xs
xsm
sm
md
lg

ปิดสนามม้าสุดท้ายของสิงคโปร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



ไม่มีอะไรจะอยู่ยืนยงชั่วฟ้าดินสลาย เพราะการเปลี่ยนแปลงคือนิจนิรันดร์ ซึ่งชาวพุทธจะตระหนักดีในสัจธรรมข้อนี้ เพื่อเตือนใจให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาทด้วยความพอเพียงแห่งกาลเทศะ

ในที่สุด หลังจากรัฐบาลสิงคโปร์ ภายใต้การบริหารของนายกฯ ลี เซียนลุง ก็มีมติที่จะเรียกคืนที่ดินจากสนามแข่งม้าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1842 (พ.ศ. 2385) และเป็นสนามแข่งม้าแห่งเดียวของเกาะสิงคโปร์

ย้อนหลังไปเมื่อเกือบ 200 ปี พ่อค้าชาวสกอตแลนด์ชื่อ William Henry Macleod Read ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นที่ออกกำลังกายชื่อ Singapore Sporting Club และได้ขยับขยายเป็นสนามม้าในชื่อ SINGAPORE TURF CLUB ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 750 ไร่ ซึ่งที่ดินเป็นของกระทรวงการคลัง

ในแถลงการณ์ร่วมระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงพัฒนาแห่งชาติ (Ministry of National Development) เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา เน้นว่า “รัฐบาลจะทบทวนการใช้พื้นที่บนเกาะแห่งนี้ตลอดเวลา เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการในยุคปัจจุบัน ซึ่งต้องจัดสรรที่ดินให้มีพอเพียงสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต ประกอบกับการแข่งม้าของสิงคโปร์ก็เริ่มมีผู้นิยมเข้าชมน้อยลงตามลำดับ”

รมช.คลัง นางอินดรานี ราจาห์ (Indranee Rajah) เน้นว่า “เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำเช่นนี้...เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลก็มีการทบทวนแผนการใช้ที่ดินอย่างรอบด้านอยู่สม่ำเสมอ เพราะเราต้องการให้แน่ใจว่า ทรัพยากรที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัดมากจะถูกนำมาใช้ทำประโยชน์อย่างสูงสุด สำหรับตอบสนองอย่างพอเพียงต่อการความต้องการของประชาชนชาวสิงคโปร์”

รัฐที่เป็นมหานคร (Citi State) แห่งนี้ มีประชากรประมาณ 6 ล้านคน และด้วยการบริหารที่โปร่งใสติดอันดับนำหน้าของโลก โดยมีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ที่จะค้าขายกับทั้งโลก และพัฒนาจนเป็น “เกาะอัจฉริยะ” ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด ทำให้การลงทุนทั้งทางตรงในด้านอุตสาหกรรมไอที รวมทั้งตลาดเงินตลาดทุนก็กลายเป็นศูนย์กลางแห่งภูมิภาค...ยิ่งช่วงที่มีการล็อกดาวน์ที่จีนและฮ่องกงด้วยระยะเวลายาวนาน ทำให้มีการไหลออกของทั้งเงินทุนและประชากร (ที่มีฐานะดี) จากจีนและฮ่องกง มาลงทุนและแห่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่สิงคโปร์อย่างมาก จนทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ถีบตัวขึ้นไปสูงลิ่ว ทั้งการซื้อคอนโดฯ ที่พักอาศัยส่วนตัว หรือสำนักงาน (แห่งภูมิภาค) จนขณะนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สิงคโปร์ราคาเพิ่มขึ้น ขณะที่ฮ่องกงกลับลดลง (หลังการประท้วงทางการเมืองก่อนช่วงโควิด และช่วงโควิดระบาด)

รัฐบาลสิงคโปร์ได้ขึ้นภาษีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติถึงเท่าตัว จาก 30% เป็น 60% แต่แนวโน้มก็ยังมีต่างชาติมากว้านซื้อคอนโดฯ และบ้านอย่างไม่หยุดยั้ง

ปรากฏการณ์นี้ยังไม่หยุดนิ่ง และทำให้ชาวท้องถิ่นสิงคโปร์เอง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวไม่สามารถหาซื้อห้องพักเป็นของตนเองได้อีกต่อไป ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันให้รัฐบาลจัดหาที่อยู่อาศัยแบบการเคหะที่รัฐเคยจัดสร้างให้อย่างมากในอดีต ให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยของเพื่อนร่วมชาติย่อมมีผลต่อคะแนนนิยมของรัฐอย่างแน่นอน

และนี่เป็นที่มาของการตัดสินใจที่จะพัฒนาสนามม้าประวัติศาสตร์แห่งนี้ เพื่อมาสร้างที่อยู่อาศัยที่ผ่อนส่งระยะยาว ซึ่งสิงคโปร์ได้เคยประสบผลสำเร็จอย่างงดงามในสมัยของอดีตนายกฯ ลี กวนยู ผู้ก่อตั้งชาติ

ดังนั้น สนามม้าประวัติศาสตร์อายุเกือบ 200 ปี ที่มีประวัติที่ผู้นำประเทศต่างๆ เคยเดินทางมาชมการแข่งม้าที่สนามม้าแห่งนี้ รวมทั้งสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ที่เคยเสด็จมาทอดพระเนตรการแข่งขันถึง 2 ครั้ง เพราะพระองค์ทรงโปรดการแข่งม้า รวมทั้งการดูแลเลี้ยงม้าเป็นอย่างยิ่ง

ผู้จัดการสโมสรแข่งม้าแห่งนี้กล่าวถึงการปิดตัวลงของสนามแข่งอย่างเสียใจยิ่ง แต่เขาก็ยอมรับว่า ต้องเสียสละเพื่อสนองต่อความต้องการของประเทศชาติในเรื่องที่อยู่อาศัยที่ไม่พอเพียงนั่นเอง

ขณะนี้มีม้าที่อยู่ตามคอกเพื่อแข่งขันถึง 800 ตัว และมีพนักงานประจำสนามถึง 350 คน ที่รัฐต้องจ่ายชดเชย รวมทั้งหางานใหม่ให้กับพนักงานเหล่านี้

กำหนดปิดตัวของสนามม้าคือ วันที่ 5 ตุลาคมปีหน้า (2567) ซึ่งจะเป็นการแข่งขันนัดสุดท้าย แล้วจะให้เวลาอีก 1 ปีสำหรับการส่งมอบที่ดินให้แก่กระทรวงการคลัง

กระทรวงการคลังได้เปิดเผยยอดผู้เข้าชมการแข่งขันซึ่งได้ลดลงตั้งแต่ก่อนโควิด โดยสนามจะจุผู้ซื้อตั๋วเข้าชมถึง 3 หมื่นคน แต่ผู้เข้าชมลดลงเหลือแค่ 1 หมื่นคนก่อนโควิด...และได้ปิดสนามไป 3 ปีช่วงโควิด...พอเปิดมาเมื่อปลายปีที่แล้ว มีการเข้าชมแค่ประมาณ 2,600 คน...และรายได้จากการขายตั๋วก็ลดลงมากเช่นกัน

ทางการสิงคโปร์กล่าวว่า จะสร้างที่อยู่อาศัยของการเคหะน่าจะได้ถึง 1 หมื่นยูนิต หลังการส่งมอบในอีก 3 ปีข้างหน้า...โดยจะมีแผนทำสวนสาธารณะรื่นรมย์ รวมทั้งที่ออกกำลังกาย และบริเวณที่จะพัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์ด้วย เพื่อทั้งสร้างรายได้และตอบสนองด้านที่พักอาศัยราคาไม่แพงให้แก่ประชาชนเป็นอย่างดี


กำลังโหลดความคิดเห็น