ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล
สุบินนิมิตเรื่องที่ 6 : สุนัขจิ้งจอกแก่ปัสสาวะลงในถาดทองคำ
คำเดิมมีว่า หนึ่งฝันว่า มีคนวางภาชนะทอง สุนัขป้องขึ้นนั่งถ่ายน่าบัดสี
ฝันนี้มีความหมายว่า ได้ฝันเห็นว่า เหล่ามหาชนได้ช่วยกันขัดถาดทองคำราคานับแสนกหาปณะ จนสีทองดูสุกปลั่ง แล้วนำไปมอบให้แก่สุนัขจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่งแล้วบอกว่า จงปัสสาวะลงในถาดนี้ สุนัขจิ้งจอกแก่ตัวนั้น จึงได้ถ่ายปัสสาวะลงในถาดทองนั้น
ฝันนี้จะมีผลประการใด พระเจ้าข้า...
พุทธโคดมทรงพยากรณ์ว่า ถวายพระพรมหาบพิตร ผลของพระสุบินนี้จะมีผลในกาลข้างหน้าโน้น เหล่าเสนาบดีที่ได้รับความไว้วางใจจากพระเจ้าแผ่นดินจะไม่มีธรรมอยู่ในใจ ชอบคบคนพาล ไม่นับถือนักปราชญ์
ชอบสมสู่กับหญิงสาทาน ทั้งไพร่ทั้งนายคึกคะนองลำพองใจ จะไม่ให้ยศตำแหน่งแก่กุลบุตรผู้สมบูรณ์ด้วยชาติตระกูล เพราะเหตุระแวงว่า บุคคลที่มีชาติตระกูลสูงเหล่านี้ จะมาแย่งตำแหน่งหน้าที่การงานของตัว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลใหญ่ๆ ที่เคยมั่งคั่งร่ำรวยก็จะตกยาก ตระกูลที่เลวทรามมักได้ก็กลับได้อำนาจ
ด้วยเหตุนี้ บุคคลในตระกูลใหญ่ๆ ที่เคยมั่งคั่งร่ำรวย คิดว่าตนจะต้องอาศัยคนพวกนี้ จึงพากันยกบุตร-ธิดาของตนให้แก่คนไม่มีสกุลรุนชาติ เหมือนสุนัขจิ้งจอกแก่ถ่ายปัสสาวะลงในถาดทองคำนั้นเอง
ความฝันข้อนี้ จะไม่มีอันตรายแก่มหาบพิตรเช่นเดียวกัน ขอถวายพระพร
อนึ่ง คำว่า กหาปณะ คือเงินตราที่ใช้แลกเปลี่ยนหรือซื้อขายสินค้าของชมพูทวีปเมื่อครั้งอดีต เงินตรานี้มีพิกัดเท่ากับ 20 มาสก หรือ 1 ตําลึง คือ 4 บาท ส่วนคำว่า สาทาน คัดลอกมาจากต้นฉบับเดิม ปัจจุบันใช้คำว่า สาธารณ์ หมายถึง ชั่วช้า สามานย์ ถ่อย ทราม ภาษาอังกฤษคือคำว่า mean (คำเดียวกับที่แปลว่า ความหมาย ที่ใช้กันโดยทั่วไป) ดังนั้น ภาษาอังกฤษจึงมีคำว่า mean peoples ที่หมายถึง คนถ่อย คนทราม คนสามานย์ ในขณะที่ภาษาจีนเรียกคนประเภทนี้ว่า เสี่ยวเหญิน (小人)
คนสาธารณ์หรือคนทรามนี้ในวัฒนธรรมตะวันตกหรือตะวันออก จะมีความหมายที่ไม่ต่างกันมาก คือไม่ใช่คนที่มีความประพฤติชั่วร้ายในทางปล้นชิงฆ่าฟันผู้คน แต่มักจะหมายถึงคนที่ไม่รู้กาลเทศะหรืออะไรควรไม่ควร
เป็นคนที่ไม่ให้เกียรติคนอื่น ชอบดูถูกดูแคลนคนที่เห็นต่างกับตน แสดงออกซึ่งความจงเกลียดจงชังจนเกินเหตุ คิดว่าตนดีกว่าผู้อื่นเสมอ บางกรณีก็เป็นคนปากอย่างใจอย่าง
ยกตัวอย่างสมมติ เช่น การอภิปรายในรัฐสภานั้น คนประเภทนี้หากได้วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นตามสิทธิ์ของตนแล้ว เมื่อถึงคราวที่ผู้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ชี้แจงปกป้องตนเอง แทนที่คนประเภทนี้จะตั้งใจฟัง ก็กลับแสดงกิริยาชี้มือชี้ไม้คนผู้นั้นแล้วหัวเราะขบขัน ในทำนองที่จะแสดงให้เห็นว่าคนผู้นั้นเป็นตัวตลก เป็นต้น
คนประเภทนี้แหละคือ คนทราม
เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครที่ไปเกลือกกลั้วคบหากับคนประเภทนี้ด้วยความยินดี ก็แสดงว่าคนผู้นั้นก็คงมีความรู้สึกนึกคิดไปต่างกับคนประเภทนี้ แต่ที่ต่างกันคือ คนที่เข้าไปคบหาด้วยจะไม่มีพฤติกรรมต่ำทรามเยี่ยงคนประเภทนั้น โดยยังมีความยับยั้งชั่งใจรั้งเอาไว้
คนทรามหรือคนถ่อยมีอยู่ในทุกสังคม ทั้งสังคมตะวันออกและตะวันตก และมีในทุกพื้นที่ของสังคม ตั้งแต่สังคมชั้นสูงจนถึงสังคมชั้นล่างทุกยุคทุกสมัย ไม่จำกัดว่าต้องมีการศึกษาสูงหรือต่ำ
เหตุดังนั้น คนที่อยู่ในรัฐสภาที่ถือเป็นสถานที่อันทรงเกียรติก็มีคนทรามหรือคนถ่อยได้เช่นกัน
เนื่องจากพุทธพยากรณ์ต่อสุบินนิมิตเรื่องนี้กล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดิน ว่าทรงมอบความไว้วางใจให้แก่เหล่าเสนาบดีนั้น บริบททางการเมืองในเรื่องนี้จึงหมายถึงการปกครองในระบอบราชาธิปไตย
คำสำคัญของพุทธพยากรณ์นี้จึงอยู่ตรงเหล่าเสนาบดี ที่หากเปรียบเทียบกับปัจจุบันก็คือ บรรดาข้าราชการพลเรือนและข้าราชการการเมือง รวมถึงข้าราชการทหาร ว่าไม่มีธรรมอยู่ในใจของตน ชอบคบคนพาล เกลือกกลั้วกับคนทราม ไม่นับถือนักปราชญ์ เมื่อเป็นเช่นนี้บ้านเมืองจึงเกิดปัญหา
ทุกสังคมรวมทั้งสังคมไทย มักหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีข้าราชการ และนักการเมืองจำนวนหนึ่งที่ไปคบหากับคนพาลและคนทราม เฉพาะสังคมไทยยังโชคดีที่คนเหล่านี้ที่ไปคบคนพาลหรือคนทรามยังมีน้อย แต่ที่น่าวิตกก็คือ เฉพาะคนทรามแล้วทุกวันนี้กลับพบเห็นมากขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นบ่อยมากคือ คนทรามที่ใช้ถนนโดยไม่เคารพกฎจราจร หรือไร้มารยาทในการใช้ถนน บางคนขับรถของตนอยู่ดีๆ ก็มีรถคันอื่นมาพาลหาเรื่อง บางคนขับรถปาดหน้าปาดหลังรถทุกคันบนท้องถนน พอเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ก็กลับหาเรื่องคู่กรณีของตนว่าไร้น้ำใจ ทั้งที่คนที่ผิดก็คือตน
เมื่อหลายปีมาแล้วมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นที่ต่างจังหวัด รถคันหนึ่งกลับรถของตนมาจอดยังหน้าตลาดอย่างถูกต้อง แต่มีรถอีกคันหนึ่งขับย้อนศรเพื่อจะจอดที่เดียวกับคันแรก แต่จอดไม่ทันก็ถือโกรธ ลงมาต่อว่าต่อขานเจ้าของรถคันแรกว่าไร้น้ำใจ กรณีนี้คนที่ขับรถคันหลังนั้นจึงถือเป็นคนทราม
กล่าวเฉพาะการใช้รถใช้ถนนกับปรากฏการณ์ของคนทรามแล้ว ทุกวันนี้มีเพิ่มมากขึ้นจนยากที่จะเข้าใจว่า คนเหล่านี้ได้รับการอบรมบ่มเพาะมาอย่างไร หรือรู้สึกนึกคิดอย่างไรในขณะที่แสดงพฤติกรรมของคนทรามออกมา
เพราะภาพที่เห็นพบว่า คนทรามเหล่านี้ไม่มีความรู้สึกว่าตนผิด ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ กรณีครอบครัวหนึ่งที่มักทำผิดกฎจราจรอยู่เสมอ แต่ไม่เพียงไม่ยอมรับผิดเท่านั้น หากยังตั้งใจหาเรื่องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างถูกต้องอีกด้วย
ที่สำคัญ ครอบครัวนี้มักแสดงพฤติกรรมเช่นนี้หลายครั้ง และเป็นที่รู้เห็นของคนทั่วไปจากคลิปที่มีคนถ่ายแล้วนำมาเผยแพร่ จนทำให้เห็นว่า คนในครอบครัวนี้จึงเป็นคนทรามกันทั้งครอบครัว
เพราะฉะนั้นแล้ว หากคนที่เป็นข้าราชการหรือนักการเมืองไปคนกับคนทรามแล้ว ก็จะไม่เจริญ ส่วนใครที่คบหรือไม่คบนั้น เจ้าตัวคงรู้ดีกว่าใคร จะมีก็แต่คนทรามเท่านั้นที่มักไม่รู้ว่าตนคือคนทราม