"โสภณ องค์การณ์"
พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ ยังโชว์ศักยภาพไฟแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่จ้ำพรวดๆ ไม่เหลียวหลังฟังใคร แม้มีเสียงท้วงติงจากภาคธุรกิจก็ตาม
นักธุรกิจมากประสบการณ์ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจสารพัดถึงกับออกปากทำนองว่าผู้นำอายุน้อย เก่งไม่กลัวแต่กลัวจะพาบ้านเมืองสู่ภาวะพิบัติเหมือนยูเครน
ว่าที่นายกรัฐมนตรีอุปโลกน์เองยังเดินสายพบปะคนในวงการต่างๆ เปิดแผนบริหารประเทศทั้งที่สถานภาพยังไม่มีอะไรเป็นทางการ ที่น่ากลัวก็คือการเดินสายพบปะกลุ่มต่างๆ จนรู้ว่าผลการเลือกตั้งถึงที่สุดจนได้เป็นรัฐบาลมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่ได้เป็นความผิดหวังรุนแรงแน่
ถ้าเกิดขึ้นจริงกลุ่มเด็กเจี๊ยวจะทำอย่างไรเพราะทุกอย่างว่ากันตามเกมภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นต้องทำใจเผื่อไว้สำหรับความผิดหวัง
ตั้งแต่วันประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลวันที่ 15 เดือนที่ผ่านมาชาวบ้านเห็นเค้าลางราศีผู้นำไม่กระจ่างเหมือนเดิมคล้ายกับรู้ว่าจะลงเอยอย่างไร ความเชื่อมั่นและความคึกคักในอารมณ์ ของบรรดาแกนนำดูเหมือนจะแผ่ว กลุ่มผู้ทรงอิทธิพลอยู่เบื้องหลังไม่ได้ขับเคลื่อนแรงเหมือนช่วงแรก
ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “เริ่มออกอาการ” แรงปะทะไม่หนักหน่วง เสียงท้วงติงและต่อต้านเริ่มดังขึ้น การจับมือผูกพันธมิตรด้วยระบบเอ็มโอยูไม่ได้สร้างความหวังอะไรให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เหมือนซ้อมบทละครโดยยังไม่แน่ว่าจะมีคิวหรือเวทีให้แสดงหรือไม่
บรรดาเด็กเจี๊ยวเหมือนจะออกอาการเซ็ง เมื่อรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอุปสรรคน่าสะพรึงกลัวสำหรับหัวหน้าพรรคทั้งเรื่องคุณสมบัติส่วนตัวและด่านวุฒิสมาชิก
เรื่องคุณสมบัติการถือหุ้นอาจจะผ่านได้แต่จะได้เสียงวุฒิสมาชิกมากถึง 64 หรือไม่ยังไม่มีเค้าลางเพียงแต่พูดปลอบใจในพวกเดียวกันเองว่ายังมีเวลาอีกนาน
แกนนำพรรคคนรุ่นใหม่ถึงกับประกาศให้คณะรัฐบาลท่านห้าวเป้ง เก็บของกลับบ้านได้แล้วทั้งที่คนทั้งประเทศรู้ว่าท่านห้าวเป้งยังเป็นผู้นำรักษาการ และแน่นอนยังรอโอกาสส้มหล่นแม้จะไม่ยอมรับว่ามีความหวังลึกๆ ก็ตามเพราะการเมืองน้ำเน่าแบบบ้านเราความไม่แน่นอนคือความแน่นอน
ประวัติศาสตร์การเมืองเคยมีคนแต่งชุดขาวรอเป็นนายกรัฐมนตรี สุดท้ายได้กินแห้วก็มีมาแล้ว ว่าที่นายกรัฐมนตรีตั้งเองคนปัจจุบันอาจเดินตามรอยได้
พรรคคนรุ่นใหม่ยังต้องเรียนรู้ถึงเกมของนักเลือกตั้งเขี้ยวยาว เกล็ดแตกลายงา สารพัดพิษแบบที่ว่าถ้าไม่โดนเข้ากับตัวเองไม่รู้ พรรคของในห้างดูไบ โดนเข้าหลังจากเลือกตั้งปี 2562 ว่ามาอันดับหนึ่งแต่ต้องเป็นฝ่ายค้านดังนั้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นร่วมฝ่ายค้านต้องจำบทเรียน
มีความเห็นจากนักกฎหมายระดับเนติบริกรแนวโยนหินถามทางและสร้างฉากทัศน์ที่ไม่สวยงามสำหรับคนรุ่นใหม่ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าสภาวะพลิกล็อกเป็นไปได้
การโชว์วิสัยทัศน์ของว่าที่รัฐมนตรีเริ่มเผชิญกับข้อท้วงติงเรื่องความเป็นไปได้ของแผนงานและความสามารถในการบริหารกระทรวงและปัญหาเรื่องด้อยประสบการณ์
การนั่งแถลงข่าวเริ่มเห็นบรรยากาศไม่คึกคักเหมือนเดิมอย่างน้อยหัวหน้าพรรค 2 คนให้ตัวแทนไปเหมือนจะรู้ว่าโอกาสที่จะสำเร็จในการตั้งรัฐบาลไม่มี
การตั้งทีมเปลี่ยนผ่านโดยที่ไม่มีรากฐานอะไรรองรับ ทำให้สังคมทั่วไปมองว่าเป็นการทำงานผิดธรรมเนียมและแนวทางปฏิบัติของการเมืองบ้านเราหรือไม่ ต้องผ่านการรับรองสถานภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเปิดสภาเลือกประธานและเลือกนายกรัฐมนตรี ทุกขั้นตอนที่ว่านี้ยังไม่มีอะไรเป็นจริง การก้าวเร็วอย่างนี้ถ้าจะหยุดฉับพลันก็จะยิ่งทำให้เสียจังหวะและเกิดความน่าสงสัย นี่จึงเป็นรูปแบบของการตกกระไดพลอยโจน เมื่อเป็นไปแล้วก็ต้องว่ากันไป
ถ้าจะต้อง “จั่วลม” ทุ่งลาเวนเดอร์ กลายสภาพเป็นนาแห้ว ในฉากสุดท้ายก็ต้องยอมรับ ถือว่าเป็นประสบการณ์อันเจ็บปวดอีกครั้ง
ยิ่งถ้ามีเหตุต้องเลือกตั้งใหม่อย่างที่เนติบริกร ตั้งฉากทัศน์ไว้ก็หมายความว่าท่านห้าวเป้งยังอยู่รักษาการต่อไปโดยไม่มีใครบอกว่าจะจบสิ้นเมื่อไหร่
ท่านห้าวเป้ง คงประกาศว่าพร้อมจะรับภารกิจนี้โดยไม่เหนื่อย ไม่ท้อและไม่รีบร้อนที่จะลงจากตำแหน่ง รอยยิ้มมุมปากคงไม่มีใครได้เห็น หรือเสียงหัวเราะคงไม่มีใครได้ยินในตึกไทยคู่ฟ้า
“ลุงตู่อยู่ต่อ” คือปาฏิหาริย์ทางกฎหมายหรือความมหัศจรรย์ของการเมืองน้ำเน่าหรือไม่ก็แล้วแต่จะคิด