xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ก้าวไกล (ไปลงเหว) เรื่องฉาวทะลัก“ค่ายสีส้ม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เผชิญวิกฤตศรัทธาครั้งสำคัญ “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล ที่มรสุม “เรื่องฉาว” กระหน่ำแบบไม่พัก ทำเอาเส้นทาง “แชมป์เลือกตั้ง 2566” ที่เคยถูกมองว่าสดใส ต้องกลายเป็นทางวิบากสั่นคลอนความเป็น “พรรคคุณภาพ” ที่พยายามเยินยอตัวเองมาตลอด

เหตุที่ทำให้ “ค่ายสีส้ม” ภายใต้การนำของ “โกต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ต้องซวนเซหนักตอนนี้ ไม่พ้นกระบวนการจัดการ “2 สส.หื่น” รายของ “แจ้” วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และ “ปูอัด” ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ที่ถูกกล่าวหาว่า คุกคามและล่วงละเมิดทางเพศทีมงานของตัวเอง และของพรรค ที่ทำได้ไม่เร็วพอ และไม่ดีพอ

ก่อให้เกิด “เอฟเฟกต์” ที่ตามมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสองมาตรฐาน จากที่ในเบื้องแรกบทลงโทษ “วุฒิพงศ์-ไชยามพวาน” นั้นแตกต่างกัน คนหนึ่งถูกโหวตขับออกจากสมาชิกพรรค แต่อีกคนโดยเพียงคาดโทษ ได้โอกาสในการสำนึกผิด ทั้งที่คณะกรรมการวินัยของพรรคก้าวไกล มีความเห็นว่า ทั้งคู่มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง

แม้ภายหลัง พรรคก้าวไกลจะทบทวน และลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ “ไชยามพวาน” ออกจากความเป็นสมาชิกพรรค แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

ขณะที่รายของ “วุฒิพงศ์” ก็ออกมาย้อนศรเอาคืนว่า เหตุที่ตัวเองถูกขับออกจากพรรค รวมทั้งยังถูกคนในพรรคก้าวไกลตามราวีไม่เลิก เป็นเรื่อง “การเมืองภายใน” เนื่องจากตรวจสอบโรงงานกำจัดขยะใน จ.ปราจีนบุรี แล้วพบว่ามี ผู้ช่วย สส.ของกรรมการบริหารพรรคบางคนรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการบ่อขยะ โดยมีการพาดพิงถึง เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล
ล่าสุดก็ยังมีกรณีของ “ตี๋” ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ที่ถูกกล่าวหาว่า ปลอมแปลงลายเซ็น และนำสำเนาบัตรประชาชนไปแอบอ้างในการรับเงินค่าจ้างผู้ช่วยหาเสียงอีกราย ซึ่งข้อเท็จจริงและบทสรุปจะลงเอยอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป
เอาว่ายามนี้ พรรคก้าวไกล ที่อายุแค่ราว 5 ปีเศษ หากนับรวมตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ และเคยสร้างภาพดูดี คุยเขื่องหลังชนะการเลือกตั้งว่า “หอมกลิ่นเจริญ” กลับกลายเป็นพรรคการเมืองมีแต่เรื่องส่ง “กลิ่นเน่าเฟะ” จนตามล้างตามเช็ดไม่จบสิ้น

และหากพูดในแง่ปริมาณเรื่องเน่าๆ ใน “ค่ายสีส้ม” ยังมากกว่าพรรคการเมืองรุ่นพี่ที่มีอายุหลายสิบปีด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้ในสังคมออนไลน์ก็มีการแชร์ข้อมูลประวัติ สส.ก้าวไกล ถึง 30 คน ที่ถูกดำเนิน “คดีอาญา” รวมกันร่วม 100 คดี ซึ่งในจำนวนนี้เข้าใจว่าบางส่วนที่เป็นคดีทางการเมือง ที่เกี่ยวกับการแสดงออก หรือการสนับสนุนการชุมนุมทางการเมือง แต่อีกส่วนก็เป็นความผิดในเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความผิดฐานหนีการเกณฑ์ทหาร, ฉ้อโกง, เมาแล้วขับ, ปลอมเอกสารสิทธิเอกสารราชการ, ขายเหล้าเถื่อน, เจ้ามือพนัน, เช็คเด้ง และทำร้ายร่างกาย

และในจำนวน สส.ที่มีคดีอาญาติดตัวล้วนแล้วแต่เป็นระดับ “ตัวท็อป” ทั้งสิ้น อาทิ “แด๊ดดี้ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค มี 4 คดี, ปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. 14 คดี, จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา 1 คดี, เซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ 2 คดี, เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. 3 คดี, รัชนก ศรีนอก สส.กทม. 1 คดี, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ 1 คดี, ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. 1 คดี และ ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี 16 คดี เป็นต้น

จนมีการตั้งคำถามว่า พรรคก้าวไกลมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมก่อนส่งคนลงสมัครเป็น สส.หรือไม่
โดยมีกรณี “ไอซ์ ระยอง” นครชัย ขุนณรงค์ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ต้องลาออกจากตำแหน่งหลังถูกเปิดโปงว่าเคยต้องโทษจำคุก 3 ปี คดีลักทรัพย์ เมื่อ 24 ปีก่อน และมีการเลือกตั้งซ่อมที่เขต 3 จ.ระยอง แม้ “โย” พงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาแทนที่ แต่ตัว “พงศธร” ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น “พิธา” ก็ถูกเปิดโปงเช่นกันว่า มีพฤติกรรมหลบเลี่ยงการเสียภาษี

ขณะที่ จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา ก็ถูก เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. ร้องสอบเอกสาร สด.43 หรือใบเกณฑ์ทหารว่า มีการปลอม หรือใช้เอกสารราชการปลอมหรือไม่ เพราะไปพบว่า มีบุคคลชื่อ “นวรินทร์ ทองสุวรรณ์” เคยถูกศาลพิพากษากระทำผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหารฯ ตัดสินจำคุก 1 เดือน โทษจำคุกรอ 1 ปี โดยชื่อ “นวรินทร์” เป็นชื่อเดิมที่ “จิรัฏฐ์” แจ้งในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.

หรือตัว “พิธา” อดีตหัวหน้าพรรคเอง ก็ยังคาค้างอยู่กับคดีส่วนตัว ทั้งกรณีถือหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของส.ส. ของ “พิธา” สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่ และคดีถูกร้องเกี่ยวกับการหาเสียงร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่.. พ.ศ.) เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ถูกร้องว่า อาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
โดยทั้ง 2 คดีนัดพิจารณาพร้อมกัน 15 พฤศจิกายน 2566 นี้

สำหรับคดีหลัง “หัวหน้าทิม” ถูกยื่นให้วินิจฉัยว่ากระทำความผิดร่วมกับ พรรคก้าวไกล โดยเป็นฐานความผิดร้ายแรงกระทำขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญลงว่า มีความผิดก็ถึงขั้นยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค รวมถึงตัว “พิธา” เองด้วย

ขณะที่คดีถือหุ้นสื่อไอทีวี น่าสนใจว่า ในช่วงที่เป็นประเด็นดูเหมือน “พิธา” และพรรคก้าวไกล จะทีความมั่นใจในพยานหลักฐาน โดยเฉพาะสถานะของ “ไอทีวี” ที่ไม่ได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใด ๆ แล้วในปัจจุบัน และพยายามกล่าวหาว่ามี “ขบวนการ” ที่ต้องการให้ “พิธา” ที่เป็นตัวเต็งนายกฯในช่วงนั้นหลุดจาก สส. และขวางไม่ให้ถึงเก้าอี้นายกฯ

อย่างไรก็ดี ในช่วงการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญกลับพบว่า “แด๊ดดี้ทิม” ยื่นขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาถึง 2 ครั้ง ๆ ละ 30 วัน อันสะท้อนให้เห็นถึง “ความไม่มั่นใจ” บางประการของฝ่าย “พิธา” หรือไม่

อันนำมาสู่กระแสข่าวลือที่ว่า “พิธา” จะถูกตัดสินว่ามีความผิดในกรณีหุ้นสื่อ และถูกตัดสิทธิทางการเมืองซ้ำรอย “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เคยตายน้ำตื้นจากกรณีถือหุ้นสื่อวีลัค มีเดีย มาแล้ว

ก็มีคำถามกันว่า จากอนาคตที่แขวนบนเส้นด้ายของ “พิธา” ตรงนี้หรือไม่ที่ทำให้ “อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล” ไม่เคยออกมาแอคชั่นใดๆ กรณีที่ “ลูกพรรค” ถูกร้องเรียนเรื่องฉาวๆ ทั้งคุกคาม-ล่วงละเมิดทางเพศ หรือกรณีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ก่อนนั้นเลย

มีการคิดไกลไปกว่านั้นอีกว่า เหตุที่ “พิธา” ไม่ออกตัวมาแสดง “ความหล่อ” หาใช่เพราะพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคแล้ว หรือการติดพันคดีความส่วนตัว แต่เป็นเพราะเจ้าตัวก็เคยมีชนักเกี่ยว “ความุรนแรงในครอบครัว” มาก่อน จนถูก “ต่าย-ชุติมา” อดีตภรรยาฟ้องต่อศาล และแม้ศาลจะยกฟ้อง แต่ฝ่ายหญิงเองก็ระบุว่า ขอให้เป็นเรื่องของคนสองคน เมื่อได้ไต่สวนแล้วมีการทำร้ายร่างกายจริง แต่ไม่ถึงกับเป็นความรุนแรงในครอบครัว”

คำถามที่มีถึง “เสี่ยทิม” ก็มีไปถึง “เสี่ยเอก” เช่นกัน เพราะดูว่า “ศาสดาก้าวไกล” จะไม่ยี่หระกับเรื่องฉาวที่กำลังป่วนพรรคก้าวไกลอย่างหนัก โดยไม่เคยมีการออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เลย

 วุฒิพงศ์ ทองเหลา

  ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์

 นครชัย ขุนณรงค์
กรอปกับผลลงมติของที่ประชุมกรรมการบริหาร ร่วมกับ สส.พรรคก้าวไกล ที่พิลึกพิลั่นในกรณีคาดโทษ “ไชยามพวาน” ในตอนแรก ท่ามกลางข้อกล่าวหาถึง “ขบวนการอุ้ม” เลือกที่ทักรักที่ชัง เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า “ไชยามพวาน” มีความคุ้นเคยกับแกนนำพรคคก้าวไกลบางคน กระทั่งถูกวิพากษ์ว่า ผลโหวตอุ้ม “ไชยามพวาน” นั้นเป็นการตอกย้ำหลักคิด “ชายเป็นใหญ่” ในพรรคก้าวไกลหรือไม่

เมื่อ “ศาสดาค่ายสีส้ม” ไม่ออกมาแอคชั่นใด ก็เลยถูกเหมารวมไปว่า สนับสนุนหลักคิด “ชายเป็นใหญ่” ไปด้วย

ต่างจาก “จารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และ “สาวช่อ” พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นบ่อยครั้ง พร้อมเรียกร้องให้ สส.ที่ถูกกกล่าวหาลาออกจากตำแหน่ง เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีทางการเมือง

เอาเข้าจริงเรื่องฉาวๆ ใน “ค่ายสีส้ม” ไม่ได้มีแค่กรณี “วุฒิพงศ์-ไชยามพวาน” เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ก็มีกรณี “คนค่ายส้ม” มีส่วนพัวพันกับกรณีคุมคาม-ล่วงละเมิดทางเพศ หรือเกี่ยวกับอบายมุข รวมถึงการใช้ความรุนแรงมาแล้วหลายกรณี

ที่เป็นข่าวโด่งดัง ไม่พ้นกรณี “เตอร์” ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 27 พรรคก้าวไกล ที่ถูกจับเมาแล้วขับ หลังวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 เพียงวันเดียว นัยว่าไปฉลองที่พรรคต้นสังกัดได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ก่อนจะไปเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ โดยมีรายงานว่า “ว่าที่ สส.เตอร์” ยื้อไม่ยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ด้วย

ครั้งนั้นถือว่า พรรคก้าวไกล บริหารจัดการสถานการณ์ได้ดี โดยเกลี้ยกล่อมให้ “ณธีภัสร์” ประกาศลาออกจากการเป็น สส.ทันที เพื่อลดกระแสสังคม เพราะขณะนั้น พรรคก้าวไกล กำลังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ซึ่งกรณี “เตอร์” เป็นเพียงหนึ่งในอีกหลายคนของพรรคก้าวไกลที่มีคดี “เมาแล้วขับ” เพราะตามบัญชีคดีอาญาของ สส.พรรคก้าวไกล พบว่า มีไม่น้อยกว่า 10 คนที่มีประวัติเกี่ยวกับคดีนี้อยู่ พ่วงกับประวัติในคดีที่เกี่ยวข้องกับการผลิต หรือจำหน่ายสุราผิดกฎหมาย โดยรายหนึ่งที่จำกันได้ดีไม่พ้น “สส.เท่า” เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. ที่ถูกจับฐานต้มเบียร์เถื่อนก่อนเบนเข็มเข้าสู่การเมือง

ตรงนี้ก็ทำให้พรรคก้าวไกลที่พยายามสนับสนุน “สุราก้าวหน้า” ไปได้ไม่สุดทาง และถูกมองว่าสนับสนุน “อบายมุข” โดยที่แม้แต่คนในพรรคก็ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมจากกรณีถูกจับเมาแล้วขับหลายต่อหลายคน

ยังมีกรณี “รองอ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร สส.พิษณุโลก สมัยที่ยังอยู่พรรคก้าวไกล ก็มีคดี “เชียร์เบียร์” โพสต์ภาพคู่ขวดเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งมีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย เดิมทีเจ้าตัวก็ “แถ” ว่ามีเจตนาสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการแก้กฎหมาย “สุราก้าวหน้า” แต่ “สาธารณสุข จ.พิษณุโลก” ก็กางกฎหมายตอกว่า ผิดเต็มประตู ทำให้ “รองอ๋อง” ต้องรีบไปจ่ายค่าทปรับ 5 หมื่นบาท เพื่อให้เรื่องจบ

 ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์

 เกรียงไกร จันกกผึ้ง

 ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์

ปดิพัทธ์ สันติภาดา
ซึ่ง “รองอ๋อง” คนเดียวกันนี้ก็ยังสร้างเรื่องทั้งจัดเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านของบริษัทเอกชนที่รับจ้างเป็นงานแม่บ้านที่รัฐสภา จนถูกขนานนามว่า “ทั่นรองหมูกระทะ” ช่วงที่เป้นประเด็นก็ยืนกรานว่า มีอำนาจเบิกจ่ายงบประมาณสามารถทำได้ แต่ที่สุดก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายคืน เพราะฝ่ายกฎหมายชี้ว่า มีความผิด

ตามมาด้วยกรณี “ทัวร์นอก” ถูกระบุว่า ผลาญงบประมาณยกคณะไปดูงานที่สิงคโปร์ทั้งที่ไม่ได้รับเชิญ แต่ต้องไป “ล้างท่อ” งบประมาณดูงานต่างประเทศที่ทางรัฐสภาตั้งไว้ โดยวางโปรแกรม “บินหรู อยู่สบาย” เมื่อถูกจับได้ไล่ทัน ก็ระมัดระวังตัว พร้อมกลับมาแจกแจงการใช้จ่ายงบประมาณแบบละเอียดยิบ

หนักสุดของ “ปดิพัทธ์” น่าจะเป็นกรณีสมรู้ร่วมคิดกับ พรรคก้าวไกล ที่ต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยใช้วิธี “เลี่ยงบาลี” ใช้วิธีขับ “รองอ๋อง” ออกจากพรรค เพื่อให้คงสถานะ สส. เพื่อเกาะเก้าอี้รองประธานสภาฯ ไว้ โดยไป “ฝากเลี้ยง” ด้วยการสังกัดพรรคอื่น

จนถูกตราหน้าว่า พรรคก้าวไกล ก็ไม่พ้นวังวนน้ำเน่า ยึดติดตำแหน่ง หวงเก้าอี้ ไม่ต่างที่เคยชี้หน้าด่าพรรคอื่น

ถัดมาก็เป็นกรณีคุมคาม-ล่วงละเมิดทางเพศ และการใช้ความรุนแรง ที่ประดังประเดเข้ามาหลายกรณี ทั้ง อนุภาพ ธารทอง สก.เขตสาทร ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี เหตุเยาวชน 4 รายอ้างว่าถูก “อนุภาพ” ลวงไปดื่มสุรา และล่วงละเมิดทางเพศ โดย “อนุภาพ” ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และประกันตัวออกมาต่อสู้คดี พร้อมลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล

กรณี สิริน สงวนสิน สส.กทม. เขตทวีวัฒนา-ตลิ่งชัน ถูกหญิงที่คบหากันประมาณ 1 เดือนแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อวิน จ.ชลบุรี ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ และทำให้เสียทรัพย์ โดยถูก “สิริน” ชกต่อยใบหน้า ดึงศีรษะได้รับบาดเจ็บ และหยิบโทรศัพท์มือถือโยนทิ้งข้างถนนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 หลังร่วมงานสัมมนา สส.ของพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตาม ภายหลังฝ่ายหญิงไม่ติดใจเอาความคดีทำร้ายร่างกาย และได้รับคำขอโทษแล้ว

โดยทางพรรคได้มีมติคาดโทษ “สิริน” ตัดสิทธิที่พึงมีของพรรค ไม่เสนอชื่อดำรงตำแหน่งในพรรค และประธานกรรมาธิการ (กมธ.) หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก พรรคจะยกระดับโดยการขับออกจากสมาชิกภาพ หลังผลการสอบสวนพบว่า “สิริน” ทะเลาะวิวาทและใช้ความรุนแรงจริง

ต่อมาเป็นกรณี เกรียงไกร จันกกผึ้ง อดีตผู้สมัคร สส.ชัยภูมิ ที่ถูกโฆษกหญิงของพรรคการเมืองต่างสังกัดพรรคหนึ่งร้องเรียนว่า ละเมิดทางเพศ โดยที่ฝ่ายหญิงไม่ยินยอม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 หลังตกเป็นข่าว “เกรียงไกร” ได้โพสต์ผ่าน X กล่าวคำขอโทษที่ละเลยความรู้สึก และละเมิดหลักการยินยอมจนทำลายความเชื่อใจและความหวังดี ก่อนที่จะปิดบัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหมด โดย “เกรียงไกร” ได้ถูกมติขับออกจากสมาชิกพรรค

กระทั่งมาพีกที่สุดกับกรณี “วุฒิพงศ์-ไชยามพวาน” ที่ทำท่าจะบานปลาย ทั้งที่เกริ่นไปข้างต้น เมื่อ “วุฒิพงศ์” เปิดโปงว่า ผู้ช่วย สส.ของกรรมการบริหารพรรคบางคนรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการบ่อขยะ โดยมีการพาดพิงถึง เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ว่ามีส่วนในการล็อบบี้ให้โหวตขับตัวเองออกจากพรรคก้าวไกล

โดย “วุฒิพงศ์” ระบุว่า คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญให้ไปชี้แจงเรื่องมลพิษที่เกิดขึ้นใน จ.ปราจีนบุรี และเรื่องทุจริตของ “นาย ส.” ที่เป็นผู้ช่วย สส.ของ “เบญจา” ที่ได้อามิสสินจ้างจากผู้ประกอบการบ่อขยะ ซึ่ง “วุฒิพงศ์” มั่นใจว่า ถ้าดูตามพยานหลักฐาน มีมูลสูงมาก 95-100%

น่าสนใจที่ว่า ยังไม่ทันที่จะมีการตรวจสอบ แต่ “หัวหน้าต๋อม” กลับออกมาปกป้อง “เบญจา” ตั้งแต่ต้น โดยระบุว่า “นาย ส.” เป็นผู้ช่วย สส.ที่พรรคเสนอชื่อไปเป็นผู้ช่วย สส. โดยที่ “เบญจา” ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย และได้นำรายชื่อออกจากการเป็นผู้ช่วย สส.แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการอคติในการตรวจสอบ เกี่ยวกับการรับผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ในการพิจารณาสอบสวนเรื่องนี้

ขณะที่กรณี “ไชยามพวาน” ต้องถือว่ามี “อาฟเตอร์ช็อก” มากกว่า จากมติแรกที่ไม่ขับ “สส.ปูอัด” ออก ท่ามกลางเสียงก่นด่าทั้งจากภายใน-ภายนอกพรรค เย้ยหยันถึงหลักการ “คนเท่ากัน” ที่ไม่มีอยู่จริง โดยระบุว่า “ไชยามพวาน” ถือ “ตั๋วช้าง-ตั๋วไอติม-ตั๋วเพชร” ถึงรอดมาได้ในด่านแรก

หากแต่ “สส.ปูอัด” ก็ทำร้ายตัวเอง หลังออกมาแถลงขอโทษตามมติพรรค จนกลายเป็นมีม “โค้งแล้วโค้งอีก” โดยในเนื้อหาคำแถลงกลับไม่สะท้อนถึงความสำนึกผิด ทั้งยังระบุว่าเป็นเรื่องปกติ และการสมยอมของผู้เสียหาย เสมือนหนึ่ง พรรคก้าวไกล ปล่อยให้ “ไชยามพวาน” ไปย่ำยี “ผู้เสียหาย” ซ้ำ

ทำให้พรรคก้าวไกลที่รู้ว่า ความเสียหายรุนแรงกว่าที่คิด ต้องรีบแก้เกมโดยการประชุมโหวตขับ “ไชยามพวาน” ออกจากสมาชิกพรรคในที่สุด

เรื่องฉาวเน่าเฟะ ที่เชื่อว่าจะยังไม่หมดแค่นี้ของ พรรคก้าวไกล กำลังเป็นหอกทิ่มแทงหลักการพรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่เคยโฆษณาชวนเชื่อว่า จะทำการเมืองแบบใหม่ และยกระดับจริยธรรม ไม่ตกในวังวนน้ำเน่าแบบเดิมๆ อย่างรุนแรง

เพราะแต่ละกรณีที่เกิดขึ้นประจานให้เห็นชัดเจนว่า พรรคก้าวไกลไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ

ทำให้พรรคก้าวไกลที่เคยถูกประเมินว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะพวยพุ่งไปจนถึงขั้นตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เลย กำลังจะกลายเป็น ก้าวไกล ก้าวไปลงเหว ซะแล้ว.




กำลังโหลดความคิดเห็น