ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ยังพยายามปั่นกระแส สร้างดรามา อย่างต่อเนื่อง รายของ น.ส.ธนลภย์ (สงวนนามสกุล) หรือ “หยก ทะลุวัง” เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และผู้ต้องคดีความผิดประมวลบกฎหมายอาญา มาตรา 112 อายุ 15 ปี กับการ “อ้าง” สิทธิการเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เขตสวนหลวง กทม. ทั้งที่ความจริง ทางโรงเรียนก็ได้ยืนยันแล้วว่า “หยก” ไม่มีสถานะการเป็นนักเรียนของโรงเรียน เพราะไม่ได้มอบตัวตามระเบียบ และได้มีการคืนค่าเทอมให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่หลายเดือนก่อน
ทว่า “หยก” ก็ไม่ยอมรับ “เหตุผล” ที่ทางโรงเรียนชี้แจง และพยายามทวงสิทธิขอเข้าเรียน ที่ผ่านมาโรงเรียนก็อะลุ้มอะล่วยให้เข้าชั้นเรียนบ้าง เพื่อป้องกันการทำกิจกรรมวุ่นวายบริเวณหน้าโรงเรียน อย่างที่เคยพยายามปีนรั้วโรงเรียนหลายครั้ง
กระทั่งล่าสุด “หยก” พร้อมด้วย “บุ้ง ทะลุวัง” เนติพร เสน่ห์สังคม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และผู้ต้องคดีความผิดประมวลบกฎหมายอาญา มาตรา 112 อายุ 26 ปี ที่อ้างว่าเป็นผู้ปกครองของ “หยก” ได้เดินทางยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมพัฒน์ เพื่อสอบถามหาความชัดเจนเรื่องประเด็นต่างๆ ที่สงสัย โดยเมื่อทำการยื่นหนังสือและพูดคุยกับตัวแทนผู้อำนวยการแล้วเสร็จ ก็มีการปล่อยภาพ “หยก” มานั่งพื้นอ่านหนังสือที่บริเวณหน้าโรงเรียน นัยว่าเป็นการประท้วงที่ไม่ให้เข้าห้องเรียน
ปรากฏมีการเปิดเผย “เบื้องหลังการถ่ายทำ” ว่า “บุ้ง-หยก” มาที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่เวลา 08.30 น. เพื่อรอ “ผู้สื่อข่าวออนไลน์” ที่นัดแนะกันไว้แล้วมาทำข่าว ก่อนให้ “หยก” ทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือที่หน้าประตูโรงเรียน เมื่อถ่ายภาพเสร็จก็ลุกออกไปทันที โดยใช้เวลาไม่ถึงนาที เสมือนต้องการใช้ “หยก” ทำคอนเทนต์เท่านั้น
แฟนเพจ “เจ๊จุก คลองสาม” ที่ติดตามประเด็นดรามาการเมืองเป็นหลัก เผยแพร่คลิปการถ่ายทำของ “หยก” พร้อมระบุว่า “เปิดโปงขบวนการอีแอบอยู่เบื้องหลัง เด็กไม่ได้คิดเองทั้งหมด แต่มีคนคอยวางพล็อตให้ มองแววตาหยกตอนนี้แล้ว เห็นแววตาของเด็กอีกคนหนึ่งอยู่ในนั้นเลย เพราะแดดดี้พาทำคอนเทนต์ตั้งแต่เด็กเลย พรรคก้าวไกล อย่าปล่อยให้หยกสู้ตามลำพัง ออกมาได้แล้วค่ะ”
เหตุที่มีการพาดพิงไปถึง “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล เพราะเคยมีท่าทีสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ “ม็อบสามนิ้ว” ที่ต่อมาแตกแขนงมาเป็น “กลุ่มทะลุวัง” กับจุดยืนที่ล้ำเส้น ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ คนในพรรคก้าวไกล
ครั้งหนึ่ง “แดดดี้ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังเคยออกตัวเป็น “นายประกัน” และศาลแต่งตั้งให้เป็นแต่งตั้งผู้ดูแล “ตะวัน ทะลุวัง” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 มาแล้ว ก่อนที่ “ตะวัน” จะขอถอนประกันตัวเอง
หรือเมื่อการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว ในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ช่วงท้ายการอภิปรายของ “เบญจา แสงจันทร์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กลุ่มสมาชิก ส.ส.พรรคก้าวไกลทั้งพรรค ได้นำภาพ “บุ้ง ทะลุวัง” และ “ใบปอ ทะลุวัง” ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ ผู้ต้องหาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกคน ซึ่งขณะนั้นถูกเพิกถอนสิทธิการประกันตัว และอดอาหารประท้วงจนล้มป่วย ขณะถูกควบคุมตัวในเรือนจำ ชูภาพขึ้นกลางสภา เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำ
หรือ “พิธา” เองก็เคยใช้เวทีสภาฯ พูดไว้อย่างซาบซึ้งว่า “ทุกครั้งที่ผมไปหาคุณตะวัน และคุณแบม ผมมองตาตะวันแล้วเห็นพิพิมลูกสาวของผมอยู่ในนั้น"
เป็นการพูดถึง “ตะวัน ทะลุวัง” ที่ตัวเองเป็นนายประกัน และ “แบม ทะลุวัง” อรวรรณ ภู่พงษ์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 อีกราย ซึ่งทั้งคู่เคยบุกขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคก้าวไกล และให้ “พิธา” เลือกติดสติกเกอร์จุดยืนเกี่ยวกับการแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งวันนั้น “พิธา” เลือกติกสติกเกอร์ที่ฝั่ง “ยกเลิก” ตามสติ๊กเกอร์ส่วนใหญ่บนแผ่นป้ายเสียด้วย
ปรากฎว่า เมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค.66 มีเหตุการณ์ “กลุ่มทะลุวัง” บุกไปที่หน้าพรรคเพื่อไทย ทำกิจกรรมประท้วงการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว และถูกมองว่าเกี่ยวโยงกับพรรคก้าวไกล ในฐานะที่เสียประโยชน์จากการที่พรรคเพื่อไทยไปจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่น กลับกลายเป็นว่า พรรคก้าวไกลปฏิเสธความเกี่ยวโยง ถึงขั้นว่า ตัดขาดความสัมพันธ์ ทำทีเหมือนไม่เคยรู้จักกัน
โดย “เจ๊เจี๊ยบ” อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ระบุตอนนั้นว่า “ไม่ได้รู้จักน้องๆ กลุ่มกิจกรรมทุกกลุ่มทุกคน รู้จักเป็นบางกลุ่มบางคน…เยาวชนหนุ่มสาวสมัยนี้ มีใครไปชี้นำเขาได้ เขามีความคิดเป็นของตัวเองพ่อแม่ปลุกให้ตื่น หรือให้ทำอะไร หากเขาไม่เห็นด้วย แม้เป็นพ่อแม่ยังไม่ทำตามเลย แล้วเราเป็นอะไร เราไม่ได้เป็นผู้ปกครองเขา และเราก็ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง”
แปลไทยเป็ยไทยว่า พรรคก้าวไกล ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง และไม่สามารถไปห้ามปรามการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวังได้
ย้อนกลับไปช่วงเดือน มิ.ย.66 ซึ่งเป็นช่วงที่ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ 1 ในสนามเลือกตั้งกำลังพยายามจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้เกิดดรามา “น้องหยก” กับโรงเรียนเตรียมพัฒน์ใหม่ๆ ปรากฎว่า ไม่มี “คนก้าวไกล” การออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องของ “หยก” เลย
ทำให้ “กลุ่มทะลุวัง” เองก็พยายามทวงถามว่า ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลนำประเด็น “หยก” ถูกจับเป็นผู้ต้องหา มาตรา 112 ไปปราศรัยหาเสียง และยังมีนโยบายหาเสียง “ไม่บังคับนักเรียนแต่งเครื่องแบบ” ที่ตรงกับขุดยืนของ “หยก”
“พิธากูก็ด่า ผ่านมาหลายวันยังหุบปากเงียบแบบนี้ กูด่าหมดไม่สนลูกใคร ทั้งๆ ที่พรรคก็เอานโยบายยกเลิกชุดนักเรียนมาชู พอกระแสตีกลับหยก หลักการหาย กลัวเสียแฟนคลับสลิ่มดัดจริตที่เลือกส้ม อิส้มจะรักพ่อมันมากแค่ไหน กูไม่สน ตอนหาเสียงมึงพูดไว้ยังไง ยืนยันให้ได้ตามหลักการที่พวกมึงเคยโหนด้วย!”
ขณะที่ “ใบปอ ทะลุวัโพสต์ข้อความ พร้อมกับแท็กเฟซบุ๊ก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยตั้งคำถามว่า “พิธาได้ออกมาพูดเรื่องหยกหรือยัง Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกหวยเสร็จแล้ว แสดงความเห็นเรื่องหยกหน่อยค่ะ”
จะไปว่า พรรคก้าวไกลไม่พยายามวยุ่งเกี่ยวเรื่องของ “หยก” อย่างสิ้นเชิงคงไม่เป็นธรรม เพราะมีข้อมูลว่า ขณะเกิดเรื่อง “หยก” พรรคก้าวไกลได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเจรจาพูดคุยกับทางโรงเรียนอยู่เหมือนกัน แต่ไม่สำเร็จ เพราะ “หยก” ขาดสถานภาพเป็นนักเรียน เพราะไม่มีผู้ปกครองมามอบตัวลงทะเบียน มีเพียง “บุ้ง ทะลุวัง” ที่ออกตัวเป็นผู้อุปการะ
และล่าสุดของล่าสุด “เจี๊ยบ อมรัตน์” ก็เพิ่งโพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งว่า “สื่อมวลชนที่พาดหัวข่าวโดยปราศจากความรับผิดชอบ ให้กลุ่มนายแบกนางแบกเอาไปตีฟูไม่หยุดหย่อน อาจจำเป็นต้องอธิบายอย่างจริงใจเพื่อบันทึกไว้
การให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นที่ตึกไทยซัมมิท (ราวต้นเดือนส.ค.66) ดิฉันพูดว่านักกิจกรรมในช่วงหลังๆ มีกลุ่มใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายหลายกลุ่ม ดิฉันรู้จักไม่ครบทุกกลุ่มไม่ครบทุกคน แต่ที่คุ้นเคยคือกลุ่มแรกๆ เช่นเพนกวิน อานนท์ โตโต้ ตอนนี้โตโต้และหลายคนก็มาเป็นสส.พรรคก้าวไกลแล้ว
ดิฉัน “ไม่เคยพูด” ว่าไม่รู้จักกลุ่ม #ทะลุวัง ข้อเท็จจริงคือรู้จักแต่ผิวเผิน พบเห็นกันตามกิจกรรมการเมืองไม่เคยคุยกันจริงจัง เคยได้เบอร์ของบุ้งมาในช่วงที่ไปเยี่ยม #ตะวันแบม อดอาหารหน้าศาลฎีกาสนามหลวง จึงขอเบอร์บุ้งมาเพื่อจะโทรไถ่ถามอาการคืบหน้าของตะวันแบม เมื่อมีเรื่อง #หยก เกิดเป็นข่าวขึ้นมาจึงโทรไปถามบุ้งว่าทำไมแม่หยกถึงไม่พาลูกไปมอบตัว แล้วนัดคุยกันเรื่องนี้แบบเจอตัว 1 ครั้ง เพราะสงสัยเรื่องแม่หยกมาก ๆ ว่าหายไปไหน จะให้ช่วยอะไรหรือไม่เพื่อให้หยกเข้าเรียนได้ การคุยครั้งนั้นดิฉันแนะนำไปว่าถ้าประท้วงวิธีรุนแรงอาจจะทำให้เสียแนวร่วมการต่อสู้
หลังจากนั้นเห็นว่ามีหลายหน่วยออกมาเคลื่อนไหวช่วยเหลือ มีการนัดพูดคุยระหว่างหน่วยงานทางการศึกษาและสิทธิมนุษยชนกับทาง รร. จึงไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีกนอกจากติดตามอ่านข่าวจากสื่อมวลชน และรู้สึกเสียใจกับเคสของหยก”
เท่ากับว่า “ตัวแม่ก้าวไกล” ยอมรับว่า มีความคุ้นเคยกับ “บุ้ง ทะลุวัง”
เมื่อเป็นเช่นนี้ หาก พรรคก้าวไกล ยอมรับว่า มีการติดต่อกับ “บุ้ง” ก็น่าจะห้ามปรามการเคลื่อนไหวในหลายเรื่องๆได้ ทั้งการจัดกิจกรรมคัดค้านการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่ค่อนข้างรุนแรงและคุกคามสิทธิผู้อื่น หรือกรณีของ “หยก” ที่วันนี้ดูเหมือนกลายมาเป็นตัวสร้างคอนเทนต์หลักของ “บุ้ง ทะลุวัง” ไปแล้ว
ประเด็นดรามาของ “หยก” เลยเถิดไปไกลกว่า การแต่งชุดไปรเวท การทำสีผม หรือการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน แต่กลายเป็นการละเมิดสิทธิของโรงเรียน และเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ จากกรณีที่ “หยก” ไลฟ์สดขณไปขัดขวางการไปออกค่ายที่ต่างจังหวัดของเพื่อนนักเรียน จนเพื่อนต้องพรั่งพรูความอัดอั้นออกมาว่า ในขณะที่ “หยก” เรียกร้องสิทธิให้ตัวเอง แต่กลับกำลังละเมิดสิทธิผู้อื่น
พร้อมตั้งคำถามไปดังๆว่า หรือเพียงเพราะต้องการสร้างคอนเทนต์เท่านั้น
เมื่อประทวลความเชื่อมโยงของ พรรคก้าวไกล กับกลุ่มทะลุวัง แล้ว ก็ไม่พ้นมีคำถามไปถึง พรรคก้าวไกล ว่า จะไม่พยายามลงมาแก้ไขดรามาของ “หยก” ที่วันนี้เลยเถิดไปไกลแล้วบ้างหรือ
หรือประเมินแล้วว่า ไม่เป็นผลดีกับกระแสพรรค ก็เลยเทหมดไม่สนลูกใคร.