“ต้นไม้จะเติบโตได้ จะต้องมีรากที่แข็งแรง แม่น้ำจะไหลไปไกลได้ จะต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง” นี่คือ ภาษิตจีนซึ่งสี จิ้นผิง ได้นำมาอ้าง เมื่อพูดถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในหนังสือ (Xi jinping Governance of China)
โดยนัยแห่งภาษิตข้างต้นเข้าใจได้ว่า ต้นไม้จะเติบโตเจริญงอกงามได้ จะต้องมีรากแก้วที่แข็งแรง เพื่อพยุงลำต้น และจะต้องมีรากฝอยแผ่ออกไปโดยรวม เพื่อหาอาหารมาเลี้ยงลำต้น กิ่ง ใบให้งอกงาม พร้อมที่จะผลิดอกออกผลเมื่อถึงฤดูกาล สำหรับแม่น้ำ ถึงแม้จะมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว แต่ถ้ามีสิ่งกีดขวางก็ไหลไปไม่ได้
พรรคการเมืองก็ทำนองเดียวกับต้นไม้และแม่น้ำ กล่าวคือ จะต้องมีศรัทธา และความไว้วางใจจากประชาชนค้ำจุนพรรค และพรรคจะเป็นเช่นนี้ได้ พรรคจะต้องมีอุดมการณ์ร่วมกับประชาชน และแกนนำของพรรคจะต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ และทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านศีลธรรม และจริยธรรม
ถึงแม้พรรคจะมีคุณสมบัติเพียบพร้อมดังกล่าวข้างต้น และได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้นด้วยแรงศรัทธา แต่ถ้ามีอุปสรรคขัดขวางก็ก้าวไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ เฉกเช่นที่พรรคก้าวไกลกำลังประสบอยู่ในขณะนี้
อะไรคือสิ่งกีดขวางมิให้พรรคก้าวไกลไปไม่ถึงสิ่งที่ฝันไว้?
เพื่อจะตอบคำถามดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านทำใจเป็นกลาง ปล่อยวางอัตวิสัยและทำความเข้าใจภาววิสัย แล้วย้อนไปดูที่มาของพรรคนี้ก็จะพบเหตุปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคก้าวไกลดังต่อไปนี้
1. พรรคก้าวไกลหรือพรรคอนาคตใหม่แต่เดิม เกิดจากแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่อยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ และโยงใยกับกลุ่มหัวรุนแรงทางการเมือง ภายใต้การชี้นำของนักวิชาการอกหักทางการเมืองบางคน ซึ่งบงการให้ทำกิจกรรมทางการเมืองโดยใช้ความรุนแรง และก้าวร้าว
2. ในการเลือกตั้งทั่วไป ส.ส.ในวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา พรรคนี้ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวน ส.ส. 152 เสียง และได้รับคะแนนโหวตถึง 14 ล้านเสียง จึงมีความชอบธรรมในการเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และในขณะนี้ ได้รวบรวมเสียง ส.ส.ได้แล้ว 312 เสียง ซึ่งเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ หรือสภาล่าง แต่ยังเป็นเสียงข้างน้อยในรัฐสภาซึ่งต้องมีเสียง 376 เสียง จึงจะเป็นเสียงข้างมาก และเป็นอุปสรรคในการเลือกนายกฯ เนื่องจากยังขาดอยู่ถึง 64 เสียง ซึ่งจะต้องอาศัยเสียงจาก ส.ว.หรือจาก ส.ส.ในซีกที่ไม่ได้เข้าร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากสองกลุ่มนี้
3. ถึงแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะรวบรวม ส.ส.ได้เกินครึ่งในสภาผู้แทนฯ แต่ก็ยังเป็นเสียงข้างน้อยในรัฐสภา จึงต้องหาเสียงเพิ่มในการเลือกนายกรัฐมนตรี และค่อนข้างจะคาดการณ์ได้ว่า การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลคงเกิดขึ้นไม่ได้ และที่เป็นเช่นนี้ก็อนุมานได้ว่า เกิดจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
3.1 นโยบายที่พรรคนี้ได้ประกาศไว้ในการปราศรัยหาเสียงหลายเรื่องค่อนข้างสุดโต่ง โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และกองทัพ รวมไปถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ และสังคมที่ไม่สอดคล้องกับภาววิสัยเช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท และเบี้ยคนชรา 3,000 บาท เป็นต้น
3.2 ในความเป็นจริงเท่าที่ผ่านมาในการจัดตั้งรัฐบาลผสม พรรคที่เป็นแกนนำจะต้องฟังพรรคร่วมในการแบ่งตำแหน่งรัฐมนตรี และประธานสภาฯ แต่พรรคก้าวไกลเท่าที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาในขณะนี้ ดูเหมือนว่าหลงตัวเองและค่อนข้างแข็งกร้าว จะเห็นได้จากการกำหนดตัวผู้ที่จะมาเป็นประธานสภาฯ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็อยากได้ และพรรคก้าวไกลก็อยากได้ และมีท่าทีจะทำให้สองพรรคนี้เกิดรอยร้าวและเปิดโอกาสให้เกิดการแทรกแซงทางการเมืองขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม การเมืองไทยขณะนี้เป็นเพียงเกมต่อสู้ระหว่างคนสองกลุ่มคือ คนที่เจตนาดี แต่จัดการไม่ดีกับคนที่เจตนาไม่ดี แต่จัดการดี และสุดท้ายเชื่อว่าคนหลังชนะค่อนข้างแน่นอน