xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เพื่อไทยเพลี่ยงพล้ำ ก้าวไกลเรตติ้งพุ่งแรง ปลุก‘หัวคะแนนออแกนิค’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ - แพทองธาร ชินวัตร - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สมการการเมือง

สถานการณ์ ‘พรรคเพื่อไทย’ อยู่ในสภาวะเพลี่ยงพล้ำให้ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่ต้องมา ‘รบกันเอง’ แย่งฐานเสียงเดียวกัน ช่วง 1 สัปดาห์สุดท้าย ผลโพลของพรรคก้าวไกลแซงพรรคเพื่อไทย

รวมทั้ง ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ที่ชื่อ ‘ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล มาอยู่ลำดับที่ 1 ส่วน ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย หล่นลงไปลำดับที่ 2 ส่วนชื่อ ‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ อีกคน ก็ไม่สามารถดึงกระแสเพื่อไทยขึ้นมาได้เท่าที่ควร และช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ‘อุ๊งอิ๊ง’ ไม่ได้ลงพื้นที่หาเสียงเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ เพราะอยู่ระหว่างเตรียมคลอดลูก

สถานการณ์ ‘พลิกเกม’ ให้พรรคก้าวไกลมาตีตื้นและแซงพรรคเพื่อไทย ถูกจุดติดจากเหตุการณ์ ‘สามย่านเอฟเฟกต์’ หลังพรรคก้าวไกลจัดปราศรัยใหญ่ หน้าห้างสามย่านมิดทาวน์ คนที่มาฟังปราศรัยล้นมาที่ถนน ทำให้พรรคเพื่อไทยอยู่นิ่งไม่ได้ รีบจัดเวทีปราศรัยเพื่อ ‘แก้เกม’ วันต่อมาที่ย่านดอนเมืองทันที

ถึงขั้นที่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ต้องมาขึ้นเวทีด้วยตัวเอง ซึ่งช่วงที่ผ่านมาจะใช้วิธีผ่านระบบออนไลน์ ขึ้นจอบนเวทีปราศรัยแทน

จากปรากฏการณ์ ‘สามย่านเอฟเฟกต์’ เริ่มกระจายไปพื้นที่ต่างๆ คู่ขนานการโต้เถียงระหว่าง ‘เอฟซีเพื่อไทย-ก้าวไกล’ ในโลกโซเชียลฯ ผ่านคำนิยามต่างๆ เช่น นางแบก ติ่งส้ม เป็นต้น ซึ่งในโซเชียลฯเป็นพื้นที่ของ ‘คนรุ่นใหม่’ และชัดเจนว่าเป็น ‘ฐานเสียง’ของพรรคก้าวไกล แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังหวังคะแนนจาก ‘คนรุ่นใหม่’ เช่นกัน ที่ผสานกับ ‘พลังบ้านใหญ่’ ที่พรรคเพื่อไทยมีอยู่

ด้วยระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ จึงทำให้การเลือกตั้ง ‘เชิงยุทธศาสตร์’ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล เพื่อป้องกันการ ‘ตัดคะแนนกันเอง’ จึงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะไม่ใช่ระบบบัตรใบเดียวแบบปี 62

และไม่มีสถานการณ์ที่อดีตพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ ที่ทำให้ผู้สมัครส.ส. ฝั่งต่อต้านคสช. หายไปในหลายเขต และมีการมองว่าวาทะกรรมการเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ เป็นเพียง ‘คำข่มขวัญ’ เพื่อทำให้พรรคเพื่อไทย ‘แลนด์สไลด์’ ผ่านการทำให้คนกลัวที่จะเลือกพรรคอื่น

ซึ่งสุดท้ายงานนี้ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ต่างเดินหน้าเต็มสูบ ไม่มีกั๊กให้กันอีกทั้ง ‘ความไม่ลงรอย’ ระหว่าง 2 พรรค ที่รบกันเองชนิดที่ไม่ไว้หน้ากัน ต่างจากฝั่งรัฐบาลเดิมที่พอ ‘รักษาหน้า-รักษาน้ำใจ’ กันอยู่บ้าง

แต่มีการนิยามคำสำคัญขึ้นมาในการต่อสู้ของพรรคก้าวไกล คือ “หัวคะแนนออแกนิค” หรือ “หัวคะแนนธรรมชาติ” ที่ถูกปลุกผ่าน ‘ปัจเจกบุคคล’ ในโลกโซเชียลฯมากขึ้น หรือแม้แต่คนทำธุรกิจสตาร์ทอัปที่เป็น ‘คนรุ่นใหม่-วัยทำงาน’ ก็ชัดเจนว่าสนับสนุนพรรคก้าวไกล

อีกทั้งเกิดภาพ ‘พรรคก้าวไกล’ ไปหาเสียงบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหลายห้าง จนเกิดปรากฏการณ์ ‘ห้างแตก’ จุดนี้เองทำให้ ‘พรรคเพื่อไทย’ รีบแก้เกมอีกครั้ง โดยวันที่ 5 พ.ค. พรรคเพื่อไทยได้จัดปราศรัยที่สยามพารากอน ใจกลางกทม. พร้อมดึงระดับ ‘แม่เหล็ก’ ไปร่วมหลายคน โดยเฉพาะ 2 ส.ส. ที่มี ‘ฐานเสียงคนรุ่นใหม่’ ของตัวเอง

นั่นคือ ‘น้ำ’จิราพร สินธุไพร แม้เป็นผู้สมัครส.ส.ร้อยเอ็ด ก็ต้องมาขึ้นเวที กทม. คู่กับ ‘อิ่ม’ ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ที่มีคนรุ่นใหม่เป็นเอฟซีเรียก ว่า ‘บ้านด้อมอิ่ม-น้ำ’ เปรียบยกให้เป็น ‘คู่จิ้น’ กันในสนามการเมือง รวมทั้ง‘อ๋อม’สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัครส.ส.กรุงเทพฯ ที่ฝีปากหาเสียงแซบ ไม่แพ้สมัยเป็นดาราที่เล่นบทนางร้าย

สิ่งสำคัญที่ทำให้ ‘คะแนนสวิง’ เพราะท่าทีของพรรคเพื่อไทยไม่ชัดเจนในจุดยืนเรื่องต่างๆ มีท่าที ‘แทงกั๊ก’ มี ‘เงื่อนไข’ เวลาพูดถึงจุดยืนทางการเมือง เช่น การจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต และ มาตรา 112 เป็นต้น ผิดกับพรรคก้าวไกลที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น นำมาสู่ ‘ความไม่ไว้ใจ’ จากคนรุ่นใหม่ที่สนใจประเด็นเหล่านี้

อีกแง่หนึ่งพรรคขั้วรัฐบาลเดิม อย่าง ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ก็มีกระแสนำพรรคฝั่งรัฐบาลเดิม เพราะมีความชัดเจนในจุดยืน เรียกว่าพรรคก้าวไกลกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น ‘พรรคเชิงอุดมการณ์’ ซึ่งเป็นจุดขายของทั้งสองพรรค

ถือก็เป็นภาพสะท้อนว่า ‘ประชาชน’ ต้องการ ‘ความชัดเจนในจุดยืน’ ที่จะใช้ในการประกอบการตัดสินใจ ไม่ใช่เพียงนโยบายเท่านั้น โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. และเขตเมืองในระดับภูมิภาค

แต่ก็อย่าได้ประมาท ‘พลังบ้านใหญ่-หัวคะแนนสีเทา’ ที่ยังมีอิทธิพลในการเมืองบ้านเรา


กำลังโหลดความคิดเห็น