xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ล้างบางมาเฟียหมูเถื่อน งานหมูที่ไม่หมู “นายกฯนิด-ผู้กองธรรมนัส” จะสู้ไหวไหม?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นที่รู้กันดีว่าขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนมีกลุ่มมาเฟีย ทุนสีเทา และเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนในกรมศุลกากรอยู่เบื้องหลัง แต่การกวาดล้างในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาดูทรงคงล้มเหลว เพราะนอกจากปัญหาไม่ทุเลาเบาบางลงแล้วยังเหิมเกริมหนัก ดูจากกรณีล่าสุดที่เสี่ยเจ้าของห้องเย็นลั่นกระสุนสังหารหัวหน้าด่านกักกันสัตว์เพชรบูรณ์ ขณะเข้าตรวจค้นห้องเย็นลักลอบเก็บกักหมูเถื่อนเป็นตัวอย่าง 

การเปิดวอร์ที่ดุดันถึงกับมีเจ้าหน้ารัฐสังเวยชีวิตและอีกรายบาดเจ็บ ท้าทาย “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นแม่ทัพนำศึกคนใหม่อย่างยิ่งว่าจะชำระสะสางล้างบางขบวนการหมูเถื่อนให้สิ้นซากได้หรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่าขบวนการนี้มี  “เจ้าหน้าที่รัฐ” บางส่วนมีเอี่ยวด้วย ไม่เพียงกรมปศุสัตว์เท่านั้นที่ถูกตั้งข้อกังขา แต่ยังยังโยงไปถึงกรมศุลกากร ซึ่งสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เคยแฉกันครึกโครมมาก่อนหน้า และตอนนี้ก็มีทนายคนดังร่วมวง

“.... ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างบริสุทธ์ใจ แต่เรื่องนี้ไม่ทำให้ผมหวั่นไหวหรือล้มเลิกที่จะล้างบางผู้กระทำผิดกฎหมายแน่นอน จากนี้ต้องตรวจเอกซเรย์ทั่วประเทศเข้มข้นมากขึ้น ไม่มีละเว้นว่าใครเป็นนายทุนหรืออยู่เบื้องหลังห้องเย็นเถื่อนแม้แต่รายเดียว” ร.อ.ธรรมนัส ประกาศลั่นหลังลูกน้องต้องมาตายจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างเศร้าสลด

แต่ที่น่าหดหู่อย่างยิ่งก็คือ กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายต่างเติบใหญ่ขึ้นใน  “สมัยรัฐบาลทหาร”  ขึ้นมาบริหารประเทศติดต่อกันยาวนานหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ไม่เพียงกรณีของ “เสี่ยนุ” นายอนุสรณ์ ดอนสวรรค์  ซึ่งลั่นไกปลิดชีพ  นายสราวุฒิ ประจวง หัวหน้าด่านกักกันสัตว์เพชรบูรณ์ กรมปศุสัตว์  ในขณะปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบห้องเย็นบริเวณบ้านของ “เสี่ยนุ” เท่านั้น ก่อนหน้านี้ก็มีคดีลูกน้องนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ “กำนันนก” ผู้กว้างขวางแห่งจังหวัดนครปฐม ยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ “สารวัตรศิว” เสียชีวิตภายในงานเลี้ยงที่บ้าน “กำนันนก” เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นภาพสะท้อนว่าช่วงที่ผ่านมากลุ่มผู้มีอิทธิพลใหญ่คับแผ่นดินเพียงใด



 เจ้าหน้าที่ตรวจค้นบริษัท เจ.พี. ห้องเย็น จำกัด ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร พบซากสัตว์ผิดกฎหมายหลายร้อยตัน
การตายของหัวหน้าด่านกักกันสัตว์เพชรบูรณ์ ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ที่กำลังทำสงครามกับขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อเถื่อนทุกชนิด

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นช่วงบ่ายเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 โดยนายสราวุฒิ ประจวง หัวหน้าด่านกักกันสัตว์เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สัตวบาลรวม 9 นาย เข้าตรวจสอบห้องเย็นที่บ้านนายอนุสรณ์ ดอนสวรรค์ ในพื้นที่ตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งลักลอบซุกซ่อนหมูเถื่อนเพื่อนำออกจำหน่าย เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเนื้อสุกรประมาณ 1,000 กิโลกรัม เก็บอยู่ในหห้องเย็นจึงสอบถามที่ถึงแหล่งที่มา เจ้าของห้องเย็นแจ้งว่านำมาจากจังหวัดนครปฐม แต่ไม่มีหลักฐานแสดงที่มา ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาจำหน่ายเนื้อสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมควบคุมโรค อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559

ในระหว่างที่ทำการบันทึกเปรียบเทียบปรับอยู่นั้น หัวหน้าด่านกักกันสัตว์เพชรบูรณ์ เกิดการโต้เถียงกับนายอนุสรณ์ และ “เสี่ยนุ” ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่นายสราวุฒิ จนเสียชีวิต ส่วนนายพงษ์พันธา ศรีสุวรรณ สัตวแพทย์ชำนาญงาน ซึ่งติดตามไปด้วยได้รับบาดเจ็บ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เชื่อว่า เหตุการณ์ยิงเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ จนเสียชีวิตและบาดเจ็บครั้งนี้ น่าจะเป็นผลจากการที่ตนเองได้สั่งกวาดล้างขบวนการนำเข้าสินค้าเกษตรเถื่อนอย่างจริงจัง โดยมีการเผาทำลายหมูเถื่อน ณ สำนักงานชลประทานที่ 9 จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 จำนวน 1 ตู้ ซึ่งเป็นซากสุกรของตกค้างและของกลางในคดีพิเศษที่ 59/2566 ที่มีอยู่ทั้งสิ้นจํานวน 161 ตู้ และยังมีการตรวจสอบห้องเย็นเพื่อปราบปรามการลักลอบขนส่งและซุกซ่อนหมูเถื่อนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผู้กระทำผิดหวั่นเกรงและพยายามตัดเส้นทางที่จะสาวถึงนายทุนใหญ่

ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ “ผู้กองธรรมนัส” จะยกระดับการกวาดล้างห้องเย็นและผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ โดยมอบให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ตั้งทีมเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่เพื่อติดตามตรวจสอบห้องเย็นที่ฝ่าฝืนกระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และจะเริ่มดำเนินการให้เห็นผล 100% ภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2566

ร.อ.ธรรมนัส ยังให้สัมภาษณ์สื่อด้วยว่า ที่ผ่านมามีผู้มีอิทธิพลในกระทรวงเกษตรฯ จำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นผู้ที่รู้จักกับกลุ่มทุน ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมก็มีผู้มีอิทธิพลจำนวนหนึ่งโทร.มาขอเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาใด ๆ ทั้งนั้น จะเดินหน้ากวาดล้างอย่างจริงจัง และผู้ใต้บังคับบัญชาต้องไม่ตายฟรี

 “ผู้กองธรรมนัส” พูดชัดประมาณนี้ ไม่รู้ว่า “บิ๊กกระทรวงเกษตรฯ” จะมีสะดุ้งบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ที่ผ่านมามีผู้มีอิทธิพลในกระทรวงเกษตรฯ จำนวนมาก ....” 


ทางด้าน  นายไชยา พรหมา  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการกระทำที่เหิมเกริมโดยมีหมูเถื่อนในครอบครองเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดของผู้มีอิทธิพลขัดต่อนโยบายรัฐบาล ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายให้ปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะการลักลอบนำเนื้อเถื่อนเข้ามาจำหน่าย ถือเป็นการทำลายเศรษฐกิจของประเทศ และยังทำให้กลไกทางการตลาดของประเทศเสียหาย เป็นต้นเหตุให้เกษตรกรขายสินค้าไม่ได้ราคา ไม่คุ้มกับต้นทุน “.... การประกาศสงครามครั้งนี้จะเป็นจุดแตกหัก .... การตายของหัวหน้าด่านกักกันสัตว์คนนี้จะไม่ตายฟรี....” 
เป็นภาพ “ผู้กองธรรมนัส” ก็เดินหน้า นายไชยา ก็ขมีขมันลุยล้างบางขบวนการหมูเถื่อน ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ขอมีซีนด้วยการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการลักลอบการนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อน พร้อมทั้งได้สั่งการให้กรมศุลกากร มีมาตรการควบคุม เข้มงวดกวดขันการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกร โค กระบือจากต่างประเทศในทุกช่องทาง และเร่งรัดติดตามดำเนินคดี/ยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดและผู้สนับสนุนการกระทำความผิด หากมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องให้ดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญาให้ถึงที่สุด โดยตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อเร่งรัดและตรวจสอบการดำเนินการในเรื่องนี้ขึ้น ซึ่งมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ดังนั้น ณ เวลานี้ ทางด้านกระทรวงเกษตรฯ ก็มีชุดปฏิบัติการพิเศษ คล้ายชุดเคลื่อนที่เร็ว ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบห้องเย็นทั่วประเทศ พบเห็นการทำผิดเอาโทษตามกฎหมายทันที ขณะที่กระทรวงการคลัง มีการตั้ง “คณะกรรมการกลาง” เพื่อตรวจสอบและกวดขันการลักลอบนำเข้า

แข่งกันสร้างผลงานอยู่ในที แต่งานนี้ดูเหมือน “ผู้กองธรรมนัส” จากพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นต่อในการทำแต้ม โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมประมง กรมปศุสัตว์ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าตรวจค้น บริษัท เจ.พี. ห้องเย็น จำกัด  ในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ตำบลโคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร พบว่าห้องเย็นแห่งนี้มีการลักลอบกักเก็บเนื้อสัตว์นำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์และกรมประมง และยังเป็นเนื้อสัตว์ที่นำเข้าจากประเทศที่ไม่ได้มีการอนุญาตให้นำเข้ามาในประเทศไทย

สำหรับห้องเย็นดังกล่าว ได้ขออนุญาตรับฝากสินค้าไว้กับกรมการค้าภายในเท่านั้นไม่ได้ขึ้นทะเบียนห้องเย็นกักเก็บสินค้าปศุสัตว์สินค้าประมงกับกรมปศุสัตว์และกรมประมง ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบห้องเย็นดังกล่าว มีเนื้อสัตว์หลายประเภทจากต่างประเทศ ได้แก่ ขาไก่/ปีกไก่ 360 ตัน หมูสามชั้น 300 กิโลกรัม เนื้อกระบือ 150 ตัน และขาหมู 24 ตัน วางแทรกระหว่างสินค้าประเภทปลาทู เจ้าหน้าที่จึงอายัดสินค้าไว้เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มา และขยายผลถึงผู้ที่นำมาฝากแช่แข็ง เพื่อนำผู้กระทำความผิดทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

 นายเศรษฐา ทวีสิน

  นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์
ส่วนความคืบหน้าในการทำลายหมูเถื่อนที่คงค้างอยู่ก่อนหน้านี้นั้น  นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์  กล่าวถึงการทำลายหมูเถื่อน 161 ตู้ ว่าขณะนี้ทำลายเนื้อหมูแล้วจำนวน 21 ตู้ โดยวิธีเผา 1 ตู้ และอีก 20 ตู้ ใช้วิธีฝังกลบ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์จังหวัดสระแก้ว และอยู่ระหว่างรอดำเนินการอีก 140 ตู้ โดยกรมปศุสัตว์ อยู่ระหว่างหาพื้นที่ทำลายใหม่ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วร้องเรียนหลังได้รับความเดือดร้อนจากการฝังทำลายเนื่องจากส่งกลิ่นเหม็น

ส่วนสินค้าที่ลักลอบ เช่น เครื่องในวัว เนื้อวัว ขาไก่ ลักลอบนำเข้ามาจากหลายประเทศ เช่น เบลเยียม อาร์เจนตินา เปรู บราซิล และเนื้อหมู รวมทั้งชิ้นส่วนหมูอีก 5 ตู้ รอการทำลายหลังจากล็อต 161 ตู้แล้วเสร็จ

นอกจากนี้ ยังมีตู้สินค้าประเภทอื่น ๆ ที่ตกค้างภายในท่าเรือแหลมฉบัง ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2566 มีจำนวน 92 ตู้ โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง มีหนังสือส่งมอบให้ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี รับมอบไปดำเนินการแล้ว จำนวน 74 ตู้ เป็นประเภทเนื้อสัตว์และชิ้นส่วนซากสัตว์อื่น ๆ จำนวน 69 ตู้ ส่วนอีก 18 ตู้ อยู่ระหว่างดำเนินการด้านพิธีการศุลกากร ว่าด้วยของกลางและของตกค้างและการดำเนินการด้านคดี ที่มีทั้งเนื้อสัตว์และชิ้นส่วนซากสัตว์อื่น ๆ รวมทั้งเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรด้วย รวมทั้งสิ้น 253 ตู้

สำหรับกรณีที่  นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  ยื่นฟ้องอธิบดีกรมปศุสัตว์ ในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ในเรื่องของการตรวจและเปิดตู้หมูเถื่อน 74 ตู้ที่ท่าเรือแหลมฉบังนั้น นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวว่า ตอนนี้ข้อเท็จจริงมีการลงไปตรวจสอบตู้ดังกล่าวแล้ว และมีรายละเอียดในเรื่องของการส่งมอบการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส มีคณะกรรมการที่จะเข้าไปดูแลในการตรวจสอบทั้งหมดทุกตู้

“ล่าสุดก็ทราบจากทางเพจว่าจะมีการร้องเรียนเพิ่มเติม แต่ก็ยังไม่ได้มีหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการ ผมมั่นใจว่า ไม่ว่าจะร้องอะไรเข้ามา เราสามารถจะชี้แจงได้ทุกข้อ เพราะกรมปศุสัตว์ มีการทำงานที่สามารถตรวจสอบหลักฐานและความโปร่งใสได้อย่างเต็มที่” นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าว

การปูพรมกวาดล้างหมูเถื่อนของรัฐบาลชุดนี้ จะเป็นความหวังของผู้เลี้ยงสุกร หรือไม่ นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ  เผยว่าจะขอเข้าพบ ร.อ.ธรรมนัส เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดการปราบปรามหมูเถื่อนตามที่เคยให้คำมั่นในวันที่เข้าทำงานที่กระทรวงเกษตรฯ ว่าจะปราบผู้มีอิทธิพลในวงการหมูเถื่อนภายในหนึ่งเดือนซึ่งครบกำหนดในวันที่ 20 ตุลาคม 2566

 อย่างไรก็ดี นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เชื่อว่ายังมีหมูเถื่อนทะลักเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และกดดันราคาหมูหน้าฟาร์มของเกษตรกรตกต่ำลงต่อเนื่องและถือว่าต่ำสุดในรอบ 30 ปี โดยราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มอยู่ที่ประมาณ 58-66 บาทต่อกิโลกรัม ตามแต่ละภูมิภาค ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่ประเมินโดยคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (พิกบอร์ด) ในไตรมาส 3/66 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 80.79 บาท/กิโลกรัม ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงขาดทุนเฉลี่ยตัวละ 3,000-4,000 บาท ทำให้ผู้เลี้ยงรายเล็กรายย่อยขาดทุนจนต้องเลิกเลี้ยงเป็นจำนวนมาก 

ทางสมาคมฯ เรียกร้องมาโดยตลอดให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาต้นทางคือ กวาดล้างขบวนการหมูเถื่อนให้สิ้นซาก ควบคู่ไปกับเร่งแก้ปัญหาราคาตกต่ำ โดยผู้เลี้ยงสุกรหวังพึ่ง  พิกบอร์ด ที่มีมติเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 กำหนดแนวทางแก้ปัญหาจำหน่ายสุกรหน้าฟาร์มกับโครงสร้างต้นทุน ตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ แต่การเริ่มบังคับใช้กลับไม่คืบหน้า เมื่อยังไม่มีระเบียบหรือกฎหมายใด ๆ มาบังคับใช้ให้ผู้ซื้อ ซื้อในราคาไม่ต่ำกว่าต้นทุน จึงยังทำให้ภาระตกอยู่ที่ผู้เลี้ยง หากไม่เร่งแก้ปัญหา อาจทำให้อาชีพเลี้ยงหมูในประเทศไทยล่มสลาย

“กลุ่มมาเฟียในขบวนการหมูเถื่อนมีหลายกลุ่ม หากมีการสืบสวนสอบสวนเชื่อมโยงเครือข่ายเข้าด้วยกันจะเห็นภาพได้ทันที เชื่อว่าจะได้เห็นการจับกุมผู้มีอิทธิพลในขบวนการนี้ทั้งหมด ภายในวันที่ 20 ตุลาคม ตามที่ท่านรมว.เกษตรฯ ประกาศไว้ จะเป็นสิ่งที่ดีต่อเกษตรกรและต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก” นายสุรชัย กล่าว

 ก่อนหน้านี้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ซึ่งติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ปีที่แล้วเก็บรวบรวมข้อมูลเส้นทางขบวนการทุจริตอย่างละเอียด พบว่าขบวนการทุจริตลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนมีความเชื่อมโยงกับหลายหน่วยงานรัฐ และ “ทุนสีเทา” หรือผู้นำเข้าไม่เกรงกลัวกฎหมายเพราะมีการเอื้อประโยชน์ เปิดช่องให้มีการทุจริตจากเจ้าหน้าที่รัฐหลายระดับ

อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า การตรวจพบและจับกุมสินค้าชิ้นส่วนเนื้อสุกรแช่แข็งผิดกฎหมาย พบโยงใยหลุดจากระบบการตรวจสอบจากสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ด่านศุลกากรมุกดาหาร และสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เป็นจำนวนมาก ส่อการทุจริตของนายด่านและผู้บริหารด่านดังกล่าว 


นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังเรียกร้องขอให้ตรวจสอบการนำเข้าของบริษัทผู้นำเข้าหมูเถื่อนทั้ง 161 ตู้ ย้อนหลัง 3 ปี และแจ้งให้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รับทราบผลการตรวจสอบทั้งจำนวนการนำเข้าสินค้าทั้งหมดทั้งปริมาณและประเภทสินค้าที่สำแดง

การตอบสนองข้อเรียกร้องของสมาคมฯ จากกรมศุลกากร ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา  นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์  ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารจัดการเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร ซึ่งออกมาแถลงเรื่องที่นายเศรษฐา ทวีสิน สั่งตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบและกวดขันปัญหาที่เกิดขึ้น และขยายความในส่วนกรมศุลกากร ว่ามีคำสั่งให้ทุกสำนักงานทุกด่านศุลกากรและกองสืบสวนและปราบปรามเข้มงวดและเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสินค้าที่มีความเสี่ยงอาจมีการสำแดงเท็จเป็นสินค้าชนิดอื่นเพื่อลักลอบหรือหลีกเลี่ยงนำเข้า และเข้มงวดเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าผ่านตะเข็บชายแดนตามช่องทางธรรมชาติ

นอกจากนี้ ได้มีมาตรการในการควบคุมการลักลอบ/หลีกเลี่ยง การนำเข้าสินค้าประเภทเนื้อสัตว์จากต่างประเทศ โดยเพิ่มการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าสินค้าล่วงหน้าจากบัญชีสินค้า (Manifest) เพื่อป้องกันการสำแดงข้อมูลในใบขนสินค้าไม่ตรงกับความเป็นจริง และเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจปล่อยสินค้าประเภทตู้แช่เย็น สินค้าเกษตร ทุกชนิด ทุกรายการ ทุกใบขนสินค้าโดยให้มีการเปิดตรวจและ/หรือเอกซเรย์ทุกตู้คอนเทนเนอร์ หากพบว่าผู้นำเข้ารายใดมีการลักลอบ/หลีกเลี่ยง นำเข้าเนื้อสุกร เนื้อโค เนื้อกระบือ จากต่างประเทศในทุกช่องทาง จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด โดยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรทำการจับกุมและดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน โดยไม่ยินยอมให้ทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร โดยกรมศุลกากรสนับสนุนการดำเนินการของพนักงานสอบสวนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมตรวจสอบ หากผู้ประกอบการใดถูกดำเนินคดีฯ ทางกรมศุลกากรจะพิจารณาระงับการปฏิบัติพิธีศุลกากรทันที

สำหรับเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ กรมศุลกากรได้มีการดำเนินการลงโทษทางวินัยเรียบร้อยแล้ว

ส่วนของความคืบหน้าในการดำเนินการทำลายชิ้นส่วนสุกร จำนวน 161 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบังนั้น หลังจากที่กรมศุลกากรส่งมอบตู้สินค้าประเภทซากสุกรของตกค้างและของกลางในคดีพิเศษ ที่ 59/2566 จำนวน 161 ตู้ ไปทำลายอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 แล้ว กรมศุลกากรให้ความร่วมมือและประสานงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมปศุสัตว์ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ จนกว่าการทำลายของกลางฯ จะสิ้นสุดลง

ส่วนสถิติการจับกุมกรณีลักลอบและหลีกเลี่ยงศุลกากร กรณีเนื้อสุกรและส่วนอื่นที่บริโภคได้ของสุกร ในปีงบประมาณ 2564 มีการจับกุม 14 ราย น้ำหนัก 236,177 กิโลกรัม ปีงบประมาณ 2565 มีการจับกุม 25 ราย น้ำหนัก 431,660 กิโลกรัม และปีงบประมาณ 2566 มีการจับกุม 181 ราย น้ำหนัก 4,772,073 กิโลกรัม

น่าสังเกตว่า กรมศุลกากร ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่อย่างไร ซึ่งยังเป็นที่คาใจของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ เช่นเดียวกันกับข้อเรียกร้องของสมาคมฯ ที่ขอให้กรมศุลกากร ตรวจสอบการนำเข้าของบริษัทผู้นำเข้าหมูเถื่อนทั้ง 161 ตู้ ย้อนหลัง 3 ปี ที่กรมศุลฯ ไม่ได้แตะแม้แต่น้อย

 จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เชื่อว่ายังมีหมูเถื่อนทะลักเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง กดดันราคาหมูหน้าฟาร์มของเกษตรกรตกต่ำลงจนใกล้แตะเส้นล่มสลายกันทั้งประเทศ 



กำลังโหลดความคิดเห็น