xs
xsm
sm
md
lg

อำนาจในมุมมองของนักปราชญ์ (2) : เพลโต-อำนาจควรอยู่ในมือนักปราชญ์ แต่ระวังการเป็นทรราช / Phichai Ratnatilaka Na Bhuket

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ปัญญาพลวัตร"
"ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต"

 เพลโต เป็นหนึ่งในมหาปรัชญาชาวกรีกโบราณและเป็นศิษย์ของโสกราตีส ความคิดของเขามีอิทธิพลต่อนักปราชญ์และผู้นำการเมืองในรุ่นหลังจวบจนถึงปัจจุบัน งานชิ้นสำคัญของเขาเรื่อง “สาธารณรัฐ” (The Republic) หรือที่นักวิชาการไทยเรียกว่า “อุตมรัฐ” มีข้อเขียนเกี่ยวกับการเมืองในหลายแง่มุม หนึ่งในนั้นคือ “อำนาจ” เพลโตได้สำรวจมุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับอำนาจ โดยให้ความกระจ่างเกี่ยวกับธรรมชาติของอำนาจ ผลกระทบต่อบุคคลและสังคม และแนวทางที่เหมาะสมในการใช้อำนาจ โดยเสนอผ่านแนวคิดราชาปราชญ์ ความยุติธรรม และเรื่องเล่าเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับถ้ำ


ใน “อุตมรัฐ” เพลโตเสนอสังคมในอุดมคติที่ปกครองโดยราชาปราชญ์ เขาระบุว่าอำนาจควรอยู่ในมือของผู้ที่มีความสามารถในการเข้าใจความจริงและความดีอย่างลึกซึ้ง เพลโตกล่าวไว้ว่า นักปราชญ์มีความรู้และคุณธรรมที่จำเป็นในการปกครองอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ เขาเชื่อว่าราชาปราชญ์ ซึ่งแยกตัวออกจากความปรารถนาทางโลกและได้รับแรงบันดาลใจจากการแสวงหาความจริงเท่านั้น จะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในการปกครอง การมอบอำนาจไว้ในมือของผู้รู้แจ้งถึงความจริงจะสามารถสร้างสังคมที่ยุติธรรมที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่ความสามารถในการปกครองด้วยปัญญาและคุณธรรม แทนที่จะเป็นเพียงความแข็งแกร่งทางร่างกายหรือความมั่งคั่ง ในแง่นี้ อำนาจในความคิดของเพลโต ไม่ได้เกี่ยวกับการครอบงำหรือการควบคุม แต่เกี่ยวกับการแสวงหาสติปัญญา ความยุติธรรม และความดีส่วนรวม

มุมมองของเพลโตเกี่ยวกับอำนาจยังขยายไปถึงระดับบุคคล ในขณะที่เขาอธิบายแนวคิดเรื่องจิตวิญญาณไตรลักษณ์ใน “อุตมรัฐ” เขาอธิบายว่าจิตวิญญาณของแต่ละคนประกอบด้วยสามส่วนคือ เหตุผล จิตวิญญาณ และความต้องการทางกายภาพ อำนาจที่แท้จริงของบุคคลอยู่ที่ความสมดุลและกลมกลืนกันระหว่างองค์ประกอบทั้งสามนี้ เมื่อเหตุผลนำทางและควบคุมส่วนอื่น ๆ บุคคลสามารถบรรลุการควบคุมตนเอง และมีอำนาจอย่างแท้จริง มุมมองนี้เพลโต เน้นย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมตนเองและความมีวินัยในตนเองซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอำนาจส่วนบุคคล

มากกว่านั้น เพลโตยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความยุติธรรมในการใช้อำนาจ เขาชี้ว่าควรใช้อำนาจเพื่อส่งเสริมความยุติธรรม เนื่องจากความยุติธรรมเป็นคุณธรรมสูงสุดที่ประกันความปรองดองและความเป็นอยู่ที่ดีของบุคคลและรัฐ เพลโตเชื่อว่าผู้นำต้องยุติธรรมและมีคุณธรรมจึงจะปกครองได้อย่างเที่ยงธรรมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม

 ในผลงานเรื่อง “รัฐบุรุษ” (The Statesman) เพลโตกล่าวถึงบทบาทของรัฐบุรุษหรือผู้ปกครอง เขาอธิบายว่า ความเป็นรัฐบุรุษที่แท้จริงไม่ได้เกี่ยวกับการแสวงหาอำนาจหรือผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เกี่ยวกับการแสวงหาความยุติธรรมและความเป็นอยู่ที่ดีของรัฐ เขาเสนอว่ารัฐบุรุษควรมีทั้งสติปัญญา คุณธรรม และความกล้าหาญ ด้วยมุมมองนี้ เพลโตเน้นย้ำถึงมิติทางจริยธรรมของอำนาจ และความจำเป็นที่ผู้ปกครองจะต้องปฏิบัติตนอย่างมีศีลธรรมและยุติธรรมในการใช้อำนาจของตน ในความเห็นของเขา อำนาจที่แยกออกจากความยุติธรรมจะนำไปสู่การปกครองแบบเผด็จการ การกดขี่ และการคอรัปชั่นของรัฐ กล่าวได้ว่าเพลโตถือว่า ความยุติธรรมเป็นหลักการพื้นฐานที่ควรชี้นำการกระทำของผู้มีอำนาจ หากไร้ซึ่งความยุติธรรม ผู้ปกครองก็จะกลายเป็นทรราช

แม้ว่าเพลโตจะเน้นย้ำถึงบทบาทของราชาปราชญ์ในสภาวะอุดมคติ แต่เขาก็ยอมรับถึงข้อจำกัดของธรรมชาติของมนุษย์ด้วย ในงานเขียนเรื่อง  “กฎหมาย” (The Law) เพลโตเสนอว่า ไม่มีผู้ปกครองคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะมีคุณธรรมเพียงใดก็ตาม สามารถครอบครองอำนาจเบ็ดเสร็จได้ ในทางกลับกัน ควรมีการแบ่งปันอำนาจระหว่างผู้ปกครองหลายคน เพื่อให้เกิดระบบการตรวจสอบและถ่วงดุล เพลโตตระหนักดีว่า แม้แต่ผู้ปกครองที่มีคุณธรรมที่สุดก็ยังเสี่ยงต่อการคอร์รัปชั่น จึงควรมีระบบการตัดสินใจร่วมกันเพื่อป้องกันการใช้อำนาจในทางที่ผิด

แนวคิดที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เป็นแก่นของมุมมองเกี่ยวกับอำนาจคือ เรื่องเล่าเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับถ้ำ ในเรื่องนี้ เพลโตบรรยายถึงกลุ่มนักโทษที่ถูกล่ามโซ่ไว้ในถ้ำตั้งแต่แรกเกิด มีเพียงเงาที่ทอดยาวบนผนังถ้ำจากวัตถุที่เดินผ่านแสงเท่านั้น เพลโตเปรียบเปรยว่า นักโทษเหล่านี้เป็นตัวแทนของบุคคลที่ติดอยู่ในโลกแห่งภาพลวงตา โดยไม่รู้ถึงความเป็นจริงที่อยู่นอกเหนือการรับรู้ที่จำกัดของพวกเขา ในทางกลับกัน นักปราชญ์คือ ผู้ที่หลุดพ้นจากโซ่ตรวนและเดินไปสู่โลกแห่งความจริง ได้รับความรู้และความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นจริง ตามคำกล่าวของเพลโต นักปรัชญามีหน้าที่ต้องกลับคืนสู่ถ้ำและให้ความรู้แก่นักโทษเกี่ยวกับธรรมชาติที่แท้จริงของโลก

การเปรียบเทียบนี้สะท้อนมุมมองของเพลโตเกี่ยวกับอำนาจ เพลโตเชื่อว่าผู้ที่มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ  “โลกของแบบ” (or the world of Forms) ที่เป็นนามธรรม หรือโลกแห่งความจริงแท้ที่อยู่นอกเหนือประสาทสัมผัสทั่วไป มีความรับผิดชอบในการใช้อำนาจและอิทธิพลของตนเพื่อให้ความรู้แก่ผู้อื่น และนำทางพวกเขาไปสู่ความจริง นักปราชญ์มีหน้าที่ส่งเสริมความรู้และภูมิปัญญามากกว่าแสวงหาประโยชน์และกดขี่ผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้น มุมมองของเพลโตเกี่ยวกับอำนาจจึงวนเวียนอยู่กับแนวคิดที่ว่า ควรใช้อำนาจเพื่อทำให้สังคมดีขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้โง่เขลาก้าวข้ามโลกทัศน์ที่จำกัดของตน และต่อสู้เพื่อความจริงอันสูงกว่า หากกล่าวเป็นภาษาปัจจุบันคือ นักปราชญ์มีหน้าที่ทำให้ผู้คนตาสว่างนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เพลโตมองว่ามีปัจจัยสำคัญบางประการที่ทำให้เกิดการเสื่อมของอำนาจ

 1. ธรรมชาติของมนุษย์: เพลโตเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนโดยผลประโยชน์ของตนเอง และเมื่อพวกเขาได้รับอำนาจ การแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองมักจะนำไปสู่การทุจริต เขาชี้ว่า อำนาจล่อลวงบุคคลให้ยึดความปรารถนาส่วนตัวและการได้รับประโยชน์จากผู้อื่นว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด

 2. การขาดสติปัญญา: เพลโตเน้นย้ำถึงความสำคัญของภูมิปัญญาและความรู้สำหรับการเป็นผู้นำที่แท้จริง เขาเชื่อว่าผู้นำที่ขาดสติปัญญาและคุณธรรมมีแนวโน้มที่จะถูกครอบงำโดยกิเลสตัณหา ความปรารถนา และอิทธิพลภายนอกได้ง่าย การขาดสติปัญญาอาจทำให้ผู้นำเสี่ยงต่อการทุจริตได้

 3. การขาดความรับผิดชอบ: อำนาจอาจเสียหายได้เมื่อไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุล เพลโตเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ผู้นำจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำและการตัดสินใจของพวกเขา เมื่อผู้นำไม่รับผิดชอบต่ออำนาจที่สูงกว่าหรือเมื่อขาดความโปร่งใส พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะยอมจำนนต่อการทุจริต

 4. การได้รับสิทธิและความโอหัง: เพลโตชี้ว่าอำนาจสามารถสร้างความรู้สึกของการได้รับสิทธิพิเศษ และก่อให้เกิดความเย่อหยิ่งในปัจเจกบุคคล เมื่อผู้นำเชื่อว่าตนเองมีสิทธิ์ได้รับตำแหน่ง หรือมองว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่นทั้งมวล ก็อาจใช้อำนาจในทางที่ผิด แสวงหาผลประโยชน์จากผู้อื่น และมีส่วนร่วมในการประพฤติทุจริต

 5. อิทธิพลของความมั่งคั่ง: เพลโตเชื่อว่าความมั่งคั่งและอำนาจมักจะมาคู่กัน เขาระบุว่าความมั่งคั่งสามารถทำให้บุคคลเสื่อมทรามโดยการชักจูงผู้อื่น ใช้อิทธิพล และกระทำการที่กดขี่ข่มเหง ความปรารถนาที่จะมั่งคั่งและทรัพย์สมบัติกัดกร่อนบ่อนทำลายสำนึกทางศีลธรรมของผู้นำและนำไปสู่การทุจริต

 6. การขาดคุณธรรม: เพลโตเน้นย้ำถึงความสำคัญของคุณธรรมในการเป็นผู้นำ เขาเชื่อว่าผู้นำที่ขาดคุณธรรม เช่น ความยุติธรรม ความพอประมาณ และสติปัญญา จะเสี่ยงต่อการทุจริตมากกว่า คุณธรรมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้นำในการตัดสินใจอย่างยุติธรรมและให้ความสำคัญกับประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว

 อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหลักประการหนึ่งในแนวคิดเรื่องอำนาจของเพลโตคือ “การคิดแบบชนชั้นนำ” ใน “อุตมรัฐ” เพลโตเสนอการสร้างนครรัฐในอุดมคติซึ่งปกครองโดยราชาปราชญ์ ตามทฤษฎี “กฎของผู้ประเสริฐที่สุด” (the rule of the best) หรือการมีบุคคลเพียงไม่กี่คนที่มีความรู้และสติปัญญาที่เหนือกว่าควรครอบครองและใช้อำนาจเหนือมวลชน นี่แสดงถึงโครงสร้างอำนาจแบบลำดับชั้น ที่ผู้มีสิทธิพิเศษเพียงไม่กี่คนสามารถควบคุมและบงการคนส่วนใหญ่ได้

แม้ว่าการเน้นปัญญาและความรู้ของ เพลโต มีข้อดีอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ชนชั้นนำก็ละเลยการมอบอำนาจให้กับสามัญชนที่มีความสามารถและมุมมองที่หลากหลาย โครงสร้างอำนาจแบบรวมศูนย์ในกลุ่มชนชั้นนำสามารถนำไปสู่การลดบทบาทและการกดขี่ประชาชนได้ การมอบอำนาจแก่ราชาปราชญ์ จึงไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ที่มุ่งมั่นในการสร้างความเท่าเทียมทางการเมืองและสังคมแก่พลเมืองทุกคน และในยุคปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการศึกษา มีเหตุผลและปัญญามากเพียงพอในการคิดและตัดสินใจในเรื่องส่วนรวมได้แล้ว การมอบอำนาจในการปกครองประเทศแก่ชนชั้นนำจึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

นอกจากนี้ ความไม่ไว้วางใจในระบอบประชาธิปไตยของเพลโตเป็นจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดเจนในแนวคิดเรื่องอำนาจ เขาพรรณนาถึงระบอบประชาธิปไตยว่า โดยธรรมชาติแล้วมีความไม่มั่นคงและเสี่ยงต่อการทำลายสังคม เพราะให้เสรีภาพแก่ประชาชนมากเกินไป เพลโตเชื่อว่าประชาธิปไตยจะนำไปสู่การทำลายล้างได้ โดยผู้นำยอมทำตามความปรารถนาของมวลชน แทนที่จะตัดสินใจอย่างรอบรู้เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม อย่างไรก็ตาม แม้เป็นความจริงว่าประชาธิปไตยมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง และผู้นำประชานิยมก็สามารถใช้ประโยชน์จากระบบนี้ได้ แต่การไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยมีนัยที่บ่งชี้ถึงการบ่อนทำลายหลักธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของพลเมือง

 โดยสรุป เพลโตนำเสนอมุมมองเรื่องอำนาจ โดยเชื่อมโยงกับภูมิปัญญา ความยุติธรรม และคุณธรรม เขาปฏิเสธการมองอำนาจว่าเป็นเพียงการครอบงำ แต่กลับเน้นย้ำถึงความสำคัญของความรู้และจริยธรรม และชี้ให้เห็นว่าการเสื่อมทรามของอำนาจเกิดจากการขาดสติปัญญา ไร้ความรับผิดชอบ อหังการในสิทธิและความมั่งคั่ง และปราศจากคุณธรรม สำหรับจุดอ่อนของแนวคิดอำนาจของเพลโตคือ การเป็นแนวคิดแบบชนชั้นนำ การไม่ไว้วางใจในระบอบประชาธิปไตย และการละเลยสิทธิ์ของบุคคล การตระหนักถึงจุดอ่อนเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณกับแนวคิดเรื่องอำนาจของเพลโต ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาความเข้าใจที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับอำนาจในสังคมร่วมสมัย

อ้างอิง
Annas, J. (2003). Plato: A very short introduction. Oxford, England: Oxford University Press.
Plato. (2007). The Republic. (D. Lee, Trans.) London, England: Penguin Books.
Plato. (2008). The Laws. (B. Jowett, Trans.) From https://www.gutenberg.org/files/1750/1750-h/1750-h.htm
Plato. (2008). The Statesman. (B. Jowett, Trans.) From https://www.gutenberg.org/files/1750/1750-h/1750-h.htm


กำลังโหลดความคิดเห็น