"โสภณ องค์การณ์"
ช่วงนี้ท่านผู้ทรงเกียรติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นข่าวแทบทุกวันเรื่องไม่ครบองค์ประชุมหรือเข้าไปนั่งในห้องประชุมแต่ไม่แสดงตัวทำให้กิจกรรมของสภาต้องถูกยกเลิก เกิดเหตุอย่างนี้ซ้ำซาก จนเป็นเหมือนกิจวัตรประจำ
ท่านประธานสภาต้องสั่งปิดประชุมแม้บางวันต้องรอ เป็นชั่วโมง ให้ท่านผู้ทรงเกียรติเข้าร่วมประชุม ทำให้ผู้ไปร่วมประชุมเสียเวลา สิ้นเปลืองค่าไฟ ค่าแอร์
ถ้าไม่มาประชุมก็ว่าไปอย่าง แต่การที่ท่านผู้ทรงเกียรตินั่งหน้าสลอนในห้องประชุม นั่งทำหน้าเซ่อ ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่แสดงตัวแบบนี้ถือว่าเป็นความพิสดาร
หลายคนแสดงสีหน้ายิ้มเยาะด้วยความพอใจ ที่กลั่นแกล้งต่างพรรคสำเร็จ
หรือเป็นเจตนาเล่นเกมเพื่อไม่ให้องค์ประชุมครบ ทำอะไรกับร่างกฎหมายไม่ได้เป็นวิธีการ เตะถ่วง ไม่ให้ร่างกฎหมายของพรรคคู่แข่งในผ่าน
ก็เป็นเกมการเมืองที่ไม่ให้พรรคการเมืองคู่แข่งได้คะแนนความนิยมจากชาวบ้านนั่นเอง เรื่องนี้พรรคการเมืองจากบุรีรัมย์รู้ดีว่าโดนเตะตัดขาหลายครั้งแล้ว เรื่องกฎหมายกัญชา แต่ก็ต้องยอมทน ไม่มีทางเลือกอื่น
ต้องไปฟ้องประชาชนในช่วงหาเสียงว่าพรรคใดบ้างที่ขัดผลประโยชน์จากกัญชาของประชาชนที่ใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ ใช้กันแพร่หลาย
เกมการเมืองอย่างนี้ทำกันอย่างซึ่งหน้า ชาวบ้านไม่ได้อะไร ผลงานของผู้ทรงเกียรติก็ไม่มี เป็นการเสียเวลา ที่สำคัญเสียดายเงินภาษีประชาชน สมควรต้องมีมาตรการบางอย่างเพื่อแก้ปัญหานี้ เพื่อ “ดัดสันดาน” นักเลือกตั้งไร้จิตสำนึก
หรือเป็นแค่ “ผู้ทรงเกี๊ยะ” อย่างที่ “ป๋าเหนาะ 28 ตัน” เคยว่าไว้!
ผู้ที่นั่งทำหน้าที่ประธานสภาเคยเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาล ท่านห้าวเป้งแปดเปื้อนยุบสภา ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่องของสภา ฝ่ายบริหารไม่เกี่ยว ซึ่งก็พูดถูก
ท่านห้าวเป้งถูกมองว่าได้รับประโยชน์ จะได้อยู่นานๆ บนเก้าอี้นายกฯ
มีเสียงจากหลายวงการเรียกให้ท่านผู้นำห้าวเป้งประกาศยุบสภาเพื่อให้เลือกตั้งใหม่ แต่ก็มีข้ออ้างจากหน่วยงานที่จัดการเลือกตั้งว่ายังไม่พร้อม เพราะบางพรรคการเมืองยังไม่พร้อม ต้องมีการทำไพรมารีโวต คัดเลือกตัวแทนเบื้องต้น
ชาวบ้านก็ถามว่าถ้าเป็นอย่างนี้จะมีสภาผู้แทนต่อไปเพื่ออะไร จะให้นักการเมืองเล่นเกม แต่ชาวบ้านไม่ได้อะไรบ้านเมืองก็เสียหายเช่นนั้นหรือ
พฤติกรรมหลายอย่างมีเงื่อนงำ เหมือนกับว่าต้องการจะยื้อการเลือกตั้งออกไปให้นานที่สุด คนที่อยู่ในรัฐบาลย่อมต้องการอยู่ต่อเหมือนจะรู้ว่าถ้าเลือกตั้งแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก ดังนั้นต้องรวมเวลาที่นั่งรักษาการด้วย
การเมืองด้อยพัฒนาอย่างนี้ สะท้อนให้เห็นความไร้วุฒิภาวะ จิตสำนึกความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่แสดงออกผ่านพฤติกรรมและการเล่นเกม
หลายครั้งที่ประชุมไปแล้ว มีเสียงเรียกให้นับองค์ประชุม นับแล้วไม่ครบ เพราะท่านผู้ทรงเกียรติไม่แสดงตัว ก็ต้องเลิกประชุม การทำอย่างนี้ต้องโดนดัดหลัง
ให้แก้กฎสภาใหม่ ถ้านั่งอยู่ในห้องประชุม ไม่แสดงตัว ถือว่าขาดประชุม ไม่มาทำงาน ต้องตัดเงินเดือน หรือว่าให้จ่ายค่าจ้าง สส. เป็นรายวัน เหมือนแรงงานทั่วไป
ไม่มาทำงาน ก็ไม่ต้องได้ค่าจ้าง สส. และ สว. ทำงานไม่กี่เดือนในแต่ละปี เดือนละไม่กี่วัน มีช่วงปิดสภา ไม่ต้องทำงาน ได้รับเงินเดือนเต็ม เป็นอาชีพเดียวทำเช่นนี้ได้
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งที่ยังไม่กำหนด การเบี้ยวงานยิ่งถี่ สื่อรายงานสภาล่ม สส.
ไม่กระตุ้นต่อมจิตสำนึกของท่านผู้ทรงเกียรติ นักเลือกตั้งแต่อย่างใด บางคนอ้างว่าเป็นวิธีบีบให้ท่านห้าวเป้งยุบสภา แต่มาตรการนี้ไม่ได้ผล มีตัวช่วยให้ยื้อ
อ้างกฎหมาย เหตุต่างๆ นั่นนี่โน่น แล้วแต่จะสรรมามาแก้ต่าง
ถ้าจะให้ดี ถ้ามีวาระประชุม ให้ท่านประธานปิดห้อง ห้ามออก ใครจะไปเข้าห้องน้ำต้องขออนุญาต เหมือนเด็กนักเรียนชั้นประถม ป้องกันไม่ให้ห้องประชุมโล่ง
ท่านผู้ทรงเกียรติต้องโวยวาย หาว่าไม่ให้เกียรติ โตๆ มีวุฒิภาวะกันแล้ว ไม่ใช่ว่า สส. ทุกคนเป็นอย่างนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ปลาเน่าหลายตัว เน่าทั้งข้อง
ถ้าย้อนมองกลับไป ในจำนวน สส. และ สว. รวม 750 คน ตลอดเวลาอายุของสภา มีสักกี่คนได้แสดงตัวลุกขึ้นแสดงความคิดเห็น อภิปรายเนื้อหาจริงจัง ในวาระปกติ ยกเว้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ สส. ต่างแย่งกันขอเวลาให้มากที่สุด มี ส.ส. กี่เปอร์เซ็นต์ใน 500 คนที่แสดงความคิดเห็นจริงจัง ไม่ใช่การประท้วงทำตัวเป็นบริวาร บ่าวผู้ภักดีต่อเจ้านาย ทำหน้าที่ปกป้อง หรือเสนอให้ปิดการประชุม
ยิ่ง ส.ว. ก็มีน้อย ที่แสดงความเห็น ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกษียณอายุ ทั้งชีวิตรับราชการอยู่ในกฎระเบียบ ต้องรับฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา กว่าจะเป็นใหญ่ ใกล้เกษียณ ไม่ได้แสดงความคิด ทั้งยังเป็น ส.ว. แต่งตั้ง ไม่ได้มาจากประชาชน
จึงถูกมองว่ารับหน้าที่ “ตรายาง” ยกมือเป็นฝักถั่ว เมื่อ “ท่าน” สั่งว่าจะให้เห็นด้วยหรือคัดค้าน ชาวบ้านมองว่าหน้าที่หลักใน 5 ปี คือการเลือกนายกรัฐมนตรีตามใบสั่ง เลือกได้ 2 ครั้ง การเลือกตั้งหน้านี้ก็แล้วแต่ว่า “ลุง ป.” ไหนจะได้เป็น
คุ้มค่าหรือไม่ กับเงินเดือนแสนกว่าบาท พร้อมผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา
คงมีชาวบ้านไม่กี่คนตอบว่าคุ้มค่าเงิน น่าจะเป็นพวกไม่เสียภาษี น่าอุจาดที่สุดคือเสียงเรียกร้องให้เพิ่มเงินเดือน ค่าช่วยเหลือสวัสดิการต่างๆ โดยไม่ต้องมีใครสั่ง
ทำงานไม่รู้หน้าที่ ไม่คุ้มค่าเงิน จ้องแต่จะหาผลประโยชน์ บ้านเมืองไม่มีทางเลือกในระบอบ “ธนาธิปไตย” เงินเป็นใหญ่ ชาวบ้านก็บอกว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น” เข้าไปใช้สิทธิไม่ถึง 1 นาทีในคูหาเลือกตั้ง ชาวบ้านต้องทนอีก 4 ปี
สมแล้วกับคำว่า “ประชาชนเป็นอย่างไร ก็ได้ ส.ส. อย่างนั้น”