ฮื่ออ์อ์อ์...ถึงขั้นแอบข้ามพรมแดนบุกเข้าไปก่อวินาศกรรมกันเห็นๆ สำหรับหน่วยทหารของตัวแทน-ตัวตลก ประธานาธิบดี “Volodymyr Zelensky” ที่บรรดาโลกตะวันตกยกย่องให้เป็น “ฮีโร่” (มัยซิน...เด้อ) ขนาดเอาไปเทียบกับเชอร์ช่ง เชอร์ชิล อะไรโน่นเลย ด้วยการบุกเข้าไปกราดยิงผู้คนพลเรือนในดินแดนรัสเซีย ด้านที่มีพรมแดนประชิดติดพันกับยูเครน คือที่หมู่บ้าน Lyubechane และ Sushany ในแคว้น Bryansk เล่นเอาวิศวกรที่เพิ่งกลับจากขับรถไปเยี่ยมแม่ เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึงตายคาที่ ส่วนรถที่ขนนักเรียนไปทัศนศึกษา ยังมิวายถูกกราด ถูกยิง ด้วยเช่นกัน เห็นว่าเด็กชาย-เด็กหญิงอายุแค่ไม่ถึง 10 ขวบ บาดเจ็บกันระนาว โดยที่ก่อนหน้านั้นยังสาดกระสุนปืนใหญ่ใส่พื้นที่ดังกล่าว แบบชนิดที่ทำให้ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ตัวสั่นเร่าๆ ต้องออกมาด่ากราดว่าถือเป็นการ “ก่อการร้าย” เอาเลยถึงขั้นนั้น...
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละทั่น...บรรยากาศศึกสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียในช่วงนี้ คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าฝ่ายกองทัพและรัฐบาลยูเครน เขาค่อนข้างจะเจอกับ “แรงกดดัน” หลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าข่าวคราวเรื่องการ “คอร์รัปชัน” เงินช่วยเหลือ หรือแม้แต่อาวุธยุทโธปกรณ์จากตะวันตก ที่แพร่กระจายไปสู่ “ตลาดมืด” ระลอกแล้ว ระลอกเล่า เจอกระแสเสียงของผู้คนไม่ว่าในยุโรปหรืออเมริกา ที่ชักเริ่มไม่เห็นควรด้วยกับการส่งเงิน-ส่งทอง ส่งอาวุธ ให้กับกองทัพ-รัฐบาลยูเครนอีกต่อไป ถึงขั้นเกิดการ “ลงถนน” ก่อการประท้วงไปทั่วยุโรปเอาเลยก็ว่าได้ แถมยังเจอกับความเสียเปรียบในทางทหาร เจอกับความพ่ายแพ้ในสมรภูมิบางสมรภูมิ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่อาจทำให้เขาต้องออกอาการ “บ้า...ก็..บ้าวะ” หรือ “แดง-ไม่แดง...แต่ขอให้แรงเข้าไว้” อะไรประมาณนั้น คือต้องหาทางสร้าง “ผลงาน” ให้ “เข้าตากรรมการ” หรือให้ดุเดือดเลือดพล่านเข้าไว้ให้มากๆ การโจมตีพลเรือน การสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ในแหลมไครเมีย หรือถึงขั้นต้องหันไป “ก่อการร้าย” ก็เลยกลายเป็นข้อเท็จจริงอันมิอาจปฏิเสธได้...
และอันนี้นี่เอง...ที่ยิ่งกลายเป็น “ตัวเร่ง” ให้ฉากสถานการณ์การเผชิญหน้าทางทหาร ไม่ว่าระหว่างรัสเซียกับยูเครน หรือกับโลกตะวันตก มันยิ่งน่าหวาดเสียว น่าสยดสยอง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ๆ จะกลายเป็นการเผชิญหน้าโดยตรง ระหว่างรัสเซียกับนาโตและอเมริกา หรือใกล้จะกลายเป็น “สงครามโลกครั้งที่ 3” อย่างเป็นทางการ แถมอาจกลายเป็น “สงครามนิวเคลียร์” อีกด้วยก็ยังได้ อย่างที่ฝ่ายรัสเซีย ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่ผู้นำสูงสุด ประธานาธิบดี “ปูติน” อดีตผู้นำ “นายDmitry Medvedev” หรือรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ “นายSergey Ryabkov” เขาได้ออกมาเตือนแล้ว เตือนเล่า ส่ง “สัญญาณ” ครั้งแล้ว ครั้งเล่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่า “คำเตือน” เหล่านี้ จะเข้าหูซ้าย-ทะลุออกไปทางหูขวา ของบรรดาผู้นำโลกตะวันตกจนแทบไม่ได้แสดงให้เห็นถึง “สติ” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
ชนิดที่ทำให้อดีตเจ้าหน้าที่ “FBI” ของอเมริกาเอง และผู้ที่นิตยสาร “Times Magazine” เคยให้คำยกย่อง ถือเป็นผู้เตือนภัย หรือ “ผู้เป่านกหวีดแห่งปี” เอาเลยถึงขั้นนั้น อย่าง “นางColeen Rowley” ต้องออกมาสรุปว่า ไล่มาตั้งแต่ตัวผู้นำอย่างประธานาธิบดี “โจ ซึมเซา” ปลัดต่างประเทศ “นางVictoria Nuland” ผู้มีบทบาทสำคัญในการก่อ “ปฏิวัติสี” ขึ้นมาในยูเครนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 ไปจนถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ “นายAntony Blinken” รวมทั้งที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan” บรรดาคนเหล่านี้นี่เอง!!!...ที่กำลังจะลากประเทศอเมริกาทั้งประเทศ เข้าสู่ “Nuclear Armageddon” หรือเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์อันเป็น “สงครามครั้งสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ” ในอีกแค่ไม่กี่วินาที ถ้านับตามเวลาของ “Doomsday Clock” หรือของ “นาฬิกาวันสิ้นโลก” นี่...เสียว-ไม่เสียว คงต้องเก็บไปคิดเอาเองก็แล้วกัน...
แต่ทั้งนั้น-ทั้งนี้...ก็คงขึ้นอยู่กับฝ่ายรัสเซียอีกด้วยเหมือนกัน ว่า “หมีขาว” ตัวนี้ ที่ได้ชื่อว่าดุ-แสนดุมาโดยตลอด จะสามารถระงับความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวเท้า เปรี้ยวตีน ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอรายการ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” อย่างชนิดหนักหน่วงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในแนวรบยุโรปตะวันออก ไม่ต่างไปจาก “พญามังกรจีน” ที่หนีไม่พ้นต้องเจอกับ “ดาวยั่ว” ในแนวรบทะเลจีนใต้ ในลักษณะไม่ต่างไปจากกัน แต่ถ้าฟังจากนักวิเคราะห์สถานการณ์ต่างประเทศ ที่ค่อนข้างแม่นยำพอสมควร อย่างเช่นอดีตท่านทูต “M.K. Bhadrakumar” ที่ให้ความคิด-ความเห็นไว้ในข้อเขียน บทความ ชิ้นล่าสุด เรื่อง “Russia’s Ukraine offensive in suspend animation” หรือที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาแปลและเรียบเรียงไว้ในชื่อ “รัสเซีย...ดูเหมือนจะระงับการเปิดฉากรุกใหญ่ใส่ยูเครนเอาไว้ก่อน” เมื่อวัน-สองวันนี้ ก็ดูจะให้น้ำหนักถึงความรู้จัก “ระงับ-ยับยั้ง” ของฝ่ายรัสเซียอยู่พอสมควร...
เพราะถ้าว่าไปแล้ว...การหันมายึดแนว “สันติภาพ” หรือหันมาเล่น “หมากล้อม” ต่อไปเรื่อยๆ น่าจะก่อให้เกิดความได้เปรียบกว่าการคันมือ คันตีน การลงมือ ลงตีน เป็นไหนๆ ด้วยเหตุเพราะโดยแนวโน้มความเป็นไปของ “โลกตะวันตก” นับแต่บัดนี้ มันก็น่าจะเป็นอย่างที่ผู้บริหารของบริษัทจัดอันดับ “Fitch Rating” “นายJames McCormack” เขาเพิ่งออกมาบอกไว้กับสำนักข่าว “Bloomberg” เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า...โอกาสที่บรรดาประเทศหลักๆ ในโลกตะวันตกทั้งหลาย จะต้องเจอกับภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” ภายในปลายปีนี้ มีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ!!! ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี อิตาลี อังกฤษ ฯลฯ ตลอดไปจนคุณพ่ออเมริกาก็ตาม...
โดยเฉพาะเยอรมนีนั้นออกจะหนักหน่อย...ไม่ใช่แค่ภาวะเงินเฟ้อระดับ 9.3 เปอร์เซ็นต์ ภาวะ “วิกฤตพลังงาน” ที่ทำให้ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกไม่ต่ำกว่า 270,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี จน “ระบบอุตสาหกรรม” ทั้งประเทศ ออกอาการไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มีไปแล้วก็ว่าได้ กระทั่งภาวะการป้องกันประเทศจากการจู่โจมของศัตรูรายใดก็ตาม ตัวรัฐมนตรีกลาโหมรายใหม่ อย่าง “นายBoris Pistorius” ก็เพิ่งออกมาพูดไว้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี่เอง ต่อหน้าสมาชิกพรรคสังคมประชาธิปไตย หรือ “SPD” ว่า “เยอรมนีไม่อยู่ในสภาพที่มีขีดความสามารถเพียงพอต่อการรับมือการโจมตีทางทหารใดๆ ได้” หรือผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพเยอรมนี “พลโทAlfons Mais” ที่ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “DPA Press News” ในลักษณะเดียวกัน ว่างบประมาณระดับ 100,000 ล้านยูโรที่ผู้นำหัวเหม่ง “นายOlaf Scholz” สัญญาว่าจะจัดให้นั้นถือว่าน้อยไป หรือไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เยอรมนีทั้งประเทศมีขีดความสามารถในการปกป้องตัวเอง ด้วยเหตุเพราะต้องตัดแบ่งไปช่วยตัวตลก ตัวแทน อย่างยูเครน จนแทบไม่เหลืออาวุธติดคลังประเทศไปแล้วก็ว่าได้...
แม้แต่ผู้สนับสนุนรายใหญ่สุดอย่างคุณพ่ออเมริกาก็เถอะ...ถึงพยายามเติมเชื้อ เติมไฟ ให้กับสงครามยูเครนแบบชนิดไม่หยุด-ไม่หย่อน แต่ไฟที่กำลังเผาผลาญประเทศตัวเองอยู่ในทุกวันนี้ ก็น่าจะหนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน เรียกว่า...ไม่ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปสักเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่การลดลงของอัตราเงินเฟ้อก็ยังไม่ถึงกับกลับคืนสู่ความเป็นปกติมากมายสักเท่าไหร่ ตลาดหุ้นตลาดทุน ไม่ว่า S&P, Dow Jones, Nasdaq Composite ร่วงผลอยๆ ตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้วมาจนถึงบัดนี้ หรืออยู่ในสภาพ “Death Zone” ดังที่หัวหน้าฝ่าย “US equity strategist” ของบริษัท “Morgan Stanleys” “นายMike Wilson” เขาได้ให้คำนิยามเอาไว้...
ยิ่งถ้าลองไปฟังความคิด-ความเห็นของผู้ที่ไม่ค่อยมองโลกแบบ “โลกสวย” มากมายสักเท่าไหร่ เช่นผู้ที่มีฉายาว่า “Doctor Dom” หรือ “ศาสตราจารย์Nouriel Roubini” ซึ่งเคยทำนายทายทักถึงวิกฤตการเงินปี ค.ศ. 2008-09 แบบแม่นยำเป๊ะๆๆ ที่ได้ออกมาบอกกับสำนักข่าว “ABC” ของออสเตรเลียเมื่อวันพฤหัสฯ (2 มี.ค.) ที่ผ่านมานี่เอง ว่าโลกทั้งโลกกำลังใกล้เจอกับวิกฤตเศรษฐกิจที่ร้ายแรงยิ่งกว่าปี ค.ศ. 1970 และ 2008 หลายต่อหลายเท่า หรือระดับที่ต้องเรียกว่า “Great Stagflation debt crisis” หรืออภิมหาภาวะแห่งการหยุดนิ่งทางเศรษฐกิจพร้อมๆ กับภาวะเงินเฟ้อและการว่างงาน อันจะทำให้บรรดาประเทศที่เต็มไปด้วยภาวะหนี้สินรุงๆ รังๆ ยิ่งต้องเกิด “ความไร้เสถียรภาพ” ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น แล้วประเภทที่กู้หนี้ ยืมสิน ชนิดใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมด อย่างคุณพ่ออเมริกาที่ปริมาณหนี้ปาเข้าไปใกล้ๆ 30 ล้านล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว จะไปเหลืออะไร!!! โอกาสที่จะเหี่ยวปลาย จะเผาไหม้ตัวเอง ไม่เหลือเรี่ยวแรงพอที่จะ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” ใครต่อใครได้อีกต่อไป ย่อมเป็นไปได้สูงเอามากๆ โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปลงมือ ลงตีนใดๆ เอาเลยก็เป็นได้...