เทศกาลวันนักบุญวาเลนไทน์ที่ศักดิ์สิทธิ์ในคริสต์ศาสนา ขณะนี้ได้แผ่ขยายและเจริญงอกงามในทางพาณิชย์เลยเถิดความเมตตา ความรักในมนุษยชาติของนักบุญวาเลนไทน์ไปมากทีเดียว!
ขนาดที่ญี่ปุ่นมีการแปลงสารจนกลายเป็นวันที่หญิงสาวสามารถบอกรัก และขอแต่งงานกับชายที่หมายปอง...ขนาดนั้น
รวมทั้งการส่งดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ถึงการแสดงความรัก ซึ่งดอกไม้ก็ราคาแพงมากๆ แล้วไม่กี่วันดอกไม้ก็จะเหี่ยวร่วงโรยไป; แต่มีการเลือกชนิดของดอกไม้เพื่อวัดถึงฐานะและความยิ่งใหญ่ของฝ่ายที่สามารถ “จ่าย” ในราคาสูงๆ ได้
ยังมีธรรมเนียมใหม่ที่ตีความถึงความรักว่าจะต้องหวานฉ่ำ ซึ่งเทียบได้กับขนมหวานประเภทช็อกโกแลต เป็นต้น ซึ่งก็มีการตีความแปลงออกไปให้ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายส่ง “ขนมหวาน” ให้ฝ่ายชาย เพื่อเปิดเผยความในใจว่า เธอปรารถนามีมิตรภาพกับผู้ที่ได้รับขนมหวานนั้น
มีด้านสว่างก็มีด้านมืดของเทศกาลวันแห่งความรัก ซึ่งขณะนี้มีการตีความขยายเวลาส่งมอบความรัก ที่แต่ก่อนเคยใส่ในซองจดหมาย-กลายมาเป็นส่งดอกไม้, ขนมหวานหรือส่งข้อความ (ผ่านโซเชียลมีเดียทุกรูปแบบ) จาก 1 วันกลายเป็น “เดือนแห่งความรัก” ตลอดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จะได้มีเวลาส่งมอบความรักได้นานหน่อย และฝ่ายการตลาดและพ่อค้าปลีก ตลอดจนร้านขายดอกไม้และขนมหวานจะได้มีเวลาเกือบ 30 วันในการบริการจัดส่งความรัก
ด้านมืดมิดของวันวาเลนไทน์น่าจะเป็นฤดูกาลที่มีการหลอกต้มตุ๋นให้หญิงสาวตกหลุมรักผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งมักใช้รูปของชายหนุ่มหน้าตาดีเป็นภาพหลอก แล้วติดต่อผ่านทางแพลตฟอร์มหาคู่หรือหาเพื่อนคุยแก้เหงา
โดยจะทำให้หญิงสาวหลงรักในภาพลวงตานั้น แล้วก็จะมีการเล่าเรื่องนิทานโกหกที่ทำให้ฝ่ายหญิงสงสารฝ่ายชาย ถึงกับยอมโอนเงินไปช่วยฝ่ายชายหรือฝ่ายชายจะชักชวนไปลงทุนในกิจการที่จะทำกำไรมหาศาล
ที่น่าเศร้าคือ มีผู้หญิงระดับ CEO ของบริษัทใหญ่ๆ (ล่าสุดเป็นบริษัทผลิตแว่นชื่อดังระดับโลก) ที่ตกหลุมรักและเชื่อน้ำมนต์ของกลุ่ม 18 มงกุฎชาวต่างประเทศ ที่สามารถหลอกให้โอนเงินในบัญชีของบริษัทออกไปเป็นกว่า 100 ล้านบาท!
ไม่อยากเชื่อว่า ผู้หญิงนักบริหารระดับ CEO จะหลงคารมหลอกตุ๋นได้ขนาดนี้ แต่ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ทำเอาบริษัทต้องรีบแจ้นติดตามไปยังธนาคาร (ในต่างประเทศ-ชื่อดัง) ที่ทำไมยอมปล่อยให้โอนเงินง่ายๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย, ที่มาที่ไปอย่างชัดแจ้ง!
หลายคนคงคิดว่า หรือ CEO หญิงคนนี้จะร่วมสมคบกับแก๊ง 18 มงกุฎหรือเปล่าคือ เธอไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นผู้ร่วมกระทำผิด
แต่เท่าที่ตามข่าวปรากฏว่า เธอเชื่อจริงๆ และตกหลุมรักจนยอมโอนเงินของบริษัทออกไปให้เจ้าอาชญากรตัวนี้
เหยื่อของแก๊งต้มตุ๋นนี้เกิดขึ้นในแทบทุกประเทศ ในสหรัฐฯ ก็โดนกันระนาว ดูได้จากรายการ American Greed ทางช่อง CNBC ที่ออกอากาศในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์
จะพบความน่าทึ่งของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนร่วมโรงเรียนเก่า, เพื่อนบ้าน, เพื่อนของเพื่อนที่มีการสร้างโปรไฟล์ว่า เป็นคนที่ประสบผลสำเร็จในทางธุรกิจ และอยู่ในหมู่คนมีชื่อเสียงที่ได้ให้ความไว้วางใจ-บางทีพวกแก๊งนี้จะแฝงตัวอยู่กับผู้มีหน้ามีตา มีบารมีในสังคม เพื่อเป็นเกราะกำบัง
บางทีตัวอาชญากรนี้จะสร้างข่าวถึงการเป็นผู้มีคุณธรรมเมตตาสูงส่ง โดยบริจาคเงินให้การกุศลต่างๆ นับไม่ถ้วน (องค์การกุศลก็คือ องค์การสมคบคิดด้วยการฟอกขาวให้กับอาชญากรเหล่านี้)
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ทางการญี่ปุ่นได้ขอทางการฟิลิปปินส์ให้ส่งตัวอาชญากรชาวญี่ปุ่นแก๊ง 4 คน ที่แอบต้มตุ๋นผ่านโซเชียลมีเดีย จนเหยื่อซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่ญี่ปุ่นหลงเชื่อ ยอมโอนเงินไปให้ด้วยหวังว่าจะไปลงทุนในกิจการที่จะสร้างรายได้ให้แก่เหยื่อ...แล้วแก๊งนี้ออกคำสั่งและมีเน็ตเวิร์กอยู่ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งทางการญี่ปุ่นได้ขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาดำเนินคดีที่ญี่ปุ่น
ที่ประเทศจีนก็มีเหล่า 18 มงกุฎที่ถูกทางการจีนกวาดล้าง แล้วอพยพมาตั้งเน็ตเวิร์กที่อาเซียน ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และมีมากมายที่ไทยเรานี่แหละ
พวก 18 มงกุฎนี้จะหลอกต้มตุ๋นทั้งคนจีนในประเทศจีน คนจีนในต่างประเทศ และคนไทยในประเทศไทย
ฤดูกาลวาเลนไทน์ก็เป็นฤดูที่มีการหลอกต้มตุ๋นที่ให้ตกหลุมรักหรือหลอกให้โอนเงินเพื่อเอาไปลงทุน เพื่อสร้างอนาคตรวมกับตัวอาชญากร
การหลอกให้เชื่อว่า อาชญากรจะมอบความรัก, ความไว้วางใจ, ความบริสุทธิ์ใจให้แก่เหยื่อนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับนักการเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะที่ประเทศไทย ที่พูดออกมาได้ว่า
“ผมรักทุกๆ คน รักทุกๆ วัน” โดยไม่แยกแยะว่า ตัวเองจะรักคนชั่วช้าได้ด้วยหรือ ทำไมต้องรักทุกๆ คน
การสร้างภาพว่าเป็นผู้นำประพฤติดี, หวังดีต่อชาติ ทำให้ประชาชนหลงใหลแล้วกลายเป็นเหยื่อไปลงคะแนนให้
ยิ่งถ้าพูดว่า “ผมไม่เคยโกงสักบาทเดียว” ก็ช่างเหมือนเหล่า 18 มงกุฎที่พูดในโซเชียลมีเดียให้เหยื่อหลงใหล และยอมโอนเงินให้...ไม่ใช่ครั้งเดียว...แต่บางรายโดนไปเป็น 10 ครั้งก็ยังตาไม่สว่าง! เหมือนไปกาบัตรให้ไอ้วายร้ายที่เข้าไปโกงชาติ โดยไปกาบัตรให้เป็น 10 ครั้งเช่นเดียวกัน
เพราะถูกต้มเสียเปื่อยยุ่ยนั่นเอง