xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

วิถี “ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น” “เหลิม”สิ้นลาย-“ป้อม”ตรอมใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย จู่ๆ ก็มี “ข่าวแจก” ออกมาว่า  “เหลิม บางบอน” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง  อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย ที่ปัจจุบันเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่พอใจ  “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร  เจ้าของค่ายเพื่อไทย อย่างรุนแรง

โดย “อดีตดาวสภาฝีปากกล้า” ประกาศขอหันหลังให้ “ทักษิณ” ตลอดชีวิต

เป็นข่าวที่มาในลักษณะ “จดหมายน้อย” ความว่า “นายทักษิณ เข้าใจผิด ผมไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับคุณ ผมมีความสุข พูดอะไรระมัดระวังบ้าง คุณใหญ่โตได้ในพรรคของคุณ นายทักษิณไล่ผมออกสิ นึกถึงแก้คดี 8 คดีให้คุณแล้ว ผมคิดว่า นายทักษิณ จะเปลี่ยนนิสัย แล้วเวลาใช้คำพูดถึงผม อย่าเอ่ยมือเอ่ยเท้า เพราะไม่สุภาพ และผมก็มีมือมีเท้าที่จะเอ่ยถึงเหมือนกัน ผมจะหันหลังให้นายทักษิณตลอดชีวิต

ที่พูดมาทั้งหมดถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต ที่ผ่านมาผมไม่ได้สนิทกับครอบครัวนายทักษิณ ผมสนิทเพียงนายทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เท่านั้น แต่หลังจากนี้ คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก มันสายเกินไปแล้ว”

โดยมี “ลูกคู่” อย่าง  “ลูกหนุ่ม” วัน อยู่บำรุง อดีต สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ที่สอบตกในการเลือกตั้ง 2566 ที่ผ่านมา ที่ไม่เพียงไม่ออกมาปฏิเสธ แต่สำทับด้วยการโพสต์เนื้อเพลง “บอกมาเลยให้รู้กันไป ให้อยู่หรือไปก็บอกมา #บอกมาคำเดียว” และแชร์ข่าวของ “พ่อเหลิม” พร้อมข้อความว่า “ผมไม่เคยพูดจาให้ร้ายพรรคเพื่อไทย!!!! ผมไปพูดกวนโอ๊ยใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ไม่ทราบครับท่าน” ที่สะท้อนนัยในทำนองเดียวกัน

เมื่อไม่มีการปฏิเสธ ก็น่าจะสรุปได้ว่า ข้อความที่เป็นข่าว เป็นสารที่สื่อออกมาจากใจ “สารวัตรเหลิม” จริงๆ

 ว่ากันว่าที่มาที่ไปที่ทำให้ “เฉลิม” ต้องส่งสารออกมาในลักษณะนี้ เพราะมีข่าวไปเข้าหูว่า “ทักษิณ” ที่ปัจจุบันเป็นนักโทษชายรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ พูดถึง 2 พ่อลูกตระกูลอยู่บำรุงว่า “กวนโอ๊ย ทั้งพ่อทั้งลูก เลยไม่ให้ตำแหน่ง”

หลังจากที่พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แบ่งเค้กวางคนเข้าตำแหน่งเกือบครบแล้ว แต่ก็ไม่มีชื่อของ “เฉลิม” รวมไปถึง “ลูกหนุ่ม” ที่แอบลุ้นตำแหน่งข้าราชการการเมืองดังเช่น เพื่อน สส.สอบตกรายอื่น 

ทราบกันดีว่า “เฉลิม” ที่แม้นับศักดิ์เป็นนายตำรวจรุ่นพี่ของ “ทักษิณ” แต่ก็ปวารณาตัวเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” ถึงขั้นครั้งหนึ่งเคยประกาศกลางสภาฯ ไว้อย่างภาคภูมิใจ โดยมีบทบาทเป็น “องครักษ์” ให้กับตระกูลชินวัตร ทั้ง “ทักษิณ” และ “นายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาอย่างต่อเนื่อง แลกกับตำแหน่งแห่งที่ได้รับมาตลอดตั้งแต่สมัยพรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย

 จุดเปลี่ยนสำคัญของ “เฉลิม” คงเป็นตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2557 ที่ทำให้ต้องเว้นวรรคทางการเมืองไปโดยปริยาย พลันเข้าโหมดเลือกตั้ง 2562 “นายใหญ่” ก็มอบดาบให้ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ไม่ค่อยลงรอยกัน เป็นผู้นำทัพเพื่อไทย ก็ยิ่งทำให้ “เฉลิม” ไม่มีบทบาทในการหาเสียงเลือกตั้งคราวนั้นเท่าที่ควร 

ตลอดจนพิษของกติกาเลือกตั้ง “บัตรใบเดียว” ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ สส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว “เหลิม” ที่สมัครในระบบบัญชีรายชื่อด้วยก็เลยไม่เข้าสภาฯ แต่ก็ยังส่ง “ลูกหนุ่ม” หลุดเข้าไปเป็น สส.สมัยแรกได้ในฐานะ สส.บางบอน-หนองแขม

ช่วง 4 ปีในสมัย “รัฐบาลประยุทธ์ 2” ที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ก็แทบไม่มีพื้นที่ให้ “เฉลิม” เจ้าของสมญา  “ไปทะเลเจอฉลาม มาสภาเจอเฉลิม”  ออกมาโลดแล่นตามถนัด ส่วน “ลูกวัน” ก็แทบไม่มีบทบาทในสภาฯ เช่นกัน
 
ตัดภาพมาถึงการเลือกตั้ง 2566 “เฉลิม” ก็ถือว่าได้รับเกียรติพอสมควรกับลำดับที่ 5 ในผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ การันตีได้เข้าสภาฯ อย่างแน่นอน ทว่า ด้วยอายุขัย และโรคภัย ที่รุมเร้า ทำให้ “เหลิม บางบอน” ไม่ได้ใช้สกิล “มือปราศรัย” อย่างที่วางไว้

ขณะที่ “ลูกหนุ่ม”เจ้าของสำนัก “ใจถึง พึ่งได้” ที่ยังได้ลงสมัคร สส.ที่เขตเดิม แต่ก็ต้องพังพาบให้กระแส “สึนามิส้ม” เช่นเดียวกับเพื่อนผู้สมัครทั้ง กทม.ของพรรคเพื่อไทย 

หรือในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลทั้งกับพรรคก้าวไกล หรือช่วงที่พรรคเพื่อไทยพลิกเกมมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเอง ก็ไม่มีที่ว่างสำหรับ “เฉลิม” แม้แต่น้อย โดยในวันที่เข้ารายงานตัวรับตำแหน่ง สส. เจ้าตัวยังเคบให้สัมภาษณ์ไว้เองว่า ไม่ได้คาดหวังจะได้เป็นรัฐมนตรี ที่ทั้งไม่มีส่วนร่วมใดๆ กับการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล

จากนั้นชื่อของ “เฉลิม” ก็ไม่ปรากฎตามหน้าสื่ออีกเลย มีเพียงเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ซึ่งเป็นวันลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ปรากฎว่า “เฉลิม” เป็น ส.ส.คนเดียวของพรรค ที่ไม่ได้มาลงคะแนนให้ “นายกฯ นิด” เศรษฐา ทวีสิน

แม้จะเป็นเพียงเสียงเดียว ไม่ได้ส่งผลแพ้-ชนะ ในการโหวต แต่ในทางการเมืองเป็นเรื่องที่ “ถือ” กัน และเชื่อว่า “เฉลิม” ก็ต้องการส่งสัญญาณบางอย่างด้วย

และในวันเดียวกันนั้นเองก็เป็นวันที่ “ทักษิณ” เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ก็ไม่ปรากฎว่า “เฉลิม” หรือแม้แต่ “ลูกวัน” จะไปรอต้อนรับที่สนามบิน เฉกเช่นแกนนำ และ สส.ของพรรคคนอื่นๆ

กระทั่งช่วงที่มีการวิ่งเต้นแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ซึ่งเชื่อว่า “ลูกวัน” ก็ลุ้นลึกๆ ว่าจะได้รับตำแหน่ง แต่ก็ไม่ได้ และเป็น “ลูกวัน” ที่โพสต์ตัดพ้อว่า “ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร” หลังจากรู้ชัดแล้วว่า ไม่ได้รับตำแหน่งใดๆ

จนดูคล้ายว่า มีร่องรอยความระหองระแหงระหว่าง “ทักษิณ-เฉลิม” มาตลอด กระทั่งแตกหัก และท้าทายให้ไล่ออกจากพรรค โดยอ้างว่า ถูกพูดว่าลับหลังว่า “กวนโอ้ย” นั่นเอง

เรื่องนี้มีการสอบถามไปที่ “เศรษฐา” ก็ระบุว่า ไม่รู้เรื่องความขัดแย้งใดๆ และขอให้พรรคเพื่อไทยจัดการเคลียร์ปัญหากันเอง
ส่วน “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ที่เป็นขาใหญ่เพื่อไทยวันนี้ก็รับจะไปเคลียร์ใจกับ “พี่เหลิม” ด้วยตัวเอง

 เอาเข้าจริงใจมุมมองของ “ทักษิณ” หรือพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ให้ราคาค่างวดกับ “เฉลิม” ที่วันนี้ต้องพูดว่า “หมดสภาพ” แล้วเท่าไรนัก เพราะความโดดเด่นของ “ขุนศึกฝั่งธนฯ” อยู่ที่สกิล “ฝีปากกล้า” ทำหน้าที่เป็น “กันชนตระกูลชินวัตร” ทว่า วันนี้ไม่สามารถทำได้เหมือนในอดีตแล้ว 

ทาง “เฉลิม” เองก็หวังว่า ต้นสังกัด หรือ “ทักษิณ” จะเห็นความสำคัญมอบหมายตำแหน่งให้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นประธานคณะกรรมาธิการสามัญบางคณะของสภาฯ หรือในคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติชุดที่ “ภูมิธรรม” เป็นประธาน

 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
 ที่ชัดเจนคงเป็นกรณีของ “ลูกหนุ่ม” ที่แทบไม่ได้ลุ้นได้เป็นข้าราชการการเมืองใดๆ เลย ทั้งที่มีกระแสข่าวว่า “สาวไอซ์” รัชนก ศรีนอก สส.บางบอน-หนองแขม พรรคก้าวไกล คอพาดเขียงกับคดีคตวามผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีสิทธิ์จะถูกพิพากษามีความผิด หลุดจาก สส.ในช่วงปลายปีนี้ 
ทางพรรคเพื่อไทยเองก็หวังว่า จะใช้สนามเลือกตั้งซ่อม สส.บางบอน-หนองแขม ให้การกู้ศรัทธาความเชื่อมั่นในพื้นที่ กทม. รวมไปถึงทั่วประเทศให้กับพรรค

 หากกะเกณฑ์ว่า จะมีการเลือกตั้งซ่อมที่บางบอน-หนองแขม แล้ว ก็ยิ่งควรให้ตำแหน่งกับ “ลูกวัน” เพื่อที่จะใช้อำนาจในตำแหน่งสร้างความนิยมในพื้นที่ล่วงหน้า การไม่มอบตำแหน่งให้ก็เหมือนอยากเปลี่ยนตัวลงไปชนไปกับพรรคก้าวไกล 


อาจเป็นเพราะ “เสี่ยหนุ่ม” แม้จะมีดีกรีเป็น สส.เก่า แต่ก็หนักไปทาง “เกรียนคีย์บอร์ด” มากกว่าจะทำการเมืองในรูปแบบที่พรรคอย่างให้เป็น ทางผู้มีอำนาจในพรรคก็ไม่อยากฝากความหวังไว้ที่ “เสี่ยหนุ่ม” ที่ทำท่าจะขุนไม่ขึ้น

ตรงนี้เองน่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ “เฉลิม” ถึงจุดแตกหัก

อย่างไรก็ดีนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “เฉลิม” ถูกกกระทำจาก “ทักษิณ” เพราะตลอดระยะเวลาที่ปวารณาตัวเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” ก็มีหลายครั้งหลายหนที่ “สารวัตรเหลิม” ต้องกลืนเลือด

 ที่จำกันได้คงเป็นช่วงท้ายปลายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ “เฉลิม” ถูก “ลดชั้น” จากรองนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ไปเป็น รมว.แรงงาน ที่ศักดิ์ศรีเทียบกันไม่ได้ 


ดีที่ช่วงนั้นเหตุการณ์ชุลมุนชุลเกกับม็อบ กปปส. “เฉลิม” ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งไม่มีใครในรัฐบาลกล้ารับ ทำให้ “เฉลิม” เหมือนกลับมามีความสำคัญ จึงไม่ได้ออกงิ้วอะไรมากมาย

มาครั้งนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า “ทักษิณ” โดย พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ให้ความสลักสำคัญอะไรกับ “เฉลิม” ก็น่าสนใจไม่น้อยว่า นอกเหนือจากประกาศแตกหักกับ “นายใหญ่” แล้ว เจ้าตัวจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป

พูดถึง “เฉลิม” ในวันที่หมดสภาพ-หมดราคาแล้ว ก็อดไม่ได้ต้องเอ่ยถึง  “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ดูท่าจะ “จบไม่สวย” เหมือนกัน

 เป็น “ลุงป้อม” ที่ไม่กี่เดือนก่อนเคยมีลุ้นถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่มาวันนี้กลับมีกระแสข่าวว่า “ตรอมใจ” อยากจะลาออกจากตำแหน่ง สส. และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอยู่เนืองๆ พร้อมๆ กับการประกาศ “ปิดป่า” มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ฐานบัญชาการของตัวเอง 


ทั้งที่ย้อนไปครั้งที่ได้รับการรับรองเป็น สส. “ลุงป้อม” ก็ยังดูคึกคัก แวะเวียนไปทำหน้าที่ในสภาฯ ให้เห็นบ้าง แต่หลังจากการลงมติเลือก “เศรษฐา” เป็นนายกฯเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 แล้ว ดูเหมือนจะแทบไม่มีความเคลื่อนไหวของ “ลุงป้อม” ให้เห็นเลย

โดยในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ก็ไม่ปรากฎว่า “ลุงป้อม” ไปร่วมลงมติที่รัฐสภา พร้อมๆ กับมีการระบุว่าเสียงงดออกเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ล้วนแล้วแต่เป็นเสียงของ “สว.สายลุงป้อม” โดยมีกระแสข่าวว่า “พี่ใหญ่” พยายามเกลี้ยกล่อมให้ “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งสัญญาณให้ “สว.สายลุงตู่” ร่วมงดออกเสียงด้วย เพื่อสกัด “เศรษฐา” แต่ก็เป็นที่รู้กันแล้วว่า ไม่สำเร็จ

หรือกระทั่ง สส.พลังประชารัฐ เองก็ยังไม่เอาด้วย

ปิดโอกาสฝันใหญ่ของ “ลุงป้อม” ที่ต้องการสกัด “เศรษฐา” เพื่อที่ให้เข้าแผนส่งไม้ต่อให้กับแคนดิเดตนายกฯของพรรคอันดับรองลงมา ไปเสียบแทน

ไม่เท่านั้นหลังการจัดตั้งรัฐบาล แม้ว่า พรรคพลังประชารัฐ จะได้โควต้าไม่ขี้เหร่ โดยมี “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายสุดเลิฟของ “พี่ป้อม” เป็น รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขณะที่ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ลูกเลิฟ “ลุงป้อม” ได้เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ แต่ก็มีการวิเคราะห์กันว่า งานนี้ “ลุงป้อม” โดนต้มเสียสนิท

 ความมาแดงเมื่อมีการแบ่งงานรองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงต่างๆ ปรากฎว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปอยู่ภายใต้ “รองนายกฯ ภูมิธรรม” แทนที่จะเป็น “รองนายกฯ พัชรวาท” ตามโควต้าพรรค

จนมีการค่อนขอดกันว่า แทนจริงแล้ว “ผู้กองนัส” ได้เก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นั้นเป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทย มากกว่าพรรคพลังประชารัฐ 


ซ้ำร้ายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่เป็นหน่วยงานที่ “ลุงป้อม” ดูแลและเป็นแหล่งสร้างผลงานมานาน และคาดหวังว่า “น้องป๊อด”จะมารับช่วงต่อ ก็ยังมีชื่อ “รองนายกฯ ภูมิธรรม” เป็นผู้กำกับดูแลอีกด้วย

และว่ากันว่า หลายๆ เรื่อง หลายๆคน ที่ “ลุงป้อม” สั่งการฝากฝังไป ก็ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร โดยผู้รับสารไปมักมีข้ออ้างถึงความล่าช้าที่เกิดขึ้น ดั่งคำพูดคำจาของ “ลุงป้อม” ไม่ได้ประกาศิตเหมือนเดิมอีกต่อไป

ทำให้มีการพูดกันว่า ตั้งรัฐบาลงวดนี้ “ลุงป้อม” แทบไม่ได้อะไรเลย เป็นที่มาของข่าวว่า พี่ใหญ่ตรอมใจ ต้องหลบไปเลียแผลใจที่เมืองนอก เลยทีเดียว

ดูสถานการณ์ของ “สารวัตรเหลิม” หรือ “ลุงป้อม” แล้วก็ต้องบอกว่า มีเส้นเรื่องที่คล้ายคลึงกัน ด้วยความ “ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น” ยึดติดกับอำนาจ กระทั่งวันที่ไม่มีใครให้ราคา

โดยเฉพาะรายของ “ลุงป้อม” ที่อดไม่ได้ต้องเปรียบเทียบกับ “น้องตู่” ที่เคราะห์ดีได้ “ซอฟท์ แลนด์ดิ้ง” ลงจากหลังเสือสวยๆ ไปแล้ว กับซีนที่ชี้โบ้ชี้เบ้ส่งไม้ต่อให้ “นายกฯ นิด” ที่ทำเนียบรัฐบาลหลังเข้ารับตำแหน่ง

 ก็ต้องดูกันต่อไปว่า มาถึงขั้นนี้แล้ว “สารวัตรเหลิม” หรือ “ลุงป้อม” จะมีโอกาสได้ “ซอฟท์ แลนด์ดิ้ง” กับเขาบ้างหรือไม่ 



กำลังโหลดความคิดเห็น