xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ปาร์ตี้ลิสต์” ปาร์ตี้ป่วน พท.อหังการ์ “ทักษิณสไตล์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปิดกล่องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วการเปิดรับสมัคร ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองที่ลงชิงชัยในศึกเลือกตั้ง 2566

โฟกัสกันไปที่การจัดลำดับบัญชีรายชื่อ หรือ “ปาร์ตี้ลิสต์” ที่เรียกได้ว่า มีปัญหาแทบทุกพรรค โดยเฉพาะ “พรรคใหญ่” ที่พอมีโอกาสคว้าที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วน “พรรคเล็ก” ก็เหมือนยื่นสมัคร “เป็นพิธี” เพราะโอกาสจะได้ที่นั่ง ส.ส.ค่อนข้างน้อย

ด้วยมีการประเมินกันว่าคะแนนขั้นต่ำที่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่งอยู่ที่ 3.5 แสนคะแนน และว่ากันด้วยคะแนนจาก “บัตรพรรค” เพียวๆ ต่างจากการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งเป็นรูปแบบบัตรใบเดียว คิดตามสูตรแบ่งสรรปันส่วนผสม โดยครั้งนั้นถ้าได้ 7 หมื่นคะแนนก็จะได้ 1 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ด้วย “อภินิหาร” ทำให้บางพรรคที่ได้ไม่ถึง 3 หมื่นแต้ม ก็ยังไปนั่งหน้าสลอนเป็น “ส.ส.ปัดเศษ” ในสภาฯ มาแล้ว

การปรับกติกาเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบงวดนี้ ก็เท่ากับปิดโอกาส “ส้มหล่น” หรือ “แต้มปัดเศษ” ของบรรดาพรรคเล็กไปโดยปริยาย ขณะที่พรรคใหญ่ก็กระทบไม่น้อย เพราะ 3.5 แสนคะแนนต่อ 1 ที่นั่ง ส.ส. ก็ทำให้ “เซฟโซน” ของแต่ละพรรคลดลงไปจากเดิมหลายเท่าตัว
ยกตัวอย่าง “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล ที่คราวก่อนลงสมัครในนามพรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนเสียงทั้งประเทศมากถึง 6.3 ล้านเสียง แปรผันมาเป็น ส.ส.พึงมีที่ 80 ที่นั่ง หักในส่วนของ ส.ส.เขตไป 30 ที่นั่ง ทำให้ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มากถึง 50 คน ขณะที่หากได้คะแนนเท่าเดิมในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำให้พรรคก้าวไกลเหลือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ถึง 20 คนเท่านั้น

“ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ หนก่อนได้คะแนนรวมทั้งประเทศ 3.95 ล้านเสียง แปรผันเป็น ส.ส.พึงมีที่ 53 ที่นั่ง แต่พลาดเป้าคว้าชัยในหลายเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะการสูญพันธุ์ในพื้นที่ กทม. ทำให้ได้ที่นั่งปาร์ตี้ลิสต์ 20 คน มาหนนี้หากได้แต้มประมาณเดิม ก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อราว 11 คนเท่านั้น

เช่นเดียวกับ “ค่ายเสรี” พรรคเสรีรวมไทย กับ 8.2 แสนคะแนนทั่วประเทศ โดยที่ไม่ชนะ ส.ส.เขตเลย จึงได้เก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์ เท่ากับ ส.ส.พึงมี คือ 10 ที่นั่ง ครั้งนี้หากยังได้ประมาณเดิม จะเหลือ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แค่ 2 คนเท่านั้น เป็นต้น

ตามสูตรนี้ก็ทำให้ “พรรคปัดเศษ” จำต้องสูญพันธุ์ไปโดยปริยาย

ขณะที่บรรดาพรรคใหญ่ก็มีปัญหาการจัดวางตัวผู้สมัครไม่น้อย ด้วย “เซฟโซน” ที่ค่อนข้างบีบคั้น ทำให้เกิดการต่อสู้ภายในอย่างดุเดือด แม้จะยื่นสมัครไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา

เห็นได้ชัดจากกรณี พรรคประชาธิปัตย์ ที่มี “เซฟโซน” ราว 10 ที่นั่ง ขนาดเกิดภาวะ “เลือดไหลออก”มีบรรดา “บิ๊กเนม” ออกจากพรรคไปจำนวนมาก รวมถึงสละสิทธิการลงสมัครครั้งนี้อีกบางราย เช่น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, เทอดพงษ์ ไชยนันทน์, พนิช วิกิตเศรษฐ์ หรือ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ที่ไม่ลงทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ แต่ก็ยังมีปัญหาให้เห็น

ตามธรรมเนียมที่ต้องให้ “ผู้อาวุโส” อยู่ในลำดับต้นๆ โดยอันดับ 1 แน่นอนว่าต้องเป็น “เสี่ยอู๊ด” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ตามด้วย ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช, นิพนธ์ บุญญามณี, องอาจ คล้ามไพบูลย์, นราพัฒน์ แก้วทอง, ไชยยศ จิรเมธากร และ เกียรติ สิทธีอมร

ส่วนกรณี “สงครามนางฟ้า” ระหว่าง “สาวตั๊น” จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร กับ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ที่ก่อนหน้านี้ช่วงชิงกันอย่างหนัก ถึงขั้นที่ “สาวตั๊น” โพสต์น้อยอกน้อยใจในทำนองเตรียมไปอยู่พรรคอื่นที่สบายใจ ที่สุดก็จับ “ตั๊น-เดียร์” อยู่ติดกันที่ลำดับ 10-11

ซึ่งเป็นลำดับที่เหนือกว่า ลำดับที่ 12-19 สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์, สามารถ ราชพลสิทธิ์, พิสิฐ ลี้อาธรรม, อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ, รัชดา ธนาดิเรก, สุทัศน์ เงินหมื่น, ชำนิ ศักดิเศรษฐ์, มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข โดยมี “ลูกปลื้ม” สุรบถ หลีกภัย บุตรชายคนเดียวของ “น้าชวน” อยู่ในลำดับที่ 20

กันมาที่ “ค่ายลูงป้อม” พรรคพลังประชารัฐ ที่ว่ากันว่า ไม่น่าจะมีแต้มเปรี้ยงปร้างถึงขั้นได้ “แชมป์ป๊อปปูลาร์โหวต” ทั่วประเทศ หับ 8.4 ล้านเสียงเหมือนคราวที่แล้ว เพราะคะแนนนิยมส่วนใหญ่ตามตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ

อย่างไรก็ดีทั้งตัว “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค ก็ยังเชื่อว่าจะสามารถได้ ส.ส.ปาร์ตี้ชิสต์ได้ถึง 15-20 ที่นั่ง หรือต้องได้คะแนนราว 5-7 ล้านเสียง ขณะที่ผู้สันทัดกรณีมองว่า “เซฟโซน” ของพรรคพลังประชารัฐ อยู่ที่ไม่เกิน 5-7 ที่นั่ง หรือราว 2 ล้านเสียงเท่านั้น

สะท้อนผ่านสัญญาณความไม่เชื่อมั่นจากภายในให้เห็น กรณี “เจ๊แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ที่ขอสละสิทธิจากการสมัคร เพราะไม่พอใจลำดับที่ได้รับ ตามข่าวที่ว่าถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 17 ก่อนส่งชื่อสมัครต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีความได้ว่า “นฤมล” เองก็ไม่ได้เชื่อมั่นว่า พรรคจะได้ถึง 20 ที่นั่งตามที่โพนทะนา

นอกจากนี้ยังมีเสียงอื้ออึงในพรรคไม่น้อยกับกรณี “เสี่ยยักษ์” วิรัช รัตนเศรษฐ ที่ระยะหลังมีบทบาทสูงในพรรค เพราะแม้จะเป็นรองหัวหน้าพรรค ที่ควรได้ลำดับสูงๆ อยู่ในเซฟโซน แต่ติดที่ถูกศาลสั่งเว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จากคดีทุจริตสนามฟุตซอล จึงต้องให้ “ลูกแบงก์” อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ขึ้นไปอยู่ในลำดับที่ 4 แทน ส่วนตัวเองเดิมทีมีชื่ออยู่ราวลำดับเกือบ 20 ก็อาศัยจังหวะชุลมุนกระเสือกกระสนขึ้นมาอยู่ลำดับ 9 หน้าตาเฉย

ทั้งที่ความจริงหากเลือกตั้งเสร็จ พรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถึง 9 คน และ “วิรัช” ได้เป็น ส.ส. เจ้าตัวก็ไม่สามารถเข้าสภาฯ ได้ด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับ “เมีย-น้องเมีย” ที่ติดหล่มถูกเว้นวรรคในคดีสนามฟุตซอลก็ยังได้ลงเขตที่ จ.นครราชสีมา หากชนะเลือกตั้ง ก็คงเข้าไปแฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯ ไม่ได้เหมือนกัน

หากมีจังหวะได้-เสีย โหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือโหวตเลือกตั้งนายกฯ ที่มีเสียงก้ำกึ่ง ก็ทำให้เสียงหนุน “ลุงป้อม” ขาดหากไป 3 เสียงฟรีๆ


ต่อกันที่ “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล ที่ยังถือว่า มีคะแนนนิยมอยู่พอสมควร แต่อาจจะไม่พีคเหมือนสมัยที่ “เสี่ยเอก”ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้นำพรรค คะเนกันว่าเซฟโซนบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล น่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 20 ที่นั่ง หรือราวไม่เกิน 7 ล้านเสียง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีผู้สละสิทธิไม่ขอลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไปบ้าง อาทิ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, ธีรัจชัย พันธุมาศ, อมรัตน์ โชคปมิตกุล หรือ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีบทบาทการทำงานในสภาฯ ในสมัยที่ผ่านมา

จำนวนนี้มีเพียง “เจ๊เจี๊ยบ อมรัตน์” ตัวตึงแห่งนครปฐมรายเดียว ที่ประกาศมาก่อนหน้าว่าจะไม่ลงสมัครต่อในสมัยนี้เท่านั้น

เรื่องนี้ “จารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันเป็นเลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล เคยทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ยกย่องทั้ง 4 คนที่เสียสละไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อต่อ พร้อมเผยเหตุเป็นนัยๆ ด้วยว่า เพราะไม่มีใครเสียสละที่ในบัญชีรายชื่อ จึงทำให้คนเหล่านี้ต้องเสียสละ

สำหรับการจัดอันดับบัญชีรายชื่อเเรกของพรรคก้าวไกล ก็มีทั้งที่สมเหตุสมผล และทั้งมีคำถามในตัว โดย 20 ลำดับแรกประกอบด้วย “เสี่ยทิม”พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค, “เสี่ยต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค, “จารย์ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ, เซีย จำปาทอง อดีตสหภาพแรงงานสิ่งทอ ปีกแรงงานใหม่ของพรรค, อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล อดีต ผอ.ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC), อภิชาติ ศิริสุนทร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค, สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล, สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบาย, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ อดีต ส.ส.กทม., ณัฐวุฒิ บัวประทุม อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, เบญจา แสงจันทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร, ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, มานพ คีรีภูวดล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ รอมฎอน ปันจอร์

โดยมี “เพชร” กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรค ที่เคยลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขตหลักสี่ เมื่อต้นปี 65 แต่สอบตก อยู่ลำดับที่ 21

นอกจากนี้บรรดาอดีต ส.ส.หน้าเก่า ที่มีผลงานโดดเด่น เป็นตัวหลักอภิปรายในสภาฯโดยเฉพาะ ปีกแรงงาน ที่เคยได้รับการโปรโมทอยู่ในลำดับต้นๆ เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 มารอบลำดับร่วงกราวรูด ทั้ง วรรณวิภา ไม้สน อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปีกแรงงาน ที่เคยเป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 3 รอบนี้มาอยู่ลำดับที่ 32 และสุเทพ อู่อ้น อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปีกแรงงาน เคยอยู่ลำดับ 21 รอบนี้ไปอยู่ลำดับ 40 เป็นต้น

ถัดมาที่ “ค่ายลุงตู่” พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ว่ากันกว่า “เซฟโซน” บัญชรายชื่ออยู่ราวๆ 15-20 ที่นั่ง ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยเช่นกัน ด้วยมีเซอร์ไพร์สเล็กสำหรับรายชื่อสุดท้ายที่ส่งสมัครต่อ กกต. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่เพิ่งเข้าพรรคอย่าง “รองฯพงษ์” สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ และ “คุณปืน” ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่สอดแทรกขึ้นมาที่ 2 และที่ 4 ในช่วงโค้งสุดท้าย เบียด “เลขาฯขิง” หล่นไปอยู่ลำดับที่ 3 หรือรายของ “มาดามออย” พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ที่ได้ลำดับ 6 อยู่หัวแถวไม่ต่างจากสมัยอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ

ขณะที่ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน อยู่ในลำดับที่ 5, วิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สาธารณสุข อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช ประชาธิปัตย์หลายสมัย อยู่ลำดับที่ 7, “ชัช เตาปูน” ชัชวาลล์ คงอุดม อดีตหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท อยู่ลำดับที่ 8 และ “เสี่ยไก่” จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ อยู่ลำดับที่ 9

ที่ออกอาการ “นอยด์” สุดๆ ไม่พ้น “ทีมองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่” ทั้ง “เสี่ยแด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ ที่ได้ลำดับที่ 10, “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ได้ลำดับ 15 รวมไปถึง “สาวอ้น” ทิพานัน ศิริชนะ ที่ตัดสินใจไม่ลงสมัครแบบเขตได้ลำดับ 20 ที่ดูสุ่มเสี่ยงจะไม่ได้เข้าสภาฯ

ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดไม่พ้น การจัดบัญชีรายชื่อของ “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ที่ถือว่าจัดรายชื่อแบบสบายๆ เพราะมีเซฟโซนถึง 40-50 ที่นั่งเลยทีเดียว

จากบัญชีรายชื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่จะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ และได้จัดตั้งรัฐบาล ทั้งการไม่ส่ง 2 แคนดิเดตนายกฯ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร กับ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ลงสมัคร ส.ส. คล้ายกับแทงเต็งรอทำหน้าที่ในฝ่ายบริหารเพียงอย่างเดียว

หัวแถววางตัว พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ กับ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรค แปะไว้ที่ลำดับ 1 และ 2 ต่อด้วย “เสี่ยเสริฐ” ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการรพรรค

ลำดับอื่นๆที่น่าสนใจ อาทิ ลำดับ 4 ชูศักดิ์ ศิรินิล, ลำดับ 5 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, ลำดับ 6 เกรียง กัลป์ตินันท์, ลำดับ 9 สุทิน คลังแสง และลำดับ 10 ชัยเกษม นิติสิริ ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯคนที่ 3 ของพรรค ขณะที่เบอร์ใหญ่ใส่ไข่อย่าง จาตุรนต์ ฉายแสง ได้เพียงลำดับที่ 13

ส่วนบิ๊กเนมที่เพิ่งกลับมาอยู่กับพรรค ก็ได้ลำดับดีถ้วนหน้า ลำดับ 7 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, ลำดับ 8 สุชาติ ตันเจริญ และลำดับ 11 สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นอาทิ

ขณะเดียวกันก็ห้อย “บิ๊กเนม” รั้งท้ายบัญชีหลายราย ตามแบบฉบับ “ทักษิณสไตล์” ที่เอาไว้ดึงมานั่งเป็นรัฐมนตรี เหมือนสมัยที่เคยทำมาแล้วในยุครัฐบาลไทยรักไทย ทั้ง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ที่อยู่ระหว่างฟื้นรี่างกายจากการผ่าตัดใหญ่ แต่ก็มีพาวเวอร์สูงในพรรค อยู่ที่ลำดับ 100 บ๊วยสุด เถิบขึ้นมาเป็น “บิ๊กแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม แม่ทัพภาคตะวันออก บ้านใหญ่แห่งชลบุรี ในลำดับที่ 99

หรือ “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด มาดามนครบาล ที่คุมสนาม กทม.ทั้ง 33 เขต ขออยู่ในลำดับท้ายๆที่ 98 แต่ก็จัดวางตัว “เด็กในสาย” อยู่ในเซฟโซนเพียบไปหมด

อย่าง ลำดับ 22 ประวีณ์นุช อินทปัญญา เมียเลิฟของ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล ออนทปัญญา ส.ว. เพื่อนร่วมรุ่นของ “บิ๊กป้อม” ที่เดิมมองว่าเป็น “ซูเปอร์ดีล” ระดับ “นายๆ” ปรากฎเป็นแค่ “ขาประจำ” บ้านวิภาวดี ของ “เจ๊แจ๋น” พงงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธาน กทม.ของพรรค เช่นเดียวกับ ลำดับ 25 ดนุพร ปุณณกันต์ และลำดับ 29 น.ส.ลิณธิธรณ์ วริณวัชรโรจน์ ก็อยู่ในข่ายเดียวกัน

แถมการที่ “ภูมิธรรม-สนธยา-พวงเพ็ชร” ยอมมาอยู่รั้งท้ายบัญชี รวมไปถึงผู้ใหญ่หลายคนยอมอยู่ในลำดับที่ 90-100 อาทิ ลำดับ 95 นลินี ทวีสิน, ลำดับ 96 พิชัย นริพทะพันธุ์, ลำดับ 97 พงศกร อรรณนพพร,

ยังเป็นการลดแรงกระเพื่อมไม่ให้อันดับที่ต่ำกว่าเซฟโซน แต่อยู่เหนือ 10 ลำดับท้ายออกอาการไม่พอใจ ดั่งจะเห็นได้ว่าผู้สมัคร 100 รายชื่อของพรรคเพื่อไทยอยู่กันอย่างครบถ้วน ไม่มีสละสิทธิถอนตัวเหมือนพรรคอื่น

การจัดบัญชีรายชื่อพรรคอื่ยอาจดูปั่นป่วน แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยดูจะโชว์อหังการ์ ทั่นใจว่าได้เป็นรัฐบาลแน่นอน แต่หากไม่ได้ตามเป้า งานนี้คงต้องตัวใครตัวมัน.


กำลังโหลดความคิดเห็น