"ปัญญาพลวัตร"
"ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต"
แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่มีแนวโน้มว่าจะต้องไปเป็นฝ่ายค้าน อันเนื่องมาจากถูกสกัดจากกลุ่มอำนาจเก่าที่มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นเครื่องมือ และความไม่ยืนหยัดมั่นคงในหลักการของการเป็นพันธมิตรทางการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย
เมื่อพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล งานแรกที่ดำเนินการไม่ใช่ไปแสวงหาการสนับสนุนจาก สว. แต่กลับเชื้อเชิญพรรคการเมืองกลุ่มอำนาจเก่ามาหารือที่พรรค หลังจบการหารือก็ร่วมกันแถลง สาระหลักของการแถลงของทุกพรรคเป็นไปทิศทางเดียวกันนั่นคือ ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งหมายถึงพรรคก้าวไกลได้ และบางพรรคถึงกับประกาศอย่างชัดเจนว่า แม้พรรคก้าวไกลจะยุติเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ก็ไม่สามารถร่วมงานได้ เพราะวิถีคิดและวิถีการทำงานแตกต่างกัน หลังจากจบการแถลงข่าว แกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่น ๆ ก็ร่วมดื่มน้ำช็อกโกแลตมินต์ อันเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ขายในพรรคเพื่อไทย ชนแก้วดื่มกันอย่างยินดีปรีดา ราวกับประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งที่สาระที่แถลงคือความล้มเหลว
ทั้งที่ล้มเหลวในการชักชวนพรรคต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล แทนที่แกนนำพรรคเพื่อไทยจะมีความวิตกกังวล และแสดงออกด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด กลับกลายเป็นว่ามีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “งานล้มเหลว แต่มีความยินดี” เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ด้วยเหตุนี้ การกระทำของพรรคเพื่อไทยจึงถูกวิจารณ์ว่า เป็นการเล่นละคร โดยอาศัยปากของพรรคขั้วอำนาจเก่าบีบพรรคก้าวไกลให้ถอนตัวจากการร่วมจัดตั้งรัฐบาล การกดดันพรรคก้าวไกล มิได้เกิดขึ้นจากพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว หากแต่มีการร่วมมือกันอย่างเป็นขบวนการกับพรรคเล็กอื่น ๆ บางพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งออกมาเรียกร้องให้พรรคก้าวไกลเสียสละด้วยการถอนตัวออกจากการร่วมจัดตั้งรัฐบาล
กระนั้นก็ตาม พรรคก้าวไกลก็ประกาศชัดเจนว่า จะรักษาสัจจะกับประชาชน ด้วยการพยายามร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างสุดความสามารถตามความคาดหวังของประชาชนเสียงมากที่สุดของประเทศที่ได้แสดงเจตนารมณ์ในการเลือกตั้ง ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงยืนยันร่วมจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ไม่ตอบสนองความต้องการของพรรคเพื่อไทยและพรรคเล็ก ๆ บางพรรคที่ประสงค์จะสลัดพรรคก้าวไกลออกไป ขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าพรรคก้าวไกลตระหนักดีว่า โอกาสการเป็นรัฐบาลของตนเองมีน้อยยิ่งนัก แต่ภารกิจอย่างหนึ่งที่พรรคก้าวไกลยืนยันต่อสาธารณะคือ การหยุดยั้งพรรคสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารมิให้มีอำนาจรัฐอีกต่อไป
ท่ามกลางการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลที่ดำเนินการอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะของบรรดาแกนนำที่เป็นทางการของพรรคการเมือง ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีข่าวเรื่องการเจรจาในทางลับที่ดำเนินการคู่ขนานกันไปด้วยปรากฎออกมา มีความเป็นไปได้สูงว่าตัวแสดงที่สำคัญคือกลุ่มอำนาจเก่ากับ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ทรงอิทธิพลตัวจริงของพรรคเพื่อไทย กลุ่มนี้น่าจะมีส่วนร่วมอย่างมากในการชี้ขาดว่าใครจะดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และพรรคการเมืองใดจะเข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
เรื่องราวที่สาธารณะสงสัยเกี่ยวกับ “ดีลลับ” ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งถูกปฏิเสธอย่างแข็งขันจากแกนนำของพรรคเพื่อไทยค่อย ๆ เปิดเผยออกมาอย่างชัดแจ้งในวันที่ 26 กรกฎาคม เมื่อ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเขียนในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคม และในวันเดียวกันนี้ก็มีข่าวปรากฏออกมาว่าแกนนำของพรรคการเมืองหลายพรรคของขั้วอำนาจเก่าไปพบปะพูดคุยกับนายทักษิณที่ฮ่องกง
การที่นายทักษิณกำหนดวันกลับประเทศไทยอย่างชัดเจนแล้วนั้น หมายความว่า เขาและพรรคเพื่อไทยคงสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาลกับกลุ่มอำนาจเก่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสร้างความเป็นไปได้ 3 ประการเกี่ยวกับโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
รัฐบาลสูตร 1 มีนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ประชาชาติ ชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็ก ๆ อีกจำนวนหนึ่งโดยไม่มีพรรค 2 ลุง และไม่มีพรรคก้าวไกล และภายใต้รัฐบาลสูตรนี้ มีความเป็นไปได้ว่า พรรคก้าวไกลจะเสียสละยอมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคเพื่อไทย โดยที่พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเสียง สว. แต่ประการใด และยังสามารถรักษาไมตรีระดับหนึ่งไว้กับพรรคก้าวไกลได้
ข้อดีของรัฐบาลสูตร1 สำหรับพรรคเพื่อไทย คือพรรคเพื่อไทยสามารถรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชนได้ส่วนหนึ่ง ที่ไม่นำพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยรักษาชาติเข้ามาเป็นรัฐบาล ซึ่งทำให้การต่อต้านจากประชาชนที่ตามมาอาจไม่รุนแรงมากนัก และการรักษาไมตรีกับพรรคก้าวไกลเอาไว้ระดับหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้มีทางเลือกทางการเมืองมากขึ้นในอนาคต และเป็นการสร้างอำนาจต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ โดยเฉพาะการปรับคณะรัฐมนตรี และการดำเนินงานในสภาผู้แทนราษฎรก็มีแนวโน้มที่จะราบรื่นระดับหนึ่ง เพราะการรักษาไมตรีอาจจะทำให้พรรคก้าวไกลพุ่งเป้าหมายหลักในการตรวจสอบไปยังพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ มากกว่าพรรคเพื่อไทย
ข้อเสียคือ รัฐบาลอาจมีเสถียรภาพไม่มากนัก เพราะมีเสียงของ ส.ส. รวมกันได้เพียงประมาณ 260-270 เสียง และอาจถูกต่อต้านจากประชาชนเสื้อแดงที่ยังไม่สามารถทำใจให้ยอมรับพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ มวลชนเสื้อแดงบางส่วนอาจละทิ้งการสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และตราหน้าว่าพรรคเพื่อไทยทรยศต่อประชาชน รวมทั้งกลุ่มอำนาจเก่าที่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลอาจตอบโต้ด้วยมาตรการที่อาจสร้างความเสียหายแก่พรรคเพื่อไทยและแกนนำของพรรคเพื่อไทยได้
รัฐบาลสูตร 2 นายเศรษฐายังคงเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม แต่รัฐบาลจะนำพรรคพลังประชารัฐและ/หรือพรรครวมไทยสร้างชาติที่สืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารมาร่วมด้วย ส่วนพรรคร่วมอื่น ๆ ที่เหลือก็เป็นเหมือนสูตรหนึ่ง ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจถูกทิ้งเป็นฝ่ายค้าน สูตรนี้จะมีเสียงประมาณ 300-336 เสียง ขึ้นอยู่กับว่าพรรคเพื่อไทยจะเลือกพรรคใดระหว่างรวมไทยสร้างชาติกับประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม สูตรนี้จะเป็นสูตรที่ตัดไมตรีและประกาศเป็นปกปักษ์กับพรรคก้าวไกลและประชาชนโดยตรง
ข้อดีของสูตรนี้คือ นายทักษิณ สามารถกลับประเทศไทยได้อย่างสบายใจ และอาจได้รับการคุ้มครองและรับประกันความปลอดภัยจากกลุ่มอำนาจเก่าอย่างเต็มที่ (อย่างน้อยในระยะแรก) และมวลชนฝ่ายขวาจัดที่เคยต่อต้านนายทักษิณ ก็จะลดการต่อต้านลง ดีไม่ดีอาจอันมาสนับสนุนนายทักษิณ เสียด้วยซ้ำที่ตัดไมตรีกับพรรคก้าวไกล สูตรนี้เป็นสูตรแห่งการสยบยอมต่ออำนาจเก่าอย่างราบคาบของพรรคเพื่อไทย
ข้อเสียของสูตรนี้คือ พรรคเพื่อไทยจะถูกประณามและตราหน้าจากพลเมืองฝ่ายเสรีประชาธิปไตยอย่างรุนแรงว่า* “ทรยศ หักหลัง ประชาชน” ประชาชนจำนวนมากที่มีจิตสำนึกประชาธิปไตยซึ่งเคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาก่อนจะประกาศตัวยุติการสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่างสิ้นเชิง การต่อต้านรัฐบาลจะเกิดขึ้นและขยายตัวอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนในไม่ช้า ยิ่งกว่านั้น การนำพรรค 2 ลุงมาร่วมรัฐบาลเท่ากับเป็นการประกาศตัวเป็นปรปักษ์ แตกหัก และไม่เหลือไมตรีกับพรรคก้าวไกล จะทำให้พรรคก้าวไกลกำหนดเป้าหมายในการตรวจสอบอย่างเข้มข้นไปยังพรรคเพื่อไทย และเปิดฉากใช้ยุทธศาสตร์อย่างเข้มข้นและรอบด้านเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไสด์ในอนาคต
สูตรที่ 3 รัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล และมีพรรคภูมิใจไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนาด้วย หากเป็นสูตรนี้ก็หมายความว่า พรรคเพื่อไทยสามารถโน้มน้าวชักชวนทั้ง 2 พรรคข้างต้นร่วมรัฐบาลได้สำเร็จ ข้อดีคือ รัฐบาลมีเสถียรภาพสูงมาก และมีความชอบธรรมค่อนข้างสูงเพราะมีทั้งพรรคที่ชนะเลือกตั้งลำดับหนึ่งและลำดับสองเป็นรัฐบาล อาจมีประชาชนจำนวนหนึ่งไม่พอใจบ้างที่มีพรรคภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาล แต่คาดว่าการต่อต้านจะไม่รุนแรงมากนัก ส่วนข้อเสียคือ กลุ่มอำนาจจารีตขวาจัดจะไม่พอใจอย่างรุนแรง ที่พรรคก้าวไกลได้ร่วมรัฐบาล ดังนั้นพวกเขาอาจตอบโต้ด้วยมาตรการต่าง ๆ ทั้งที่ลับและที่แจ้ง เพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐบาล
ณ สถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อนายทักษิณ กำหนดวันกลับประเทศไทยชัดเจนแล้ว ก็แสดงว่าพรรคเพื่อไทยคงสามารถตกลงใจได้ชัดเจนแล้วว่าจะเลือกรัฐบาลสูตรใดสูตรหนึ่งในสามสูตรนี้ ซึ่งแต่ละสูตรต่างมีความท้าทายแตกต่างกัน แต่หากพรรคเพื่อไทยเลือกสูตร 2 ด้วยการนำพรรคสองลุงเข้ามาร่วมรัฐบาล ก็จะเป็นการประกาศการแตกหักกับพรรคก้าวไกลและประชาชน ซึ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมตามมา และมีความเป็นไปได้ว่าระดับความรุนแรงจะสูง ซึ่งจะสร้างความเสียหายทั้งแก่พรรคเพื่อไทยและสังคมไทยอย่างประมาณไม่ได้