xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ส่องชีวิต “จีจี้” ฉายา “กูรูสานสัมพันธ์ไทย-จีน” ผู้ตกเป็นจำเลยในคดีอ้างชื่อ “บิ๊กโจ๊ก” เรียกรับเงินจาก “แก๊งอุ้มบุญจีนเทา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์






ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -   ตกเป็นเป้าความสนใจของสังคมไทย และถามไถ่กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่า นักข่าวจีน “จีจี้” (Gegee) คือใคร หลังเจ้าหน้าที่ตำรวบุกรวบตัวที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุงเทพ เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา หลังถูกออกหมายจับและแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาอ้างชื่อ “บิ๊กโจ๊ก-พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เรียกรับเงิน 33 ล้านบาท เป็น “ค่าล้มคดี”ให้กับ “แก๊งอาชญากรรมจีนเทา” 

อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่า “จีจี้” หรือ “กัว หรุ่ย (Guo Rui)” หรือ “หลุ่ย แซ่กั๊ว” ไม่ได้มีสถานะเพียงแค่ “นักข่าวจีนธรรมดา” เท่านั้น หากแต่เป็นนักข่าวจีนระดับ “ตัวแม่” แถมยังเป็นเจ้าของธุรกิจหลากหลายบริษัทในประเทศไทย ที่สำคัญคือมีเกียรติประวัติสร้างคุณูปการในแวดวงไทย-จีนในฐานะคนสื่อที่มีชื่อเสียงในหมู่ชาวจีนในไทยและนักธุรกิจ จนได้ฉายา  “เจ๊ใหญ่แห่งแวดวงไทย-จีน” (泰华一姐) 

บัญชีทวิตเตอร์ของเธอ (เขียนชื่อในพากย์ภาษาไทยว่า หลุ่ย แซ่กั๊ว) แนะนำตัวว่าเป็น “กูรูด้านควาจมสัมพันธ์ไทย-จีนและการตลาด เป็นเจ้าของสื่อจีนชื่อดังหลายฉบับในไทย อย่างเช่น Thailand Headlines (泰国头条新闻) ManGu Magazine (《@曼谷》杂志) 

ที่สำคัญคือถ้าหากย้อนดูประวัติและเส้นทางของเธอก็จะพบด้วยว่า จีจี้มีความสนิทสนมและเคยทำงานให้กลับนายตำรวจดังอย่าง “บิ๊กโจ๊ก” มานานหลายปี ถ้าจะใช้คำว่าเป็น “มือทำงานของบิ๊กโจ๊ก” ก็คงไม่เกินเลยไปจากความเป็นจริงเท่าใดนัก

คำถามที่เกิดขึ้นมีอยู่ว่า แล้วทำไมนักข่าวจีนผู้สนิทสนมกับ “บิ๊กโจ๊ก” เป็นเจ้าของธุรกิจสื่อ และเป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวงไทย-จีน ถึงได้มีชะตากรรมพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเยี่ยงนี้

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลและข้อกล่าวหาก็พบว่า “จีจี้” เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรรมจีนเทา โดยได้บอกกับหญิงเชื้อสายจีนสัญชาติไทยคือ  น.ส. นวพร ภาเกียรติสกุล  ซึ่งถูกตำรวจจับเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อนำตัวมาไต่สวนดำเนินคดีการค้ามนุษย์ ว่า เธอ(จีจี้) สามารถคุยกับตำรวจให้ยุติการดำเนินคดีและปล่อยตัวผู้ต้องหาคือน.ส.นวพรได้ถ้าให้เงินค่าล้มคดี 33 ล้านบาท และ น.ส.นวพรก็ได้จ่ายเงินให้จีจี้ไป 14 ล้านบาท ทว่า ต่อมาได้เปิดโปงเรื่องเรียกรับเงินฯ นี้กับตำรวจ

ฝ่ายตำรวจระบุว่า น.ส. นวพร เป็นหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอุ้มบุญแบบผิดกฎหมายในไทย โดยเป็นนายหน้าจัดหาผู้หญิงไทยที่จะมาเป็นแม่อุ้มบุญให้กับคู่สมรสชาวจีน นอกจากนี้ยังมีเอี่ยวในการช่วยกลุ่มชาวจีนให้ได้รับอนุมัติบัตรพำนักในประเทศ (non-citizen Ids) ซึ่งอนุญาตให้พวกเขาอยู่ในประเทศได้นานกว่าวีซ่านักท่องเที่ยว

ตำรวจได้คุมตัวจีจี้มาที่กองบังคับการปราบปรามเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในคดีอ้างชื่อตำรวจเรียกรับเงินแก๊งจีนเทาในวันจันทร์ (28 พฤษภาคม) พร้อมกับได้ยึดพาสปอร์ตของจีจี้ หลังจากนั้นตำรวจได้อนุมัติการยื่นขอประกันตัวเองของจีจี้ด้วยเงิน 3.5 ล้านบาท

 จีจี้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และได้เขียนบทความในสื่อของตัวเอง Thailand Headline News ว่า “จีจี้ถูกแก๊งอาชญากรรมกลุ่มทุนจีนสีเทาของนวพรล้างแค้นใส่ร้ายป้ายสีอย่างเลวร้ายมาก ตลอด 30 ปี ที่จีจี้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย และตลอด 11 ปีที่จีจี้มุ่งทำสื่อภาษาจีนเพื่อเผยแพร่สิ่งที่ดีที่สุดของไทยสู่ชาวจีนทั่วโลกจีจี้สร้างคุณูปการประสานความเข้าใจระหว่างไทยจีนมาตลอด เมื่อมีเหตุขัดแย้งระหว่างสองประเทศจีจี้ก็ออกหน้าเป็นคนแรกไปช่วยแก้ข่าวด้านลบให้กับประเทศไทย โปรโมตประเทศไทยเพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยมากขึ้น....ฯลฯ” 

นอกจากนี้ จีจี้ยังระบุด้วยว่า ไม่เคยรู้จัก น.ส.นวพรหรืออาโจเป็นการส่วนตัว เพียงแค่รู้จักในข้อมูลข่าวว่าเป็นเจ้าแม่อาชญากรรมจีนในไทย มีพฤติกรรมผิดกฎหมายที่เป็นขั้นร้ายแรงจำนวนมาก และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ปรากฏต่อสาธารณชนต่อไป

แหล่งข่าวทั่วไประบุว่า จีจี้ มีบทบาทช่วยงานตำรวจ อาทิ อุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยวจีนล่มที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อปี 2018 และยังเคยทำงานกับ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล สมัยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ช่วยประสานงานสื่อสารกับค่ายสื่อจีนในหลายคดี

 หลุ่ย แซ่กั๊ว หรือ จีจี้ บรรณาธิการใหญ่แห่ง mangu@magazine  และสำนักข่าว Thailand Headlines (ภาพจาก สื่อจีน)

ภาพบัญชีทวิตเตอร์ของจีจี้ หรือ หลุ่ย แซ่กั๊ว
ด้าน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเรียกรับเงินดังกล่าว ก็แถลงยอมรับว่า จีจี้เป็นสื่อจีนทำงานกับตนเองมาตั้งแต่สมัยเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เนื่องจากทักษะภาษาจีนและคอนเนกชันในต่างประเทศที่ดีของเธอ แต่ทางตำรวจจะดำเนินคดีลงโทษเธอตามกฎหมายอย่างแน่นอน โทษฐานอ้างชื่อตำรวจเพื่อรีดไถสินบนแก๊งอาชญากรรม โดยขณะนี้ทางตำรวจมีหลักฐานหนาแน่นพอที่จะพิสูจน์ความผิดของจีจี้และขอให้ไปสู้กันในชั้นศาล

“บิ๊กโจ๊ก” บอกด้วยว่า คดีนี้จีจี้เป็นผู้ต้องหาร่วมกับสามีในการกระทำความผิด จึงมีการดำเนินคดีกับทั้งสองคน ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับทางการจีนได้มีการพูดคุยกับทางอุปทูตจีน และเอกอัครราชทูตจีน ต่างเชื่อมั่นในการทำงานของตนอยู่แล้วว่าทำงานตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร

 ส่องภูมิหลังของจีจี้ 


จากข้อมูลในเสิร์ชเอนจินอันดับหนึ่งของประเทศจีน “ไป่ตู้” (Baidu) ระบุว่า กัว หรุ่ย(郭蕊/ GuoRui)มีชื่อสากลว่า จีจี้ (Gegee) เกิดที่ปักกิ่งเมื่อวันที่ 12 มกราคมปี 1979 ครอบครัวทำธุรกิจขายเครื่องดนตรีไวโอลิน ในปี 1983 ครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ไทย จีจี้ได้กลับไปเรียนที่ปักกิ่งในปี 1988 หกปีต่อมาคือปี 1993 กลับมาทำงานและอาศัยอยู่ในไทยจวบจนปัจจุบัน โดยในปี 1997 จีจี้ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปัจจุบันเธอถือวีซ่าประเภทพิเศษสำหรับนักธุรกิจ นักลงทุนชาวต่างชาติ (Thailand Privilege Card)

จีจี้ มีสถานภาพชั้นนำในไทยโดยเป็นทั้งนักข่าว เจ้าของสื่อ เจ้าของธุรกิจมากมาย แต่ที่ถือเป็นเส้นเลือดหลักก็คือ “บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THAI JIARANAI Group Public Company Limited)”  ชื่อจีนคือ 泰国亚洲大众集团 (大众)有限公司 โดยเธอดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่

บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจให้บริการแบบครบวงจรสำหรับแบรนด์ไทยที่ต้องการเปิดตลาดที่จีน และแบรนด์จีนที่ต้องการเปิดตลาดในไทย โดยนำเสนอหลายๆ สื่อเป็นแพ็กเกจให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น @ManGu Magazine ที่เน้นความบันเทิงไลฟ์สไตล์ สัมภาษณ์คนดัง และ Thailand Information Guide ที่แนะนำข้อมูลทุกอย่างของไทยที่ไม่ใช่ข่าว

“นิตยสารฟอร์บส์ ประเทศไทย” ได้เคยตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับธุรกิจของจีจี้เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2565 ในชื่อ “จีจี้สาวจีนหัวใจไทย กูรูกาวใจสองประเทศ ผู้บุกเบิกธุรกิจสื่อเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน” เอาไว้ในบางช่วงบางตอนว่า

 ภาพรายงานข่าวของ Thailand Headlines ข่าวเรือนักท่องเที่ยวจีนที่ภูเก็ตล่ม ทีมตำรวจนำโดย พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล และจีจี้ ได้ลงพื้นที่ไปสอบสวนเหตุการณ์และรายงานข่าว

 จีจี้ ได้รับรางวัล “ผู้บริหารแห่งปี 2018” จากมูลนิธิเพื่อสังคมไทย (ภาพจาก สื่อจีน)

จีจี้ ไปรายงานข่าวที่ปักกิ่ง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ
“บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นด้วยการผลิตนิตยสารภาษาจีนแจกฟรี ซึ่งเป็นรายแรกในไทยชื่อ @ManGu Magazine เพื่อแนะนำที่กิน ที่เที่ยว ที่ชอปปิงในไทย โดยนำไปวางแจกที่สนามบินต่างๆ ร้านสะดวกซื้อที่เป็นที่นิยมของคนจีน และวางแผงทุก 2 สัปดาห์ @ManGu Magazine กลายเป็นกระแสที่บูมมากเพราะไม่เคยมีมาก่อน จากจำนวนตีพิมพ์เริ่มต้นที่ 3 หมื่นเล่ม เพิ่มเป็นกว่า 1 แสนเล่มก็ยังไม่เพียงพอ หนังสือหมดใน 2 วันแรกที่วางแจก บริษัทจึงเปลี่ยนมาเป็นสื่อออนไลน์แบบ 100% ในปัจจุบัน

“หลังจากนั้นเกือบ 2 ปี ความเป็นผู้สื่อข่าวในตัวของจีจี้ทำให้เธอขยายสู่สำนักข่าวออนไลน์ Thailand Headlines ในช่วงปลายปี 2556 โดยใช้แพลตฟอร์มของ Weibo ซึ่งถือเป็นรายแรกที่เสนอข่าวสารเกี่ยวกับประเทศไทยภาคภาษาจีนแบบเรียลไทม์ เพราะเธอมองว่าการรู้ข่าวสารที่ทันเหตุการณ์เป็นเรื่องสำคัญมาก สื่อภาษาจีนที่มีขณะนั้นมีเพียงหนังสือพิมพ์ มักจะเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับไทยล่าช้าอย่างน้อย 3-4 วัน

“จาก @ManGu Magazine และ Thailand Headlines บริษัทได้ต่อยอดสู่งานรางวัล Person of the year ที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัทในปี 2556 โดยเป็นงานมอบรางวัลที่ได้รับความสนใจอย่างมาก จำนวนผู้ร่วมงานจากหลักร้อยในปีแรกสู่ 2 พันคนในปีที่ 2 และ 3 โดยในปี 2562 ซึ้งมีการจัดขึ้นที่ไอคอนสยาม มีผู้ร่วมงานถึง 6,000 คน”

นอกจากนี้ จีจี้ยังมีบทบาทในหน่วยงานที่มีบทบาทสูงในบริษัทชั้นนำต่างๆ ทั้งในประเทศจีนและประเทศไทย รวมทั้งได้รับรางวัลบุคคลตัวอย่างแห่งปีของไทยติดต่อกันสี่ปี (2017-2020) และได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็กสตรีและครอบครัวป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2022

 นาย จาง เฉิ่ง นักธุรกิจใหญ่จัดงานเลี้ยงหรูที่ห้องอาหารโรงแรม Capella Bangkok ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อปี 2021 เพื่อขอจีจี้แต่งงาน

กัว หรุ่ย เป็นทั้งนักข่าว พิธีกร บรรณาธิการ และเป็นซีอีโอค่ายสื่อจีนในไทย TCITV จนมีฉายา “เจ๊ใหญ่แห่งแวดวงไทย-จีน” (ภาพจาก สื่อจีน)
ในมุมชีวิตส่วนตัวคู่สมรสที่ถูกเผยล่าสุดโดยสื่อจีน ไชน่า เดลี่ อ้างรายงานข่าวของสื่อโทรทัศน์มณฑลเจียงซี นำเสนอรายงานข่าวและภาพโรแมนติกดั่งละครของจีจี้ กับ  นาย จาง เฉิ่ง (章骋)  (ชื่อไทย ยุทธนา ชาญทองมั่น ) โดยนายจาง เฉิ่ง จัดงานเลี้ยงหรูบรรยากาศสุดหวานชื่นที่โรงแรม Capella Bangkok ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อเดือนมกราคม ปี 2021 เพื่อคุกเข่าขอจีจี้แต่งงาน และจีจี้ก็ตอบตกลง

ทั้งนี้ จาง เฉิ่ง เป็นนักธุรกิจชาวจีน เกิดที่เมืองซั่นโถว หรือซัวเถา ประเทศจีน ปี 1971 เป็นนักธุรกิจใหญ่ เขาเป็นประธานและซีอีโอ Thailand CITIC Asia Investment International Co.,Ltd., เป็นผู้ร่วมก่อตั้งเจียระไน กรุ๊ป, และประธานกรรมการบริหารของ Headline News Person of the Year in Thailand นอกจากนี้ยังมีบทบาทในธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย

แน่นอน คดีนี้ถือว่ามีความน่าสนใจว่า สุดท้ายแล้ว เรื่องจะลงเอยอย่างไร “จีจี้” จะกระทำความผิดตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาจริงหรือไม่ เพราะถ้าหากย้อนดูภูมิหลังของเธอแล้ว ต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา” และคงต้องต่อสู้ในชั้นศาลอีกหลากยก


กำลังโหลดความคิดเห็น