ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นประเด็นต่อเนื่องสำหรับ “เรื่องหวย” สารพันปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยเฉพาะความพยามแก้ “หวยแพง” เมื่อมีการออกสลากฯ รูปแบบใหม่ที่มีชื่อว่า “ L6” ซึ่งเป็นสลากเลข 6 หลัก มีทั้งแบบใบและแบบดิจิทัลและ N3 สลากเลข 3 หลัก จำหน่ายเฉพาะแบบดิจิทัล ผู้ซื้อกำหนดตัวเลขเอง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 เห็นชอบร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศ รวม 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก (N3) พ.ศ. .... 2. ร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (L6) และ 3. ร่างประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก (N3) ตามมติ ครม. ที่เห็นชอบในหลักการการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก และสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก ไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566
สำหรับสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก L6 (Lottery 6) เริ่มขายในวันที่ 17 กันยายน 2566 เป็นสลากงวดวันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นงวดแรก ทั้งสลากใบ และสลากดิจิทัล รวม 101 ล้านฉบับ แบ่งเป็น สลากใบ 80 ล้านฉบับ และสลากดิจิทัล 21 ล้านฉบับ ทั้งนี้ สลากใบจะมีลักษณะเหมือนกับสลากที่ขายอยู่ในปัจจุบันทุกประการคือ มีการพิมพ์บนกระดาษป้องกันการปลอมแปลง มีลายน้ำ และเส้นไหมสอดแทรกอยู่ในเนื้อกระดาษ มีการพิมพ์สัญลักษณ์ป้องกันการปลอมแปลงต่างๆ รวมถึงพิมพ์ข้อความ L6 แบบใบ ลงบนสลากด้วย
ขณะที่สลากดิจิทัลไม่ได้มีการพิมพ์ขึ้นมาเป็นใบ แต่เป็นข้อมูลที่อยู่ในระบบดิจิทัล มีการพิมพ์ข้อความ L6 แบบดิจิทัล บนสลาก และจะซื้อขายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ส่วนการขึ้นเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก L6 แบบใบ สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสินทุกสาขา โดยนำสลากใบที่ถูกรางวัลพร้อมด้วยบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่
ส่วนสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก L6 แบบดิจิทัล ระบบจะตรวจสอบการถูกรางวัลให้อัตโนมัติ โดยผู้ซื้อสามารถเลือกรับเงินรางวัลโดยการโอนเข้า บัญชีธนาคารกรุงไทย หรือเข้า G-Wallet ของผู้ซื้อได้ภายในไม่เกิน 2 ชั่วโมง
“คณะกรรมการสำนักงานสลากมีมติเพิ่มจำนวนสลาก L6 ไม่เกิน 110 ล้านฉบับ ภายในสิ้นปี 2566 โดยจะเพิ่มเฉพาะแบบดิจิทัลเท่านั้น ส่วนแบบใบคงไว้ที่ 80 ล้านฉบับเท่าเดิม ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการการตอบรับของผู้ซื้อว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณสลากแบบดิจิทัล ในแต่ละงวดซึ่งคาดว่า จะเพิ่มงวดละ1-2 ล้านฉบับ เมื่อถึงงวดสุดท้ายของปี2566 สลาก L6 แบบดิจิทัลก็อาจจะมีถึง30ล้านฉบับ นั่นหมายความว่า จะมีสลากรางวัลที่ 1 มากถึง 30 ฉบับ เงินรางวัลสูง 180 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่เพิ่มเฉพาะแบบดิจิทัล เนื่องจากบอร์ดฯสำนักงานสลากเห็นว่าสลากดิจิทัลสามารถแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาได้ และ ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี” พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าว
โดยสลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบันมีจำนวน 100 ล้านใบต่องวด มีช่องทางจำหน่าย 2 ช่องทางคือสลากใบที่ซื้อตามแผงจำนวน 80 ล้านฉบับ และสลากใบที่ถูกแสกนเข้าระบบจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ จำนวน 20ล้านฉบับ
ขณะที่สลากกินแบ่งรัฐบาลสามหลัก N3 (Numbers 3) คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปี 2567 หรือก่อนเดือนกันยายน 2567 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดปลีกย่อยวัตถุประสงค์หลักของสลาก N3คือเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาเพราะขายด้วยระบบดิจิทัล ไม่สามารถซื้อ-ขาย เกินราคาได้
นอกจากนี้ ก็ยังเป็นการดึงเงินจากหวยใต้ดินให้กลับเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น เพราะซื้อครั้งเดียวสามารถลุ้นได้ถึง 4 รางวัล คือ 3 ตัวตรง/ 3ตัวสลับ(3ตัวโต๊ด)/ 2ตัวตรง/และรางวัลแจ๊กพ็อต หรือ รางวัลพิเศษ ที่เลือกจากคนที่ถูก3 ตัวตรงมา 1 คน โดยรูปแบบการจ่ายเงินรางวัล เป็นแบบแปรผัน ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ซื้อเลขนั้นๆ โดยการจัดสรรเงินรางวัล กำหนด (1) ร้อยละ 60 เป็นเงินรางวัล (2) ไม่น้อยกว่าร้อยละ23เป็นรายได้แผ่นดิน (3)ไม่เกินกว่าร้อยละ 17 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน กำหนดให้นำเงินที่จัดสรรไว้เป็นเงินรางวัลไปสมทบในงวดถัดไป แต่ไม่เกิน 1 งวด ส่วนการขายก็ยังเป็นการขายผ่านตัวแทน เช่นเดียวกับ สลาก L6 ขณะที่ราคาสลาก N3 อาจจะอยู่ที่ 50 บาท หรือต่ำกว่านั้น ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2567
“การออกสลาก N3 เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนซื้อสลากแบบถูกกฎหมายมากขึ้น เพราะผู้ซื้อสลากสามารถเลือกตัวเลขได้ตามความต้องการ เช่นเดียวกับหวยใต้ดิน ซึ่ง N3 จะช่วยดึงเงินเข้าให้มาในระบบได้มากขึ้น เนื่องจากราคาถต่ำกว่าสลาก L6 อีกทั้งสลาก N3 มีรางวัลให้ลุ้นมากกว่าหวยใต้ดิน ซื้อ1 ลุ้นได้ถึง 4 รางวัล และอาจจะมีการพิจารณาให้ออกรางวัลทุกสัปดาห์ ขณะที่ปัจจุบันหวยใต้ดิน–หวยประเทศเพื่อนบ้าน ที่ออกรางวัลถี่ บางประเภทออกทุกวัน ได้รับความนิยมสูงมีวงเงินเฉลี่ยกว่า 1.5–4 แสนล้านบาทต่อปี ”
อย่างไรก็ดี สำนักงานสลากฯ ดำเนินโครงการสลากดิจิทัล โดยเปิดขายครั้งแรกงวดวันที่ 16 มิ.ย. 2565 ที่จำนวน 5 ล้านใบ ได้รับความสนใจจากประชาชนผู้ซื้อสลากฯ รวมทั้งตัวแทนรายย่อยผู้ค้าสลาก เป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง จนถึงตอนนี้มีปริมาณสลากดิจิทัลทั้งสิ้นกว่า 20 ล้านใบ และสามารถจำหน่ายได้หมดทุกงวด
ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สะท้อนให้เห็นถึงความชัดเจนของแนวทางการแก้ปัญหาสลากเกินราคาฯ ที่ดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าสลาก 80 บาทมีอยู่จริง และภายในปี 2566 สำนักงานสลากฯ ยังคงตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนผู้ซื้อ สามารถเข้าถึงสลากฯ ราคา 80 บาทซึ่งสำนักงานสลากฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนผู้ซื้อ สามารถเข้าถึงสลากฯ ราคา 80 บาท ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัล เป็น 30 ล้านใบ หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 ล้านใบต่องวด ตามภาวะตลาดในแต่ละงวด และไม่กระทบสลากแบบใบในระบบที่มีอยู่ 80 ล้านใบ โดยจะทยอยเชิญผู้ค้ารายย่อยที่ลงทะเบียนเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัลมาทำสัญญา รวมทั้ง ยังมีการเปิดให้ตัวแทนประเภทบุคคลรายย่อยทั่วไป คนพิการ สมาคม องค์กร และมูลนิธิต่าง ๆ
ขณะที่ นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่าน่าจะแก้ปัญหาเรื่องหวยใต้ดินได้ระดับหนึ่ง เพราะว่าถ้าถูกรางวัลก็ได้แน่ๆ ไม่เหมือนหวยใต้ดิน บางทีเจ้ามือก็หายไปเลย หรือจ่ายครึ่งเดียว ถ้าถูกได้แน่ และคนพิการก็ได้โควตาในการขายในรูปแบบดิจิทัล ส่วนสลากใบก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม เป็นการเพิ่มทางเลือกให้คนซื้อ รวมถึงแก้ไขปัญหาขายสลากเกินราคา 80 บาท
อย่างไรก็ตาม วิเคราะห์ในมุมวิชาการผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่อาจไม่ตอบโจทย์คุมราคาจำหน่ายลอตเตอร์รี่ นายรัตพงษ์ สอนสุภาพ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ทั้งสลากเลขสามหลัก หรือ N3 และลอตเตอรี่ 6 หรือ L6 นั้น ไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาสลากเกินราคา หรือการพนันหวยใต้ดินให้หมดไปได้ เพราะหวยใต้ดินที่อยู่คู่สังคมไทยมานาน ประชาชนมีความคุ้นเคยกับผู้ซื้อมากกว่า อีกทั้งยังมีโปรโมชั่น หาซื้อได้ง่าย มีเครดิต มีส่วนลดให้กับผู้ซื้อได้ด้วย
ประเมินว่าหากรัฐบาลออกสลาก N3 น่าจะมียอดขายประมาณปีละ 4 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับการทำหวยบนดินสมัยรัฐบาลยุคก่อน ส่วนผู้ซื้อจะมีทั้งกลุ่มผู้ซื้อหน้าเก่า ที่ซื้อทั้งหวยใต้ดิน และ N3 ส่วนผู้ซื้อหน้าใหม่ก็อาจมีบ้างแต่ไม่มาก เพราะการเลขสลากN3 ไม่น่าจะถูกจริตกับคนรุ่นใหม่
“ผลศึกษาพบว่าคนรุ่นใหม่นิยมเล่นพนันออนไลน์ ผ่านสมาร์ทโฟนมากกว่า อีกทั้งมองว่าดูเหมือนจะมาแข่งหวยใต้ดิน แต่จุดแข็งขอ งN3 คือการขายผ่านระบบดิจิทัลอย่างเดียว จะลดความเสี่ยงของผู้ซื้อเพราะเป็นของรัฐ ถูกแล้วได้เงินแน่ มีความปลอดภัยทางข้อมูล ที่สำคัญระบบดิจิทัล ยังช่วยคัดกรองไม่ให้เข้าถึงของเด็กและเยาวชนได้ แต่สุดท้ายก็เชื่อว่าหวยใต้ดินจะไม่หายไป และจะขายคู่ขนานไปกับ N3 อยู่ดี” ผู้อำนวยการวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว
ขณะที่ สลาก L6 จะช่วยให้สำนักงานสลากฯ เพิ่มลอตเตอรี่เข้ามาขายผ่านสลากดิจิทัลได้ง่ายขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าการเพิ่มจำนวนอย่างเดียวจะช่วยแก้ปัญหาการเกินราคาได้หรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาก็มีการเพิ่มจำนวนแล้วหลายครั้ง แต่สลาก ฯ ก็ยังไม่พอ และขายเกินราคาอยู่ดี เนื่องจากยังติดปัญหาเชิงโครงสร้าง คือ ตัวแทนจำหน่ายไม่ได้ขายเอง มีการนำไปขายช่วง โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้โควตาถาวรงวด 30 ล้านใบ ซึ่งมองว่าควรลดตัวแทนจำหน่ายแบบเก่าลง และหันไปเพิ่มส่วนของการซื้อจอง เพราะเป็นความต้องการของตลาดที่แท้จริง
ดังนั้น ยังคงต้องติดตามและประเมินผลกันตจ่อว่า ผลิตภัณฑ์สลากฯ “L6 – N3” ที่รัฐฝันหวานแก้ปัญหาเรื่อง “หวยแพง” จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งอีกไม่นานคงรู้กัน