวมทั้งอาจเสียโอกาสที่จะได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง จนเป็นเหตุให้โรคลุกลาม หรืออาการกำเริบจนเป็นอันตรายต่อชีวิต
นอกจากนั้น สิ่งที่น่ากังวลของการรักษาอ้างศาสตร์พลังจิตศาสตร์ใหม่ซึ่งไม่มีการรับรองผลการรักษา ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยใดๆ ต่อผู้เข้ารับการรักษา อีกทั้ง “อาจารย์เอก” มีการเปิดรับลูกศิษย์ถ่ายทอดวิชาพลังจิตปลุกเพื่อสร้างหมอเทวดาออกรักษาโรค ซึ่งตามข้อมูลระบุว่า “ถ่ายทอดศาสตร์ให้กับลูกศิษย์มาแล้วกว่า 300 คน จนตอนนี้ทุกคนเก่งกันหมด” อวดอ้างเป็นวาสนาโชคชะตาลิขิตให้เป็นส่วนนึงของกองทัพหมอเทวดา เป็นประเด็นที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขตลอดจนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามากำกับดูแล
ล่าสุด เมื่อวัน 15 พ.ย 2566 กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สบส.) นำกำลังตรวจสอบ “ศูนย์อบรมศาสตร์พลังจิต” ของ “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” หรือ “นายกีรติ สมคิด” อายุ 53 ปี โดยเช่าพื้นตั้งอยู่ที่ โรงแรมศศิ นนทบุรี แอนด์ อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 88/87 ถนนกาญจนาภิเษก ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จากการสอบสวนพบสัญญาเช่า ตั้งแต่ 27 ม.ค. 66 วัตถุประสงค์เพื่อทำสำนักงาน ไม่ได้ระบุว่าจะเปิดเป็นศูนย์รักษาใดๆ ทว่า มีเปิดทำการรักษาผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์และโรคชนิดต่างๆ
นายชาตรี พิณใย ผู้อำนวยการกอง กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังจากการตรวจสอบพบการกระทำผิดกฎหมายในเรื่องของสถานพยาบาลและกฎหมายการประกอบอาชีพเวชกรรม รวมทั้งการประกอบอาชีพแพทย์แผนไทย รวม 3 ข้อหา คือ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ประกอบสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงวิธีการรักษาที่อ้างว่าเป็นศาสตร์ใหม่ ในแง่ของการดูแลเพื่อนมนุษย์การเจ็บป่วย แน่นอนว่ามีศาสตร์ใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้ามีศาสตร์ใหม่ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของการประเมิน ตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ หากผ่านการประเมินแล้วจึงจะประกอบวิชาชีพได้
ประการสำคัญ ต้องดูพฤติกรรมว่าเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยหรือไม่ในการบำบัด ซึ่ง สธ. จำเป็นต้องเคร่งครัดเพราะการดูแลรักษาเป็นวิชาหรือเป็นวิธีการที่อันตรายถ้าไม่มีมาตรฐาน หากไม่มีการคุ้มครองประชาชน อาจได้รับอันตรายจากการรักษาพยาบาลนั้นได้ ทั้งนี้ จึงต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
สำหรับการรักษาศาสตร์พลังจิตมันพิสูจน์ไม่ได้ ยังไม่มีหลักฐานที่จะไปรองรับได้ว่าสามารถดำเนินการได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อความศรัทธาของมนุษย์ ถ้าจะเชื่อศรัทธาก็ต้องเชื่ออย่างมีเหตุมีผลและมีสติ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อตัวเอง
ขณะที่ในฝั่งของ “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” ก็ประกาศว่า เตรียมขอขึ้นทะเบียนศาสตร์พลังจิตในการรักษาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นที่คงต้องติดตามกันต่อไป
อย่างไรก็ดี มีข้อมูลจาก ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว โดยอธิบายในมุมวิทยาศาสตร์ว่า กระบวนการนี้เรียกว่า “มันคือแป้ง” หรือ “พลาซีโบ เอฟเฟกต์ placebo effect” เพราะถ้าหากผู้ป่วยหากชื่อว่าจะหาย การโดนถีบๆ ตบๆ อาการของโรคก็จะหายไปได้ถึง 30 - 40%
ทั้งนี้ ฤทธิ์ของ “มันคือแป้ง” หรือ placebo effect เป็นที่รับรู้กันมานาน โดยเฉพาะการรักษาอาการปวด การทดลองยาใหม่ ๆ ต้องลองกับกลุ่มแป้ง หรือยาหลอกเสมอ เช่น ยาไมเกรนชนิดหนึ่ง เมื่อเทียบกับการหยอดน้ำเกลือ อาการปวดไมเกรน ดีจากน้ำเกลือ 40% แทบจะเท่ายากินแก้ปวด
“บรรดาหมอ เล่าเรื่องโจ๊ก (joke) ว่า เอาหูฟังหัวใจ (stetoscope) ไปฟังหัวของคนไข้ที่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดหัว ซึ่งอาการปวดหัวหายไปครึ่งแล้ว มันก็เหมือนพระ เขกหัวโป๊กๆ หรือบางคนเจอหน้าหมอ อาการป่วยก็หายไปครึ่งแล้ว ถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ว่า เมื่อเขาเชื่อ และมีการพูด มีการสัมผัส ว่าจะต้องหาย สมองจะหลั่งสารเอนโดฟิน (endophine) เอนโดฟินช่วยลดปวดได้ คนไข้ ปวดๆ ตึงๆ หายดีนักแล เข้าใจไหม ถีบตบ เอนโดฟินหลั่ง หายปวด ยิ่งถีบยิ่งหายดี อีกตัวคือ โดปามีน (dopamine) ตัวนี้ ทำให้มีพลัง แบบลูบปุ๊บ โดด เหยงๆ นี่คือ มีพลัง หรือฮอร์โมน (Hormone) แบบตกใจไฟไหม้ก็มีผล บางที่อุปทานหมู่ บรรยากาศพาไปอาการก็หายเข้าไปใหญ่”
“อย่างไรก็ดี แต่ละคนตอบสนองไม่เท่ากัน มียีนทางพันธุกรรมว่า คนนี้ ตระกูลนี้ ตอบสนองต่อ “มันคือแป้ง” ดีกว่า เราเรียกคนมียีนนี้ว่า Placebome นั่น เมื่อบวกความเชื่อ อุปทานหมู่ และบรรยากาศ ยิ่งทวีคุณ (ไม่รู้คนไทย มียีน ตอบสนอง placebo มากกว่าฝรั่งไหม) ถ้าอาการดี ไม่มีผลเสีย ก็ทำไป แต่อย่าให้การรักษาด้วยทางหลักช้า หรือไปหาผิดทางก็แล้วกัน หากวิเคราะห์ลักษณะการรักษาของ “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” ซึ่งรักษาได้แต่อาการปวด และอาการทางสายตา แต่ไม่รักษามะเร็ง โรคผิวหนัง โรคอัมพาต ฯลฯ อธิบายง่ายๆ เพราะอาการทั้งสองนี้ เอามือลูบคลำ กระทำโดยแตะเหยียบ มันมี placebo effect เยอะ อ้างอิงประวัติศาสตร์แพทย์สมัยก่อน ฝรั่งก็มีการรักษาที่ใช้ placebo effect แต่ไม่ใช้หลักวิทยาศาตร์ เรียก Quackery medicine ใช้ไฟฟ้าช๊อตบ้าง เอาอะไรมะเคาะๆ บ้าง หรื ใช้สารแปลกๆ บ้าง”
ผศ.นพ.สุรัตน์ อธิบายรูปแบบการรักษาอ้างพลังจิต ดังนี้ 1. placebo effect คือ ปรากฎการณ์ยาหลอก ที่ เมื่อ คนไข้ได้รับ เม็ดยาที่จริงมีแต่แป้ง หรือ การกระทำต่อคนไข้ที่ไม่มีการรักษาจริง ที่เรียกว่า sham มันจะมีการตอบสนองของร่างกายต่อการรักษาหลอก ให้ร่างกายรักษาตัวเอง 2. การรักษาหลอกแบบนี้ ทางการแพทย์เรารู้ว่า สมองหลังสารเคมี เข่น endophine, dopamine ออกมา รักษาตัวเอง ให้ดีขึ้นชั่วคราว และ 3. อาการที่ตอบสนองแบบยาหลอกนี้ เป็นอาการส่วนประสาทรับความรู้สึก มากที่สุด ได้แก่ ความรู้สึกปวด (pain) และ ส่วน การรับรู้ภาพ ได้แก่การมองเห็น (visual perception) เพราะร่างกายหลั่งสารระงับปวดธรรมชาติ natural analgesuc effect ในตัวเอง
“หากอยากทำการทดลองว่าอาจารย์เอกมีฝ่ามือพลังจิตจริงไหม ต้องเข้าการทดลองแบบวิทยาศาสตร์ double blind placebo controlled trial การวิจัยแบบปกปิด 2 ทาง 1. เอาคนมา สองคน เป็นโรคปวดในระดับเท่าๆ กันมานั่ง แล้ววัดระดับความปวด 2. เอาผ้าปิดตาคนไข้ เพื่อ ไม่ให้รู้ว่าคนไหน คือ อาจารย์เอก 3. เอาอาจารย์เอกฝ่ามือเทวดา กับคนปกติ มาลูบๆ ทั้ง 2 คนพร้อมกัน พร้อมเปิดเสียง อื้อะๆ อื้อะๆ จาก เสียงที่อัดไว้ และ 4. เปิดตามาให้วัดระดับความปวดอีกที ทำกับกลุ่ม แบบนี้สัก 20 คน ก็รู้แล้ว ว่าของจริงไหม ครับ จะได้ ไม่เป็นแหล่งงมงาย”
อย่างไรก็ดี กรณีที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนให้คนไทยหันมาตระหนักในการเลือกรับบริการรักษาพยาบาล อย่าหลงเชื่อคำอวดอ้างรักษาได้สารพัดโรค อย่าหลงเชื่อคำบอกเล่าปากต่อปากบอกว่าดี