xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คลี่แผนสกัดภาษียุคเศรษฐกิจดิจิทัล ทำคลอดกฎหมายซุกเงินต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เดินเครื่องเต็มสูบจัดเก็บรายได้จากภาษีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล สำหรับ “กรมสรรพากร” หน่วยงานด้านภาษี ยืนหนึ่งใน 3 กรมภาษีของรัฐ กับตัวเลขการจัดเก็บภาษีในระยะเวลา 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 จัดเก็บรายได้มากถึง 4.46 แสนล้านบาท เกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10%  

ล่าสุด กรมสรรพากรอยู่ระหว่างดันกฎหมาย “ร่าง พ.ร.บ. การแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร”  ที่เกิดขึ้นจากพัฒนาความร่วมมือในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานสรรพากรระหว่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ไม่ใช่ภาษี เช่น ข้อมูลการเงินฝาก ทรัพย์สินในต่างประเทศ กับหน่วยงานสรรพากรระหว่างประเทศ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ป้องกันเงินนอกกฎหมาย และไม่ให้เกิดการหลบเลี่ยงภาษีจากกลุ่มผู้มีรายได้ที่อยู่นอกประเทศ หรือมีการนำเงินออกไปต่างประเทศเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ

 อธิบายง่ายๆ ก็คือทันทีที่กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ คนไทยที่มีบัญชีมีทรัพย์สินอยู่ต่างประเทศ รายได้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ข้อมูลจะถูกส่งแบบอัตโนมัติ และส่วนคนต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย ก็จะมีการส่งข้อมูลกลับไปยังประเทศต้นทางด้วย เรียกว่าต่อไปนี้สรรพากรจะเห็นข้อมูลการเงินทั้งหมด จากที่ผ่านมาสรรพากรไม่สามารถตรวจสอบได้เลย  

ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิก Global Forum on Transparency and Exchange of Information for Tax Purposes ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่มีสมาชิก 139 ประเทศทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ป้องกันเงินนอกกฎหมาย และไม่ให้เกิดการหลบเลี่ยงภาษีจากกลุ่มผู้มีรายได้ที่อยู่นอกประเทศ หรือมีการนำเงินออกไปต่างประเทศเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ

ความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้สถาบันการเงินต่างประเทศที่มีคนไทยฝากเงินอยู่ จะต้องรายงานข้อมูลการฝากเงินของคนไทยไปให้สรรพากรของประเทศต้นทาง ก่อนที่จะแจ้งกลับมาให้กรมสรรพากรไทยรับทราบ และในทางกลับกัน กรมสรรพากรไทยจะต้องรายงานข้อมูลการฝากเงินของชาวต่างชาติ ที่ฝากเงินในประเทศไทย ให้กับประเทศต้นทางที่เป็นเจ้าของสัญชาติเช่นกัน นับเป็นเครื่องมือช่วยป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี และเงินนอกกฎหมาย ยกตัวอย่าง บรรดา tax haven ทั้งบริติชเวอร์จิน, เคย์แมน ซึ่งเป็นสวรรค์นักลงทุน ก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของ OECD

สำหรับแนวทางสกัดซุกภาษีในต่างประเทศที่เกิดขึ้น เป็นความร่วมมือของ OECD ที่มีสมาชิก 139 ประเทศทั่วโลก เพื่อจัดทำมาตรการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศ เช่น มาตรการกำหนดให้บริษัทข้ามชาติต้องเสียภาษีเงินได้ โดยปันส่วนกำไรมาให้กับประเทศผู้ใช้บริการ ถึงแม้จะไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศที่ให้บริการ  

“การแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวนั้น หมายความว่าเราจะต้องให้ข้อมูลทางภาษีอากรและข้อมูลบัญชีทางการเงิน เช่น หลักทรัพย์ ประกัน เงินฝาก และสินทรัพย์ ของคนต่างชาติในกลุ่มประเทศ OECD ทั้งหมดที่อยู่ในประเทศไทย ในทางกลับกัน ประเทศดังกล่าวก็ต้องส่งข้อมูลดังกล่าวมาให้กับเราเหมือนกัน โดยมีกำหนดการส่งทุกปี” นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ระบุ  


และภายใต้กรอบความร่วมมือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษี OECD มีผลผูกพันให้ประเทศไทย ในฐานะสมาชิกต้องดำเนินการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีอากรและข้อมูลบัญชีทางการเงินกับคู่สัญญาตามความตกลงดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีและข้อผูกพัน ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีอากรและข้อมูลบัญชีทางการเงินดังกล่าวได้ จึงจำเป็นต้องทำคลอดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร

ซึ่งล่าสุด ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการพิจารณาอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ผ่านวาระแรกไปแล้ว แต่ทว่าหากรัฐบาลมีการยุบสภาในเดือน มี.ค. ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะตกไปโดยปริยาย ดังนั้น มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องออกเป็น พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร แทน

เพราะหากไทยออกกฎหมายบังคับใช้ไม่ทันตามข้อตกลงระหว่างประเทศดังกล่าว จะส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินอัตโนมัติได้ตามกรอบความตกลง Global Forum ซึ่งจะส่งผลให้ไทยถูกจัดอยู่ในประเทศที่ไม่มีความโปร่งใสในการบริหารจัดเก็บภาษีถูกแบล็กลิสต์

จัดเป็นกฎหมายเร่งด่วนโดยกรมสรรพากร ซึ่งคาดว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลจะเริ่มตั้งแต่เดือน ก.ย. 2566 ตามการร้องขอต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศเป็นการขยายฐานภาษีทั่วโลก เพิ่มประสิทธิภาพให้คนเข้าระบบ หลบเลี่ยงภาษียากขึ้นส่งผลให้เม็ดเงินภาษีก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ กรมสรรพากร ดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือ OECD เพื่อจัดทำมาตรการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศ เช่น มาตรการกำหนดให้บริษัทข้ามชาติต้องเสียภาษีเงินได้ โดยปันส่วนกำไรมาให้กับประเทศผู้ใช้บริการ ถึงแม้จะไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศที่ให้บริการ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการจัดเก็บภาษี e-Service จากแพลตฟอร์มออนไลน์ของไทยในปัจจุบัน

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร
 สำหรับแพลตฟอร์มต่างประเทศที่เข้าระบบภาษีในประเทศไทย มีจำนวนกว่า 127 ราย อาทิ Google, Facebook, Netflix ฯลฯ โดยกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้มากกว่าที่ประเมินว่าช่วงแรก ประมาณ 5 พันล้านบาทต่อปี แต่ปีงบประมาณที่ผ่านมาจัดเก็บได้เกือบ 1 หมื่นล้านบาท 

ทั้งนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่มแพลตฟอร์มต่างประเทศ มีการจัดเก็บตั้งแต่ 1 กันยายน 2564 อัตราการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากได้รับความร่วมมือกับแพลตฟอร์มจากต่างประเทศ พฤติกรรมการใช้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ของประชาชนเพิ่มขึ้นยังส่งผลให้รายได้ภาษีเพิ่มขึ้น

อนึ่ง รายงานของกระทรวงการคลัง ไตรมาสแรกช่วง 3 เดือนของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม -ธันวาคม 2565) รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ เป็นจำนวนถึง 6.33 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 13.2%

นับเฉพาะกรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ได้มากถึง 446,721 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 35,044 ล้านบาท จัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 8.5% และสูงกว่าเป้า 10 % ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 40,777 ล้านบาท

ตัวเลขภาษีสะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทย ทั้งจากภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม การจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ทำให้มีเงินสะพัดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น

 สำหรับกฎหมายใหม่ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีระหว่างประเทศ ผู้ที่แอบซุกเงินในต่างแดนคงรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กันบ้าง เพราะจากเดิมเป็นข้อมูลการเงินที่กรมภาษีของไทยไม่สามารถเข้าถึง แต่ภายใต้ความร่วมมือ OECD ที่ไทยเป็นสมาชิก ต่อไปนี้กรมสรรพากรจะสามารถเห็นข้อมูลการเงินทั้งหมด ซึ่งเป็นอีกช่องทางจัดเก็บรายได้จากภาษีเข้าประเทศ 



กำลังโหลดความคิดเห็น