xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“นักการเมือง” ต้องทำเพื่อ “ชาติ-ประชา”? (ตอนสอง) “สองนายกฯ” ไม่ทำตาม “ในหลวงรัชกาลที่ 9”?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

ทำตาม “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ด้วยใจจริงเถอะ!

“นักการเมือง” ทำให้ชาติกับประชาชนเสียหายมาตลอด!


“ในหลวงรัชกาลที่ 9” ได้พระราชทาน “พระบรมราโชวาท” อันเป็นสิ่งล้ำค่า ให้ชาวไทยได้ “ปฏิบัติตาม” แต่ที่ผ่านมา.. บรรดา “นักการเมือง” ใหญ่น้อยไม่เคยไตร่ตรอง เดินหน้าทำตาม “พระราชดำริ-พระบรมราโชบาย ฯ” เพื่อสร้าง “ผลงานดีเลิศ” หลายหลากมิติ เสริมส่งให้ “ชาติ” เจริญรุ่งเรืองมั่นคง และ “ประชาชน” มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ฝีมือ “ผู้บริหารชาติ” กับ “นักการเมือง” ทั้งเลือกตั้งกับรัฐประหาร ที่ไม่เดินตามรอยพระบาท “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ไม่ทำตัวเป็น “คนดี” ส่งผลให้สังคมไทยเสื่อมทรามยิ่งขึ้น ด้วยมีการโกงชาติอย่างมโหฬาร และยังสร้างความเหลื่อมล้ำทวีมากขึ้น ในแทบทุกมิติต่างๆ ของสังคมไทย แถมไม่มีการปฏิรูปชาติเรื่องสำคัญๆอีกด้วย ฯลฯ
ดังนั้น จึงต้องขออัญเชิญ “พระราชดำรัส” กับ “พระบรมราโชวาท” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ให้ได้รับรู้กันในวงกว้างอีกครา ดังนี้..

“..ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณ์ในทางดี ที่เขาเรียกว่าเล็งผลเลิศ ก็เห็นว่าประเทศไทย เรานี่ก้าวหน้าดี การเงินการอุตสาหกรรมการค้าดี มีกำไร อีกทางหนึ่งก็ต้องบอกว่า เรากำลังเสื่อมลงไปส่วนใหญ่ ทฤษฎีว่า ถ้ามีเงินเท่านั้นๆ มีการกู้เท่านั้นๆ หมายความว่า เศรษฐกิจก้าวหน้า แล้วก็ประเทศก็เจริญ มีหวังจะเป็นมหาอำนาจ ขอโทษเลยต้องเตือนเขาว่า จริงตัวเลขดี แต่ถ้าเราไม่ระมัดระวังความต้องการพื้นฐานของประชาชนนั้น ไม่มีทาง..”

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ 4 ธันวาคม 2536
ใช่เลย! “นักการเมือง” ชอบนำตัวเลขทางเศรษฐกิจ ของรัฐบาลยุค “เหลี่ยม-ตู่” ที่ “ดีขึ้น” หรือ “แย่ลง” มาเผยแพร่เสมอ แต่ผลงานของ “ผู้นำชาติทั้งสอง” มักไม่ได้แก้ไขหรือยกระดับชีวิต “คนส่วนใหญ่” ในชาติ ให้ดีมีคุณภาพ ให้กินดีอยู่ดี มีอนาคตสดใสมั่นคงอย่างยั่งยืน แต่กลับทำให้ “คนรวย-รวยยิ่งขึ้นตลอด” ส่วน “คนจน-จนลงทุกวัน”..จริงไหม?

“ผู้หนักแน่นในสัจจะ พูดอย่างไรทำอย่างนั้น จึงจะได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธา เชื่อถือ และความยกย่องสรรเสริญจากทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือพูดจริงทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด”

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม 2540

“ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆจึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง”

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานเพื่อลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปีพุทธศักราช 2531

เฮ้อ..“ตู่-เหลี่ยม” ไม่ยึดมั่น “สัจจะ” จึงกลายเป็น “คนตระบัดสัตย์” ทั้งคู่! แถมยังกระทำการตรงกันข้ามเสียอีก!

“เหลี่ยม” บอกรวยแล้วจะไม่โกงชาติ เมื่อมีอำนาจ กลับ “โคตรโกงชาติ”!

“ตู่” บอกจะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” หลังเลือกตั้งมีอำนาจรวมกว่า 9 ปี “ตู่” ไม่เคยปฏิรูปชาติในมิติใดๆเลย!
“ศรัทธา-เชื่อถือ” ในตัว “ผู้นำชาติ” จึงสาละวันเตี้ยลงโดยปริยายว่ะ!

“คุณสมบัติพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับทุกคนนั้น ที่สำคัญได้แก่ความรู้จักผิดชอบชั่วดี ความละอายชั่วกลัวบาป ความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งในความคิดและการกระทำ ความไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ความไม่มักง่ายหยาบคาย กับอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญเป็นพิเศษ คือความขยันหมั่นเพียร”

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ณ สวนอัมพร วันที่ 22 มิถุนายน 2522

“ผู้ทำงานให้เกิดประโยชน์ส่วนรวม ย่อมได้รับประโยชน์เป็นส่วนตนด้วย ผู้ทำงานโดยเห็นแก่ตัวเบียดเบียนประโยชน์ส่วนรวม ย่อมบั่นทอนทำลายความมั่นคงของประเทศชาติ และที่สุดตนเองก็จะเอาตัวไม่รอด”

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร และอนุปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาสาขาวิชาการต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันที่ 16 มกราคม 2512

“พระบรมราโชวาท” ทั้งสององค์ข้างต้น ทั้ง “เหลี่ยม-ตู่” ล้วนทำไม่ได้! ชีวิตส่วนตัวกับเส้นทางการเมืองของ “เหลี่ยม” จึงเอาตัวไม่รอด ต้องหนีคดีความ หนีคุก ไปอยู่ต่างแดนจนวันนี้!

ส่วน “ตู่” ศรัทธาจากประชาชนก็ตกต่ำลงตลอด โอกาสจะสืบทอดอำนาจรัฐอีกครั้ง-จึงน้อยมาก เพราะเลือกตั้งปี 2566 “เหลี่ยม” ชนะ “ตู่” แน่นอนว่ะ..!

“การรู้จักประมาณตน ได้แก่ การรู้จักและยอมรับว่า ตนเองมีภูมิปัญญาและความสามารถด้านไหนเพียงใด และควรจะทำงานด้านไหน อย่างไร การรู้จักประมาณตนนี้ จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ได้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึกษาหาความรู้ และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ยิ่งสูงขึ้น”

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 18 กรกฏาคม 2541

เหลือเชื่อ! ว่า “เหลี่ยม-ตู่” ทั้งคู่ “ไม่รู้จักประมาณตน” แม้แต่น้อย!

ดูสิ..“เหลี่ยม” รู้ตัวอยู่แล้วว่า ละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ แต่ดันโกหกทั้ง “ตัวเอง” กับประชาชนว่า “ผมรวยแล้วจะไม่โกงชาติ” ทั้งๆ ที่หมกมุ่น “คิด-ทำ” แต่เรื่องโกงชาติ ชีวิตจึงถูก “กรรมติดจรวดตามสนอง”!

ส่วน “ตู่”.. ยังลุ่มหลงอยู่ในบ่วงกรรมแห่ง “อำนาจ” จึงจมปลักกับ “ลาภยศ-ผลประโยชน์” ชนิดโงหัวไม่ขึ้น ไม่คิด “ลด-ละ-เลิก” การสืบทอดอำนาจ ในตำแหน่ง “นายกฯ” ผ่านการเลือกตั้งสกปรก ทำให้ชาติเสียหายใหญ่หลวง เพราะไม่มี “การปฏิรูปชาติ” แม้แต่น้อย กรรมจึงสนองให้ “ตู่” ชะตาตก หน้าตาหม่นหมองทุกวี่วัน..

“การกู้เงินที่นำมาใช้ในสิ่งที่ไม่ทำรายได้นั้นไม่ได้ อันนี้เป็นข้อสำคัญ เพราะถ้ากู้เงินและทำให้มีรายได้ ก็เท่ากับจะใช้หนี้ได้ ไม่ต้องติดหนี้ ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องเสียเกียรติ”

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ 4 ธันวาคม 2540

“คนเราถ้าพอใจในความต้องการก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข”

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ 4 ธันวาคม 2541

เฮ้อ..น่าสมเพชทั้ง “เหลี่ยม-ตู่” ซึ่งไม่ได้ทำตาม “พระราชดำรัส” นี้ ด้วยไม่เข้าใจ จึงไม่เข้าถึงปรัชญาความ “พอเพียง” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” แม้แต่น้อย

การบริหารชาติของ “ตู่-เหลี่ยม” จึงนำชาติกับประชาชนผิดทิศหลงทาง ไปสู่ความฟุ้งเฟ้อใช้เงินเกินตัวราวไร้สติ จนทำให้ “หนี้ครัวเรือน” กับ “หนี้สินชาติ” เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

“การทำงานที่ดีควรมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ซึ่งการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน โดยคุณสามารถวางแพลนได้ว่า ในวันหนึ่งๆ คุณต้องทำงานอะไรบ้าง สิ่งใดต้องทำ สิ่งไหนต้องทำภายหลัง งานชิ้นไหนสำคัญ หรืองานไหนที่เร่งด่วน ซึ่งถือเป็นการจัดลำดับความสำคัญของแต่ละงานให้ชัดเจน จุดนี้เป็นตัวช่วยให้คุณบริหารการทำงานของคุณ ให้เสร็จตามเป้าหมาย และเวลาที่ตั้งไว้”

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 17 กรกฏาคม 2530

ถ้า “ตู่-เหลี่ยม” ทำตาม “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ชาติกับประชาชนคงไม่ย่ำแย่อับจนเช่นนี้ เพราะ “ตู่-เหลี่ยม” ไม่ได้ “แก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญ”ให้ชาติกับประชาชน ซ้ำร้าย! ทั้ง “สองรัฐบาล” มีแต่เรื่องโกงชาติ! เพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในชาติให้ทวีขึ้นตลอด! ปฏิรูปชาติก่อนกับหลังเลือกตั้งจึงไม่มี!

อ้าว!.. อย่างนี้ก็โกหกหลอกลวงประชาชนอย่างหน้าด้านๆล่ะสิ?

เฮ้อ!..“ตู่-เหลี่ยม” ยังกล้าอ้างว่า “รักชาติ-รักประชาชน-รักพระมหากษัตริย์” อีกหรือ..???


กำลังโหลดความคิดเห็น