ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ดูเหมือนยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่า “พ่อส้ม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะไปถึงฝั่งได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยหรือไม่
แม้ “พิธา” จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของ “ค่ายสีส้ม” ที่สร้างประวัติการณ์คว้า 150 ที่นั่ง ส.ส. ครองแชมป์เลือกตั้งปี 2566 ได้อย่างพลิกความคาดหมาย ก่อนได้รับสิทธิ์ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” และรวบรวมเสียง ส.ส.จาก 8 พรรคการเมือง รวม 313 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในขณะนี้
แต่ก็รู้กันว่ายังมีอุปสรรคขวากหนามอีกหลายรูปแบบรออยู่
ทว่า ก็เริ่มมีการ “แบ่งเค้ก” โดยการปล่อยสูตรคำนวณเก้าอี้รัฐมนตรี รวมไปถึงโผรายชื่อรัฐมนตรีออกมาเป็นระยะๆ ที่เชื่อกันว่าเป็นการปล่อยออกมาจาก “ค่ายสีส้ม” เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่า การจัดตั้งรัฐบาลความคืบหน้า เลี้ยงกระแสไปจนกว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศรับรอง ส.ส.เพื่อให้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดยสูตรการคำนวณเก้าอี้รัฐมนตรี ที่แม้ “พรรคแกนนำ” จะพยายามย้ำว่า จะเป็นการพิจารณาตัวบุคคลตามความรู้ความสามารถ และนโยบายพรรค จะไม่แบ่งโควต้าตามจำนวน ส.ส.
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ด้วย “วิถีการเมืองไทย” ที่ยังคงรูปแบบจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัว การจัดคณะรัฐมนตรีจึงหนีไม่พ้นระบบ “โควต้า” ที่ต้อง “แบ่งเค้ก” กันตามจำนวนเก้าอี้ ส.ส.ที่แต่ละพรรคได้มา
โดยตามรัฐธรรมนูญได้กำหนดจำนวนที่นั่ง “ฝ่ายบริหาร” หรือคณะรัฐมนตรี ไว้ไม่เกิน 35 รายที่รวมนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งปัจจุบันระบบบริหารราชการแผ่นดินมี 19 กระทรวง และสำนักนายกรัฐมนตรี หมายความว่า จะมีนายกรัฐมนตรี 1 คน มีรัฐมนตรีระดับ “ว่าการ” 20 คน และระดับ “ช่วยว่าการ” อีก 15 คน แต่หากนายกรัฐมนตรีไปควบ “ว่าการ” กระทรวงใด ก็อาจจะไปเพิ่มในส่วนของรองนายกรัฐมตรี หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 1 คน
จากการคำนวณ ส.ส.ในซีก “ว่าที่รัฐบาล” จำนวน 313 เสียง ก็จะคำนวณได้ประมาณ 9 ที่นั่งต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี
ซึ่งตามกระแสข่าวระบุว่า ได้มีการจัดสรรกันเบื้องต้น โดยที่ พรรคก้าวไกล จะได้รัฐมนตรี 14 ที่นั่ง พร้อมด้วยเก้าอี้นายกรัฐมนตรี (14+1 รวมเป็น 15 เก้าอี้), พรรคเพื่อไทย ได้เก้าอี้รัฐมนตรี 14 ที่นั่งเท่ากัน แต่ได้ยื่นเงื่อนไขขอตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้เป็น 14+1 เช่นเดียวกัน, พรรคประชาชาติ ได้ 1 ที่นั่งรัฐมนตรีว่าการ, พรรคไทยสร้างไทยได้ 1 รัฐมนตรีช่วยว่าการ, ส่วนพรรคเล็กที่ได้ ส.ส.จำนวน 1-2 ที่นั่ง จะไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี แต่ได้เก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการฯ หรือตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆแทน
ไม่เพียงแต่จำนวนที่นั่งรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคจะได้ ยังมี “โผ ครม.” หลุดว่อนออกมาแบบให้เห็นหน้าคร่าตากันเลยว่า ใครได้เป็น “ว่ารัฐมนตรี” กระทรวงไหนบ้าง อาทิ “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม, ชัยธวัช ตุลาธน หรือ วิโรจน์ ลักขณาอดิสร (ก้าวไกล) เป็น รมว.มหาดไทย, ศิริกัญญา ตันสกุล (ก้าวไกล) เป็น รมว.คลัง, ประเสริฐ จันทรรวงทอง (เพื่อไทย) เป็น รมว.คมนาคม, วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร (ก้าวไกล) เป็น รมว.อุตสาหกรรม, สมศักดิ์ เทพสุทิน (เพื่อไทย) เป็น รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง (ประชาชาติ) เป็น รมว.ยุติธรรม และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช (เพื่อไทย) เป็น รมว.สาธารณสุข เป็นต้น
และแน่นอนว่า บุคคลที่ถูกจับตามองที่สุดไม่พ้น “สาวไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคก้าวไกล กับเก้าอี้ “ขุนคลัง” รมว.คลัง ที่เอาเข้าจริงได้รับการปราศรัยเยินยอมาตลอดช่วงหาเสียง ว่าหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล “ศิริกัญญา” คือ รมว.คลัง
แต่คำปราศรัยในวันนั้น ภายใต้ความเชื่อว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ได้เป็นรัฐบาล และไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 จนมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้
ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วโควต้าตำแหน่ง “ขุนคลัง” ก็มักจะอยู่กับพรรคแกนนำรัฐบาล เพราะถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ที่เป็นผู้ควบคุมการเบิกจ่ายอนุมัติงบประมาณทั้งหมด จึงคาดว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลลุล่วง “ศิริกัญญา” ก็จะได้เป็น รมว.คลัง
ว่ากันตามจริงหากตัดเรื่องพรรษาทางการเมืองออกไป ต้องถือว่า “ศิริกัญญา” ที่มีชื่อเล่นว่า “ไหม” มีความเหมาะสม จากโปรไฟล์ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยตูลูส ประเทศฝรั่งเศส
เริ่มต้นการทำงานเป็นนักวิจัย ที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) จากนั้นไปเป็นผู้จัดการฝ่ายวิจัย ที่สถาบันอนาคตไทยศึกษา และเป็น Senior Consultant ที่บริษัท ดิ แอดไวเซอร์ จำกัด เป็นที่สุดท้าย
ก่อนที่จะได้รับการชักชวนจาก “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้เข้าร่วมงานกับพรรคอนาคตใหมา ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2561 และได้รับการวางตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 15 ที่เวลานั้นถือเป็น “เซฟโซน” ของพรรคอนาคตใหม่ ที่คาดการณ์ว่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ราว 20 คน แต่ด้วยกระแส “ฟ้ารักพ่อ” ทำให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อทะลุไปถึง 50 คน
ในการทำหน้าที่ ส.ส.สมัยแรก “ศิริกัญญา” ถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น ทั้งบทบาทการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร หรือในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาฯ โดยจองกฐินอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจ และการผูกขาดของกลุ่มทุน และถูกวางตัวให้อภิปรายเฉพาะอีเวนท์ใหญ่ เช่นการอภิปรายงบประมาณ หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนอีเวนท์รอง หรืออีเวนท์ย่อย เธอจะเป็น “มือข้อมูล-มือเลกเชอร์” อยู่เบื้องหลัง “ดาวสภาฯ” ทั้งหลายของพรรค
เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ต้องย้ายสำมะโนครัวมาที่พรรคก้าวไกล “ศิริกัญญา” ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองหัวหน้า และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ตลอดจนกำกับดูแลในส่วนของนโยบายหาเสียงช่วงเลือกตั้ง 2566 ที่ผ่านมา ที่เธอได้รับการส่งตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 3 รองแค่ “พิธา-ชัยธวัช” ที่เป็นหัวหน้า และเลขาธิการพรรค เท่านั้น
หลังชัยชนะของพรรคก้าวไกล สปอตไลท์ไม่ได้ส่องเพียง “ทิม-พิธา” เท่านั้น ยังฉายมาถึง “ศิริกัญญา” ในฐานะว่าที่ รมว.คลัง ซึ่งหากได้เป็นก็จะสร้างประวัติศาสตร์เป็น “ขุนคลังหญิง” คนแรกของประเทศไทย อีกด้วย
แต่ก็เป็นสปอตไลท์ที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามว่า “รัฐบาลก้าวไกล” จะสามารถทำงานได้จริงอย่างที่พูดหรือไม่ อีกทั้งยังมีความห่วงใยถึงแนวนโยบายหลายเรื่องที่อาจจะกระทบกับบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
สะท้อนได้จากดัชนีหุ้นที่ลงไปอยู่ในแดนลบตั้งแต่วันแรกที่รู้ผลว่า พรรคก้าวไกลชนะการเลบือกตั้ง มีการวิเคราะห์มาจากความกังวลต่อนโยบายของพรรคก้าวไกล ทั้งการลดค่าไฟทันที ที่ฉุดราคาหุ้นกลุ่มพลังงานลง รวมไปถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาท ภายใน 100 วัน หลังจากได้เป็นรัฐบาล ก็กระทบหนักไปถึงกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ
หากจำกันได้ในวันที่ “พิธา” ยกทัพพรรคก้าวไกลไปหารือกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หลังชนะเลือกตั้งไม่นาน ก็ถูกยิงคำถามจนหน้านิ่วคิ้วขมวดมาแล้ว
หมัดหนักที่สุดคงเป็นโพสต์ของ วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ที่ระบุสั้นๆบนเฟซบุ๊กว่า “ยกเลิกทุกนโยบายของว่าที่รัฐบาล เขียวทั้งกระดานทันที” ก่อนจะคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า “โพสต์นี้เพื่ออารมณ์ขันเท่านั้น อย่าอินกับการเมือง จนมือลั่นร้องด่านะเธอ หัดคิดในแง่มุมอื่นกันบ้าง”
แต่ก็ไม่ทันแล้ว เมื่อถูก “ทัวร์ด้อมส้ม” มารุมถล่มอย่างหนัก ถึงขั้นถามว่า “เล่นหุ้นเป็นหรือเปล่า” โดยไม่ได้แวะดูแบล็กกราวน์ “วรวรรณ” เลยแม้แต่น้อย
ก่อนที่ “วรวรรณ” จะตอบโต้แค่ว่า “เลือกเขามาจนได้เสียงสูงสุดแล้วทำไมถึงอ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ เล่า ความไม่มั่นใจในแฟนคลับสีส้ม ที่แสดงออกในเชิงลบต่อผู้อื่น จะทำลายความน่าศรัทธาของพรรคลงไปอย่างน่าเสียดายนะ ขอบอก”
ขณะเดียวกัน “ศิริกัญญา” ก็มีคิวไป “โชว์วิชั่น” ให้สัมภาษณ์สื่อด้านการลงทุนชื่อดัง “ลงทุนแมน” ในฐานะ “ว่าที่ รมว.คลัง” ซึ่งมีการแชร์คลิปให้สัมภาษณ์ไปอย่างหว้างขวาง พร้อมเสียงวิพากษ์ “เชิงลบ” ที่กว้างขวางไม่แพ้กัน
โดยในช่วงคอมเมนต์ของทางเพจเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สนใจด้านเศรษฐกิจการลงทุนซึ่งน่าจะเป็น “ด้อมส้ม-ติ่งก้าวไกล” ด้วยซ้ำ ต่างพากัน “ถล่ม” วิสัยทัศน์ของ “สาวไหม” ถึงขั้นปรามาสว่า “อ่อนหัด”
“คอมเม้นท์เอกฉันท์ ว่าที่รมต.คลัง ควรเข้ามาอ่านและทบทวนศักยภาพของตัวเอง นี่เพจลงทุนแมน ที่ลูกเพจวิจารณ์ตามจริง ไม่จกตาค่ะ ทันทีที่ค่าแรง 450 บาท ไข่ไก่ก็ขึ้นราคา ข้าวสารก็ขึ้นราคา ก๋วยเตี๋ยวก็ขึ้นราคา สิ้นเดือนมาอาจจะเหลือเงินน้อยกว่าเดิม ภาคเกษตร แก้ปัญหาไม่ได้สักรบ.เลย ฟังแล้วหนักจายยยยยยยยยยยย ใครเลือกมาก็ยอมรับผลของมันล่ะกันนะ”
“ทีมเศรษฐกิจไม่ได้ศึกษาผลกระทบแต่ละด้านมาก่อนหรอครับเนี่ย ทำอันนี้เกิดอันนี้แก้ยังไง”
“เหมือนนั่งฟัง นศ.ป โท สอบปากเปล่า ทฤษฎีเยอะเนาะ ดูทรงวิสัยทัศน์แล้ว วันจันทร์ตลาดหุ้นเอาตัวรอดกันเองนะคะทุกคน”
“เหมือนนึกอะไรได้ก็รีบๆ เขียนออกมา ไม่ได้ศึกษาผลกระทบอะไรเลย นโยบายวิธีหาเงินเข้าประเทศแทบไม่มี จะใช้แต่ภาษีกับเงินที่เหลืออยู่ในคลัง หัวจะปวด”
“สรุป ไม่ได้ศึกษาผลกระทบ ใช้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ โอโห เรือหาย คิดแต่จะใช้เงินแต่หายังไงก่อนที่นอกเหนือจากภาษี”
“อ่อนหัดเกิน ไปเล่นขายของก่อน 10 ปีแล้วค่อยมาวัดความรู้ความเข้าใจระบบใหม่ละกัน แบบนี้ไม่ไหวไม่ผ่าน”
หรือ “ประสบการณ์ไม่ถึง ขอเถอะอย่าล้อเล่นกับประเทศ กก.ควรดึงคนที่เก่งจริงมาดูแลกระทรวงนี้” เป็นต้น
ตามมาด้วย “อ.ปิง” ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด ที่รู้จักกันในแวดวงนักลงทุน ที่โพสต์ข้อความหลังได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของ “ศิริกัญญา” ว่า “ไม่แย่ แต่ ไม่ใช่” พร้อมระบุว่า หลายคำถามที่ชวนให้กังวล ได้รับคำตอบที่ต้องบอกว่ายอมรับได้ (ไม่แย่) แต่อีกหลายคำถามที่เกี่ยวพันกับการเติบโต โดยเฉพาะตลาดทุน ยอมรับเลยว่า เหนื่อยแน่ๆ
โดย “อ.ปิง” ได้ รีแคปคำให้สัมภาษณ์ของ “ว่าที่ขุนหลังไหม” เป็นฉากๆ และระบุถึงความเหมาะสมของตำแหน่ง รมต.คลัง ว่า “ศิริกัญญา” มีความรู้ในสิ่งที่ตัวเองจะทำเป็นอย่างดี แต่ภาพเศรษฐกิจของประเทศ มีการเชื่อมโยงกันหลายส่วน หลายคำตอบยังไม่เคลียร์ และมีคำถามต่ออีกมากมาย
รวมถึงยังไม่มีการทำการศึกษาเรื่องผลกระทบจากนโยบายต่างๆ ของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะในกลไกตลาดทุนต่อระบบเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะถูก “รัฐบาลก้าวไกล” จ้องเข้ามาขูดรีดเพื่อสร้าง “รัฐสวัสดิการ”
หลังการให้สัมภาษณ์เพจลงทุนแมน มีกระแสข่าวว่า “บิ๊กก้าวไกล” สั่้งให้ “ศิริกัญญา” โลว์โปรไฟล์ งดการเดินสายออกสื่อตามแผนเดิม เพราะไม่อยากให้มีบาดแผลก่อนรับตำแหน่งใหญ่ รวมทั้งยังทำให้คะแนนนิยมของพรรคที่กำลังพีคต้องดรอปลงด้วย
และเป็น “เสี่ยเอก-ธนาธร” ที่ออกมากางปีกปกป้อง “ศิริกัญญา” โดยโพสต์ร่ายยาวในหัวข้อ "ศิริกัญญา ที่ผมรู้จัก - เธอจะเป็นรัฐมนตรีคลังที่ดี" พูดถึงตัวตน และความรู้ความสามารถของ “ศิริกัญญา” ที่มีฝีมือรู้จริงเศรษฐกิจ และอยู่อยู่เบื้องหลังนโยบายพรรคก้าวไกลทั้งหมด
“เธอคือเสียงของเหตุผล เมื่อมีเพื่อนในพรรคตัดสินใจด้วยการใช้การเมืองนำความเหมาะสมด้านนโยบายและการคลัง เธอจะปรามการกระทำแบบนี้อย่างหนักแน่นเสมอ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ผู้นำพา “ศิริกัญญา” เข้าสู่การเมือง ว่าไว้ตอนหนึ่ง
“ธนาธร” ยังบอกด้วยว่า “จุดยืนทางเศรษฐกิจและทางการเมืองที่แตกต่างหลากหลายในสังคม เป็นเรื่องธรรมชาติ คุณไหมอาจจะมีจุดยืนไม่ตรงกับบางท่าน ทำให้มีการออกมาวิจารณ์เธอ นั่นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสังคมประชาธิปไตย ที่ถกเถียง วิจารณ์ แลกเปลี่ยนกันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอขาดความรู้ จากประสบการณ์ของผมในการทำงานการเมืองมา 5 ปี ผมกล้ายืนยันว่า เธอรู้จริงแน่นอน
“นโยบายของพรรคก้าวไกล ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัวระหว่างระยะสั้นและระยะยาว ระหว่างความทะเยอทะยานในเป้าหมาย กับการตระหนักถึงความเป็นจริง นโยบายที่สมบูรณ์กว่าสมัยอนาคตใหม่ และมันเกิดจากความรู้ เจตจำนงแน่วแน่ และความเป็นผู้นำของ ศิริกัญญา ตันสกุล” ธนาธร ระบุในช่วงท้าย
ตามมาด้วย “หัวหน้าทิม” ก็ออกมาในทำนองเดียวกับ “ประธานเอก” โดยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมมั่นใจในตัว คุณศิริกัญญา เกินร้อย บางคนอาจจะมีโอกาสได้คุยกับ คุณศิริกัญญา ไม่นานมาก แต่ผมทำงานด้วยกันมา 4 ปี เธอคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ดีที่สุดในช่วงนี้”
เอาว่า เมื่อ “ขาใหญ่ก้าวไกล” ทั้ง “เสี่ยเอก” ที่มักถูกพูดถึงในฐานะ “เจ้าของพรรค” หรือ “เสี่ยทิม” หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ออกมาปกป้อง พร้อมสรรเสริญเยินยอ “น้องไหม” ขนาดนี้
เชื่อว่า แม้จะถูกปรามาสขนาดไหน หากสุดท้ายปลายทางสามารถตั้ง “รัฐบาลก้าวไกล” ได้จริง ชื่อของ “ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล” ก็คงได้รับการโปรโมทเป็น “ขุนคลัง” สร้างประวัติศาสตร์ รมว.คลังหญิงคนแรกของประเทศไทยอย่างแน่นอน
ซึ่งคนไทยก็คงได้แต่บ่นพรึมว่า “ไหวแน่นะ…พี่ไหม!?”.