xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มประเทศ“SCO”กับการ“กำหนดชะตาโลก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


พลเอกSergey Shoigu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
“Who controls the Rimland rules Eurasia; who rules Eurasia controls the destiny of the world.”
“Nicholas Spykman”

(ใครได้ควบคุมขอบทวีปได้ครอบครองยูเรเชีย ใครที่ได้ครอบครองยูเรเชียได้ควบคุมชะตาโลก-นิโคลัส สปีกแมน)

เปิดฉากสัปดาห์นี้...เหตุที่ต้องนำเอาคำพูด วาทะ ของอดีตนักวิทยาศาสตร์การเมืองชาวอเมริกัน ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยเยล ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์และยุทธศาสตร์ภูมิประเทศ ถึงขั้นเคยได้ชื่อ ฉายา ว่า “เจ้าพ่อแห่งการยับยั้ง” (Godfather of containment) อย่าง “นิโคลัส สปีกแมน” มาเกริ่นนำเอาไว้ ณ ที่นี้ก็คงไม่ถึงกับมีอะไรมากมายหรอกนะทั่น แต่เผอิญว่า...เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ และศุกร์ที่ผ่านมา (27-28 เม.ย.) บรรดาผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบทางทหาร หรือบรรดา “รัฐมนตรีกลาโหม” ของกลุ่มประเทศ “SCO” (The Shanghai Cooperation Organization) เขาได้มาสุมหัว รวมตัว แลกเปลี่ยนความคิด-ความเห็นและ “ความร่วมมือ” กันที่ประเทศอินตะระเดีย อันเป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจ และ “น่าจับตา” เป็นอย่างยิ่ง...

คือถึงแม้กลุ่มประเทศ “SCO” ที่ว่านี้...เขาเคยย้ำแล้ว ย้ำอีก มาโดยตลอด ว่าไม่ใช่เป็น “องค์กรความร่วมมือทางทหาร” แบบนาต้ง นาโต อะไรทำนองนั้น อาจมีแค่ความร่วมมือด้านความมั่นคงในบางระดับ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวกรอง ทางทหาร การต่อต้านปราบปรามผู้ก่อการร้าย หรืออาจถึงขั้นร่วม “ซ้อมรบ” กันมั่ง แต่หนักไปทางเพื่อ “สันติภาพ” เพื่อความสงบร่มเย็นของภูมิภาคยูเรเชียเป็นหลัก แต่เพียงแค่เฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าๆ-ขายๆ วัฒนธรรม ฯลฯ ก็ต้องเรียกว่า...ถือเป็นกลุ่มก้อน องค์กร ที่จะไป “ดูเบา” ไม่ได้โดยเด็ดขาด!!! เพราะจัดเป็นกลุ่มก้อนองค์ความร่วมมือที่ใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งในแง่ภูมิรัฐศาสตร์และในแง่ประชากร คือแผ่อาณาบริเวณกินเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของภูมิภาคยูเรเชียและรวมเอาประชากรกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของโลกเข้าไว้ในกลุ่มก้อน องค์กร ดังกล่าว อีกทั้งยังมีตัวเลขจีดีพีรวมกันไม่น้อยไปกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีโลก หรืออาจมากไปกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อรวมเอามหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 2 อย่างคุณพี่จีน และมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 5 อันดับ 6 ที่กำลังผงาดขึ้นเป็นอันดับ 3 อีกไม่นาน-ไม่ช้า อย่างคุณปู่อินตะระเดียเข้าไว้ด้วย...

แม้โดยแรกเริ่มเดิมที...เขาอาจถูกเรียกขานในนาม “กลุ่มเซี่ยงไฮ้ไฟว์” (Shanghai Five) เพราะมีแค่ 5 ประเทศ อันประกอบไปด้วยคุณพี่จีน คุณน้ารัสเซีย และบรรดาประเทศอดีตสหภาพโซเวียต หรือประเทศ “สถานๆ” ทั้งหลาย ไม่ว่าคาชัคสถาน คีร์กิซสถาน ทาจิกิสถาน พยายามเกาะกลุ่ม รวมตัวกันมาตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว (ค.ศ.1996) แต่ไปๆ-มาๆ จะด้วยวิชั่น ด้วยวิสัยทัศน์ ปรีชาญาณ หรือด้วยอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ บรรดาประเทศที่เข้าร่วมด้วยและหวังจะเข้าร่วมด้วย นับวันยิ่งมีแต่จะเพิ่มพูน ขยายตัว ไม่ใช่แต่เฉพาะอุซเบกิสถาน อินเดีย และปากีสถาน ที่ทำให้ “SCO” มีจำนวนถึง 8 ประเทศทุกวันนี้แต่ยังมีอิหร่าน มองโกเลีย ที่มีฐานะเป็นสมาชิกสังเกตการณ์ตั้งแต่เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วโน่นเลย ยิ่งช่วงหลังๆ ที่มหาอำนาจสูงสุดแห่งโลก หรือ “ประมุขโลก” อย่างคุณพ่ออเมริกา เริ่มออกอาการ “ใครๆ ก็ไม่รักผม...แม้พัดลมยังส่ายหน้าเลย” บรรดาประเทศที่คิดเข้าร่วม หวังเข้าร่วมกับกลุ่มประเทศ “SCO” ยิ่งมีจำนวน ปริมาณ เพิ่มยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าอัฟกานิสถาน เบลารุส ศรีลังกา ตุรกี กัมพูชา อาเซอร์ไบจาน เนปาล อาร์เมเนีย อียิปต์ กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย บังกลาเทศ อิรัก ซีเรีย ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น...

หรือเอาไป-เอามาแล้ว...ทั่วทั้งขอบทวีปหรือทั่วทั้งยูเรเชียนั่นแหละ น่าจะอยู่ในมือของกลุ่มประเทศ “SCO” เป็นที่เรียบร้อยส่วนจะนำไปสู่การ “กำหนดชะตาโลก” ดังที่ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์ชาวอเมริกัน “นายนิโคลัส สปีกแมน” ว่าไว้ หรือแม้แต่อดีตที่ปรึกษาความมั่งคงทำเนียบขาวยุคอดีตประธานาธิบดี “จิมมี คาร์เตอร์” ที่มีชื่อเรียกยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ อย่าง “นายสบึเนียฟ” หรือ “สบิกนิว เบรซซินสกี้” (Zbigniew Brzezinski) ที่ถึงกับกำหนดไว้เป็น “ทฤษฎี” ทางการเมืองการทหาร เอาไว้เลยถึงขั้นนั้น หรือไม่? อย่างไร? คงต้องเก็บไปนั่งคิด นอนคิด เอาเองก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ภายใต้สีสันบรรยากาศ การแลกเปลี่ยนความคิด ความเห็น ความร่วมมือของบรรดาผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทางทหาร หรือบรรดารัฐมนตรีกลาโหมของกลุ่มประเทศ “SCO” คราวนี้ ได้เกิดการลากเอาคุณพ่ออเมริกันและชาติพันธมิตรตะวันตก ออกมา “สับ” แบบเป็นชิ้นๆ หรือแบบเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เป็นเต้าหู้ตกโต๊ะ เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย “พลเอกSergey Shoigu” ที่สรุปให้ผู้เข้าร่วมประชุมรับรู้ รับทราบ ถึง “แรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ของชาติตะวันตกต่อบรรดาประเทศที่มีเอกราชทั้งหลาย ไม่ว่าด้วย “การคุกคามแบล็กเมล์โดยเปิดเผยการปฏิวัติสีการรัฐประหารไปจนการแพร่กระจายข่าวเท็จอย่างคึกคักโครมคราม” หรือรัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน “พลเอกMohammad Reza Ashtiani” ที่ไม่เพียงแต่กล่าวประณามต่อองค์กรความร่วมมือทางทหารอย่างนาโตและชาติตะวันตกว่าหวังจะครองโลก หวังจะดำรง รักษา “โลกขั้วอำนาจเดียว” เอาไว้ให้จงได้ แต่ยังได้เรียกร้องให้บรรดาชาติสมาชิก “SCO” ทั้งหลาย ร่วมกันเพิ่มบทบาทให้มากขึ้น ในการสรรค์สร้าง “ระเบียบโลกแบบใหม่” ขึ้นมาแทนที่ระเบียบเดิมๆ ให้จงได้!!!

ส่วนรัฐมนตรีกลาโหมอินตะระเดีย “นายRajnath Singh” แม้จะสงวนปาก สงวนคำ แบบ “นิ่งเสียตำลึงทอง” หรือแบบมุ่งฟันกำไรจากการค้าๆ-ขายๆ พลังงานกับรัสเซียตาม “ผลประโยชน์แห่งชาติ” เป็นที่ตั้ง แต่โดยอากัปกิริยาการจับมือ ถือแขนกับรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย พร้อมกับป่าวประกาศถึง “ความร่วมมือทางทหาร” กับประเทศหมีขาว ว่าได้ยกระดับไปถึงขั้น “ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง” (Excellent) เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยเฉพาะเมื่อหมีขาวรัสเซียพร้อมสนับสนุน ส่งเสริม นโยบาย “Make in India” ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจ พลังงาน และการทหาร แบบชนิดถึงไหนก็ถึงกัน...

ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมจีน อย่าง “พลเอกLi Shangfu” นั้น...แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักแอะ แถมยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ตามแบบฉบับ “มังกรจีน” ที่ถนัดในการลอดเลื้อยโอบกระหวัดรัดพันซะเป็นหลัก แต่สำหรับใครที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียน บทความ ของผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง การทหารและการทูต อย่างท่านอดีตทูตอินตะระเดีย “M.K. Bhadrakumar” ชิ้นล่าสุด ว่าด้วยเรื่อง “China, Russia circle wagon in Asia-Pacific” หรือที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาเรียบเรียงและเผยแพร่เมื่อช่วงวันพุธที่แล้ว (26 เม.ย.) ในชื่อว่า “ท่ามกลางแรงบีบคั้นจากสหรัฐฯ จีน และรัสเซียกระชับความร่วมมือด้านกลาโหมในเอเชีย-แปซิฟิกแข็งขันขึ้นอีก แม้ยังไม่ถึงขั้นกลายเป็น...พันธมิตรทางทหาร” ก็น่าจะพอนึกภาพ จินตนาการถึงลักษณะ ท่าที ของรัฐมนตรีกลาโหมจีนรายนี้ได้มั่งไม่มาก-ก็น้อย โดยเฉพาะในช่วงระหว่างการเดินทางไปพบปะกับผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” เมื่อช่วงวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา...

หรือถ้าให้สรุปแบบสั้นๆ-ง่ายๆ ก็น่าจะเป็นว่า...พันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบ “ไร้ขีดจำกัด” อย่างจีนและรัสเซียน่าจะหันไป “มองข้ามช็อต” เลยไปจากแค่ “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือ “ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน” ไปแล้วก็ว่าได้ หรือเริ่มหันไปมองถึง “ความร่วมมือทางทหาร” ใน “แนวรบทะเลจีนใต้” หรือใน “เอเชีย-แปซิฟิก” ที่กำลังกลายเป็น “เป้าหมาย” ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกในลำดับต่อไป เพราะสำหรับยูเครนนั้น...โดยแนวโน้มช่วงหลังๆ ไม่ว่าจะฟังจากสื่ออเมริกันอย่าง “The New York Times” หรือนิตยสาร “Politico” และอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย โอกาสที่ตัวตลกและตัวแทนอย่างประธานาธิบดี “เซเลนสกี้” จะถูก “ถีบทิ้ง” โดยอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที โดยเฉพาะถ้ายังปราศจากความคืบหน้าในการตอบโต้ เอาคืนรัสเซีย ดังที่เคย “สมรักษ์ คำสิงห์” ไว้ก่อนหน้านี้และนั่นอาจถือเป็นคำตอบ คำอธิบาย ในบางส่วน บางแง่ ก็เป็นได้ ที่ทำให้ผู้นำยูเครนรายนี้ ออกอาการปลาบปลื้มดื่มด่ำเอามากๆ ต่อการได้มีโอกาสเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ พูดคุยเรื่อง “แผนสันติภาพ” ทางโทรศัพท์กับผู้นำจีน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” แบบชนิด “ยาวนาน” และ “มีความหมาย” เอามากๆ จนก่อให้เกิด “แรงกระตุ้นอันทรงพลังเพื่อที่จะนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเราทั้งสองประเทศ” ดังที่ตัวตลก-ตัวแทนรายนี้กล่าวเอาไว้หลังจากนั้น พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากไม่คิดจะให้ตัวเองต้องถูก “ถีบทิ้ง” โดยผู้สนับสนุน ส่งเสริม และผู้ยุแยงตะแคงรั่วอย่างอเมริกาและชาติตะวันตก เหมือนอย่างที่ผู้นำเวียดนามใต้ อัฟกานิสถาน หรืออดีตประธานาธิบดีชั่วคราวเวเนซุเอลา “นายฮวน ฆวยโต” ฯลฯ ที่เคยยกให้เห็นเป็นตัวอย่างไปแล้วเมื่อไม่กี่วันมานี้ มีแต่ต้องรีบหันไป “ซบจีน” ให้ทันท่วงทีเท่านั้นเอง!!!

ด้วยเหตุนี้..การพูดคุย แลกเปลี่ยน การกระชับความร่วมมือระหว่างบรรดาผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทางทหารแห่งกลุ่มประเทศ “SCO” ทั้งหลายคราวนี้ จึงอาจถือเป็นการ “ส่งสัญญาณ” ที่ค่อนข้างชัดเจน ถึง “ความเป็นไปได้” ว่าโอกาสที่แนวโน้มของโลกจะเป็นไปตามวาทะ หรือทฤษฎีของอดีตนักยุทธศาสตร์และนักภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลกในแต่ละรายที่ได้สรุปไว้นั่นแหละว่า “ผู้ใดที่ครอบครองยูเรเชีย...ก็คือผู้ที่กำหนดชะตาโลก” จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อก็ลองเก็บไปนั่งคิด นอนคิด เอาเองก็แล้วกัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น