จะหนักไปทาง “สงคราม” หรือจะหนักไปทาง “สันติภาพ” ก็ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจน...สำหรับความขัดแย้ง การเผชิญหน้า ในแนวรบยุโรปตะวันออก ที่มีประเทศยูเครนเป็นสมรภูมิ แถมลากยาวว์ว์ว์กันมาเป็นปีๆ ชนิดเล่นเอาคนกลางอย่างเลขาธิการสหประชาชาติ “นายAntonio Guterres” อดไม่ได้ต้องออกมารำพึง รำพัน ไว้ในเวทีประชุมกลุ่มประเทศ “G20” ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อช่วงวันศุกร์ที่แล้ว (8 ก.ย.) ว่าแทบมองไม่เห็นความเป็นไปได้ของสันติภาพ ที่จะเฉียดกรายเข้ามาภายในอนาคตอันใกล้...
ด้วยเหตุนี้...เปิดฉากสัปดาห์นี้คงต้องขออนุญาตลงไปสำรวจ ตรวจสอบ ตื้น-ลึก-หนา-บางในแนวรบด้านนี้กันอีกสักเที่ยว ว่าโดย “แนวโน้ม” มันจะออกหัว-ออกก้อย-ออกกลาง ไปในแบบไหน? อย่างไร? โดยถ้าว่ากันถึงบรรดาพวกสมาชิกสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์ พวกนักยุแยงตะแคงรั่ว ที่หวังจะเห็นชาวยูเครนสู้กับรัสเซียจนกว่าจะไม่หลงเหลือ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” เอาเข้าจริงๆ แล้ว...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ว่าต่างออกอาการ “เสื่อมโทรม-ทรุดโทรม” ไปด้วยกันโดยถ้วนหน้าทั้งสิ้น ทั้งพวง ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่ประธานสมาคมเสือกอย่างคุณพ่ออเมริกา ไปจนถึงบรรดาพรมเช็ดเท้าอย่างกลุ่มประเทศอียู-อีย้วย หรือองค์กรพันธมิตรทางทหารอย่าง “NATO” ไม่ว่าจะในแง่ “เงินๆ-ทองๆ” หรือในแง่ “อาวุธยุทโธปกรณ์” ก็ตามที...
เฉพาะแค่การขออนุมัติรัฐสภาอเมริกันให้ “เซ็นเช็คเปล่า” ให้กับยูเครน ของรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” นับจากนี้ ก็ดูจะเป็นอะไรที่ลำบากยากเย็น ยิ่งเข้าไปทุกที เพราะไม่เพียงแต่บรรดานักการเมืองฝ่ายค้าน รีพับลิกันที่เป็นเสียงข้างมาก แสดงท่าทีปฏิเสธและคัดค้านหนักขึ้นๆ บรรดา “มืออาชีพ” อย่างเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมและเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง “CIA” ต่างมองไม่เห็นถึงคุณประโยชน์แห่งความยืดเยื้อ คาราคาซัง ที่ไม่รู้จะลากยาวว์ว์ว์ไปอีกกี่ปีต่อกี่ปี หรือแทบมองไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะหมีขาวรัสเซียได้เลย โดยเฉพาะเมื่อการโจมตี-ตอบโต้ของผู้ที่ตะวันตกให้การสนับสนุนอย่างยูเครนออกอาการ “เหี่ยวปลาย” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน เหลือแต่ผู้ที่หลงๆ ลืมๆ ผู้ที่ “เอ๋อ” หนักขึ้นเรื่อยๆ อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” และบรรดาผู้ที่อยู่ในแวดวงกลุ่ม “ขวาใหม่” (Neo-Conservative) อย่างรัฐมนตรีต่างประเทศหรือที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวเท่านั้น ที่ยังกระเหี้ยนกระหือรือ ยังคงกระหายเลือด-กระหายสงคราม แถมบรรดาอเมริกันชนส่วนใหญ่ชักไม่เอาด้วย ไม่เห็นควรด้วยเพิ่มขึ้นๆ ไปตามลำดับอีกด้วยต่างหาก...
เช่นเดียวกับพวกพรมเช็ดเท้าในยุโรปและบรรดาประเทศสมาชิก “NATO” ทั้งหลาย...ที่ไม่เพียงแต่เงินงบประมาณติดๆ-ขัดๆ อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจภายในแต่ละประเทศ ต้องเจอเรื่องเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย เจอกับภาวะล้มละลายของห้างร้าน บริษัท ระบบอุตสาหกรรม การเงิน-การธนาคาร ชนิดผู้คนถึงขั้น “อดมื้อ-กินมื้อ”เอาเลยก็ยังมี อย่างเช่นพวกผู้ดีอังกฤษ เป็นต้น แต่ยิ่งไปกว่านั้น...ยังต้องเจอกับความขาดแคลน การผลิตอาวุธไม่ทันกับความต้องการของกองทัพยูเครนที่ยิงทิ้ง-ยิงขว้าง แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะกองทัพหมีขาวได้อย่างเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด แถมยังเจอกับความไม่มั่นอก-มั่นใจไม่แน่ใจว่าการ “เลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา” ในปีหน้า ถ้าหากเกิด “ทรัมป์บ้า” รอดคุก รอดตะราง หวนกลับมาเป็นผู้นำอเมริการอบใหม่ โอกาสที่ทั้งยูเครนและยุโรปทั้งยุโรปอาจถูก “ถีบทิ้ง” ด้วยกันทั้งคู่ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...
บรรดาชาติยุโรปและสมาชิก “NATO” ทั้งหลาย เลยชักเกิดอาการระส่ำระสาย เสียงแตก ต้องหันไปใคร่ครวญ พิจารณา ถึงสถานะของประเทศรัสเซียด้วยมุมมองใหม่ๆ ทัศนะใหม่ๆ ไม่ใช่แบบ “ทัศนะทาส” หรือ “ทัศนะสงครามเย็น” หรือแบบพวกที่ยังติดโรค “Russophobia” อย่างมิมีวันรักษาหาย ดังที่รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส “นางCatherine Colona” ได้ออกมาพูดจาปราศรัยเมื่อวัน-สองวันมานี้ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว หรือถึงขั้นบางประเทศต้องหันไป “บายพาส” หันไปซื้อแก๊สซื้อน้ำมันจากรัสเซียผ่าน “นายหน้า” อย่างอินตะระเดีย จีน และตุรกี จนที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน “นายOleg Ustenko” ต้องออกมาด่า ออกมาประณามทั้ง EU และ UK ในเรื่องราวเหล่านี้ เอาเลยถึงขั้นนั้น...
ความระส่ำระสายหรือ “ความไม่แน่นอน” ของคุณพ่ออเมริกาและชาติตะวันตก...เลยทำให้ผู้ที่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือและการสนับสนุนอย่างยูเครน ชักเริ่มกลัวๆ ว่าอาจถูก “ถีบทิ้ง” ขึ้นมาในวันหนึ่ง-วันใดก็ไม่แน่!!! ชนิดแม้แต่ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างประธานาธิบดี “Volodimir Zelensky” ยังอดไม่ได้ต้องออกมาสารภาพทางทีวีกันเห็นๆ ยิ่งเมื่อการโจมตี-ตอบโต้ของยูเครนต่อรัสเซียดัน “เหี่ยวปลาย” ไม่ได้แสดงความคืบหน้าดังที่ “สมรักษ์ คำสิงห์” ไว้ก่อนหน้านี้ แถมเงินช่วยเหลือที่อดีตรัฐมนตรีกลาโหม “นายAleksey Reznikov” เคยออกมาเปิดเผยว่า ต้องใช้ถึงวันละ 100 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย ยังอาจรั่วไหลไปกับการทุจริต ประพฤติมิชอบ หรือการ “คอร์รัปชัน” ที่แทบถือเป็น “วาสนา” (สันดาน) ประจำชาติของยูเครนไปแล้วก็ว่าได้ เพราะแม้แต่ “รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่” “นายRustem Umerov” ที่เข้ามารับตำแหน่งแทนคนเก่าที่ถูกกล่าวหาในเรื่องราวทำนองนี้ ก็กำลังถูกสอบสวนโดยหน่วยงาน “NABU” (The National Anti-Corruption) ของยูเครน ในเรื่องกินนอก-กินในระหว่างดำรงตำแหน่งในหน่วยงาน “FGIU” (The State Property Fund) ชนิดที่เหยี่ยวข่าวอาวุโสอย่าง “นายSeymour Hersh” ถึงกับต้องออกมาฟันธงว่า “อัปรีย์ไป-จัญไรมา” หรืออ้างแหล่งข่าวระดับสูงในหน่วยข่าวกรองอเมริกาว่ารัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของยูเครน “คอร์รัปชันยิ่งกว่าคนเก่า” ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้การหาทางออก-ทางไป หรือ “ทางรอด”สำหรับประเทศที่จำต้องพึ่งพาตะวันตกไปในทุกๆ เรื่องทุกๆ กรณีอย่างยูเครน จึงเป็นอะไรที่ชักจะออกไปทางน่าขนลุก-ขนพอง ยิ่งเข้าไปทุกที!!! คือแทบไม่ได้คิดทำ “สงคราม” กับรัสเซียอีกต่อไป แต่หันมาเน้นหนักในการก่อวินาศกรรม หรือการ “ก่อการร้าย” กันไปแทนที่ หรือหันมาเน้นหนักในการสร้างความเจ็บช้ำ-น้ำใจ ความโกรธ-เกลียด-เคียดแค้น ความระแวงสงสัย จนกลายเป็นเพิ่ม “อัตราเสี่ยง” ให้กับการเผชิญหน้า ไม่ใช่แต่เฉพาะระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” เท่านั้น แต่ระหว่าง “รัสเซียกับนาโต” หรือ “รัสเซียกับอเมริกา” อย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที ชนิดแทบไม่ต่างอะไรไปจากการ “จับผู้สนับสนุนไว้เป็นตัวประกัน” อะไรทำนองนั้น โดยเฉพาะการมุ่งโจมตีไปยังอาณาเขต พื้นที่ที่ “อ่อนไหว” ต่อความรู้สึกของรัสเซีย อย่างไม่คิดจะบันยะบันยังเอาเลยแม้แต่น้อย...
หรืออย่างที่ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน “นายMikhail Podoliak” ได้ออกมาพูดผ่านสถานีโทรทัศน์ “Ukrainian TV” เมื่อไม่กี่วันมานี้นั่นแหละว่า... “ปีก่อนๆ...ถ้าจะมีการโจมตีพื้นที่ไครเมีย (ผู้สนับสนุน) ทุกๆ คนจะพูดว่าอย่าเลยๆ ไปโจมตีพื้นที่อื่นเถอะ เว้นพื้นที่นี้เอาไว้ก่อน” อันเนื่องมาจากถือเป็นพื้นที่ที่เป็น “ของหวง” ของรัสเซีย หลังจากได้ผนวกอาณาบริเวณดังกล่าวมาตั้งแต่เกือบสิบปีที่แล้ว (ค.ศ.2014) ด้วยการลงประชามติอย่างเป็นการ เป็นงาน ได้ทุ่มทุน ทุ่มเท เนรมิตโครงการต่างๆ เพื่อรองรับความชอบธรรมของตัวเอง จนกลายเป็นพื้นที่ระดับ “แตะเธอเมื่อไหร่...โลกแตกแน่” อะไรประมาณนั้น แต่โดยคำพูดต่อมาของ “นายMikhail Podoliak” ที่ระบุเอาไว้ว่า... “แต่ในทุกวันนี้ เป็นที่ยอมรับกันโดยเอกฉันท์ของบรรดาประเทศที่ให้การสนับสนุนยูเครน ว่าเราสามารถที่จะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกรัสเซียครอบครองได้อย่างเต็มที่...”
อันนี้นี่เอง..ที่มันเลยทำให้การต่อสู้กับรัสเซียของยูเครนแทบไม่ใช่เป็นเรื่องของ “สงคราม” อีกต่อไป แต่กลายเป็นการยั่วยุการสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ การยั่วยวนกวนส้นตีนเพื่อให้คู่ต่อสู้น็อตหลุด น็อตหลวม ชนิดอาจต้องยกระดับความรุนแรงในการต่อสู้จนกลายเป็นการสู้กับ “NATO” สู้กับอเมริกาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ดังเห็นได้จากการโจมตีครั้งล่าสุดที่สนามบิน “Pskov” อันเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลจากรัศมีทำการของเครื่องบินโดรนจากยูเครนถึง 800 กิโลเมตร แต่ใกล้กับชายแดนของประเทศพันธมิตร “NATO” อย่างเอสโตเนียแค่ 61.3 กิโลเมตรเท่านั้นเอง เล่นเอาเครื่องบินขนส่งทางยุทธศาสตร์ “Il-76” ของรัสเซียพังไปไม่รู้กี่ลำต่อกี่ลำ จนอาจก่อให้เกิดความระแวงสงสัยอันจะนำไปสู่การลากเอาประเทศพันธมิตร “NATO” เข้ามาพัวพันกับการโจมตีคราวนี้ขึ้นมาก็ไม่แน่ หรืออย่างที่นักวิจัยอาวุโสแห่งองค์กร “Center for Security Policy” อย่าง “นายStephen Bryen” ต้องออกมาตั้งข้อสังเกตไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “Risk for NATO in Ukraine drone strikes on Russia territory” หรือที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาถ่ายทอดไว้ในหัวข้อว่าด้วยเรื่อง “ความเสี่ยงสำหรับนาโต จากการที่โดรนยูเครนโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา...
ด้วยเหตุนี้...แนวโน้มการปะทะ ขัดแย้ง ในแนวรบยุโรปตะวันออก มันจะหนักไปทาง “สงคราม” หรือ “สันติภาพ” ก็คงขึ้นอยู่กับความอดทน อดกลั้น ของหมีขาวรัสเซีย การไม่หลวมตัวให้กับการยั่วยวนกวนส้นตีนไม่ว่าโดยยูเครนหรือคุณพ่ออเมริกา แม้จะเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน มาก-น้อยขนาดไหนก็ตามที อันเนื่องมาจากโดย “ยุทธศาสตร์” ของ “พันธมิตรที่ไร้ขีดจำกัด” หรือของทั้งรัสเซียและจีน ที่ร่วมกันสร้าง ร่วมกันทำมานานนับสิบๆ ปี ก็คือยุทธศาสตร์ที่มุ่งไปสู่การ “เปลี่ยนโลก” ไม่ใช่การ “ทำลายโลก” แต่อย่างใด!!! การนำเอาขีปนาวุธนิวเคลียร์ข้ามทวีป (ICBM) อย่างจรวด “Satan-2” หรือ “RS-28 Samat” เข้าประจำการในกองทัพรัสเซีย จึงถือเป็นการ “ป้องปราม” ซะเป็นหลัก เพราะการ “สั่งสมชัยชนะไปสู่ชัยชนะ” ในแนวรบแต่ละด้าน ไม่ว่ายุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง ทะเลจีนใต้ หรือแม้แต่แอฟริกา จนกว่าโลกตะวันตก หรือโลกขั้วอำนาจเดียว จะ “เหี่ยวปลาย” ลงไปเอง ย่อมต้องถือเป็นยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับ “สันติภาพ” อย่างมิอาจปฏิเสธได้...นั่นแล...