xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

BANGKOK DANGEROUS เช็กขุมกำลังแต่ละค่าย ชิงเค้กใหญ่สนาม กทม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ป้อมพระสุเมรุ


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สนามใหญ่ “เมืองหลวง” กทม. ที่มีเก้าอี้ ส.ส.ให้ชิงชัยมากถึง 33 ที่นั่ง แถมมีความพิเศษในความไวต่อ “กระแส” จนแทบไม่มีใครสามารถผูกขาดเป็นเจ้าของพื้นที่ได้อย่างแท้จริง กลายเป็น “เค้กก้อนใหญ่” ที่ทุกพรรคการเมืองต่างหมายปองขอปักธงเมืองหลวงให้ได้
ย้อนไปเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ด้วยหลายปัจจัยการเมือง ทำเอาผลการเลือกตั้งในสนาม กทม.ที่มี 30 ที่นั่งคราวนั้น ออกมาแบบ “หักปากเซียน” แทบต้องสังคายนาทฤษฎีการเมืองมาเขียนกันใหม่ ตั้งแต่การสูญพันธุ์ของ “ค่ายสีฟ้า” พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกมองว่า เป็นเจ้าถิ่น แต่กลับไม่มี ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว

การพรวดพราดขึ้นมาของน้องใหม่ “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล ที่ขี่กระแส “ธนาธรฟีเวอร์” แล้วยังได้อานิสงส์จากการยุบ “พรรคไทยรักษาชาติ” เครือข่ายของพรรคเพื่อไทย จนเข้าวินไปได้ถึง 9 เขตเลือกตั้ง พร้อมด้วย 8 แสนคะแนน ขึ้นแท่นป๊อปปูลาร์โหวตเมืองหลวง
ส่วน “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ติดหล่มกลยุทธ์แตกแบงก์พัน จนส่งไม่ครบทุกเขต แต่ก็ประคองตัวคว้ามาได้ 9 ที่นั่ง...ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐาน
ขณะที่แชมป์เก้าอี้ ส.ส.กทม. ตกเป็นของ “นั่งร้าน คสช.” พรรคพลังประชารัฐ ที่ก่อนปิดคูหายังปรามาสกันว่า ไม่น่ารอดสันดอน กลับเข้าวินไปได้ถึง 12 ที่นั่งด้วยกัน จากกระแส “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่” ที่อัดเข้ามาในช่วงโค้งสุดท้าย
มาถึงการเลือกตั้งปี 2566 ภูมิศาสตร์การเมืองในนครบาลก็ยังคงคาดเดาไม่ง่ายเหมือนเช่นเคย แม้จะมีผลเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เมื่อปีกลายให้อ้างอิง แต่ด้วยกระแส “ชัชชาติฟีเวอร์” จน “อาจารย์ทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะไปได้อย่างถล่มทลาย ก็ทำให้ประเมินยากว่า พฤติกรรมกาบัตรของคนกรุงจะยังคงเหมือนเดิมหรือไม่


ด้วยผลการเลือกตั้ง ส.ก.ที่ออกมา 50 เขต ปรากฎว่า พรรคพลังประชารัฐ ที่ยังมี ส.ส.กทม.ในตอนนั้นเต็มพื้นที่ แต่ด้วยกระแสขาลง ทำให้คว้าที่นั่ง ส.ก.ได้เพียง 2 เขต เท่ากับพรรคไทยสร้างไทย ของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ได้มา 2 ที่นั่งเช่นกัน อีก 3 ที่นั่งเป็นของกลุ่มรักษ์กรุงเทพ ที่เป็นทีมของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ที่ว่ากันว่าอิงกับฐานเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ

ด้าน พรรคประชาธิปัตย์ แม้จะไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ก็ถือว่า “ฟื้นจากหลุม” ได้มา 9 ที่นั่ง ส.ก. พรรคก้าวไกล ได้มา 14 ที่นั่ง มาเป็นอันดับ 2 ส่วนแชมป์เป็นของพรรคเพื่อไทย ที่กวาดไปถึง 20 ที่นั่ง ด้วยปัจจัยความนิยมของพรรค พ่วงกับความเป็นเนื้อเดียวกับ “ชัชชาติ” ที่ลงในนามอิสระ

หากคะเนตามสายตาก็ต้องบอกว่า หากลือกตั้งวันนี้พรุ่งนี้ ก็เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะกลับมาขึ้นแท่นเจ้านครบาลได้อีกครั้ง ตามมาด้วย พรรคก้าวไกล ที่ถือว่าได้รับความนิยมจากคน กทม. ส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ก็คงได้กลับมาปักธงในเมืองหลวง ลบล้างฝันร้ายเมื่อ 4 ปีก่อน ที่น่าห่วงคงเป็น “พรรค 2 ลุง” ทั้ง พรรคพลังประชารัฐ ที่ขาลงขั้นสุด แถมหัวหน้าพรรคอย่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่ถือเป็นจุดขายได้ และอาจถูกแทนที่ด้วย พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มียี่ห้อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่คงไม่ปังเท่ากับพรรคพลังประชารัฐเมื่อปี 2562

ที่ว่าไปเป็นเพียงการคะเนตามสถิติความน่าจะเป็น เพราะถึงเวลาโรมรันกันในสนามเชื่อว่าไม่มีใครยอมใคร ซัดกันด้วย “แอร์วอร์-กราวน์วอร์” อย่างเต็มเหนี่ยวแน่นอน ด้วยต้องถือว่าสนาม กทม.ไม่ได้เป็นเพียงที่นั่ง ส.ส.ให้ช่วงชิงเท่านั้น ยังถือเป็นสนามที่ชี้วัดถึงกระแสการยอมรับในภาพกว้างด้วย


จึงได้เห็นแต่ละพรรคการเมืองขยับวางตัว “แม่ทัพ-นายกอง” คึกคักเป็นพิเศษสำหรับสนาม กทม. เริ่มที่ “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ที่มี “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด สายตรง “นายใหญ่ดูไบ” ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าภาพพื้นที่ กทม. หลังจากสร้างผลงานเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่-จตุจักร และสนาม ส.ก.ได้อย่างน่าพอใจ จนถูกขนานนามให้เป็น “มาดามนครบาล” บวกกับ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ที่วันนี้ติดป้ายหน้าตัวเองโปรโมททั่วกรุง เพื่อให้นึกย้อนถึง “ทักษิณ” ผู้พ่อ ที่เคยสร้างปรากฎการณ์ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเลือกตั้ง 2544 และ 2548 มาแล้ว

ทั้งยังมี “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจ ที่ใกล้มาร่วมทัพอย่างเต็มตัว หลังประเดิมควง “น้องอิ๊ง” ไปลงพื้นที่เยาวราช เมื่อช่วงเทศกาลตรุษจีน เชื่อว่าจะเรียกแต้มคนกรุงให้พรรคเพื่อไทยได้พอสมควร

ถัดมาที่ “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล ที่มี “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค มอบหมาย “เฮียโรจน์” วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.ฝีปากกล้า ที่มารับบทหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายกรุงเทพฯ เคยชิมลางไขก๊อกจาก ส.ส.มาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. สร้างสีสันได้พอสมควร แต่ไม่สามารถฝ่ากระแส “ชัชชาติฟีเวอร์” ได้เช่นเดียวกับผู้สมัครรายอื่น แต่ถือว่าได้คะแนนมาเป็นที่น่าพอใจในลำดับที่ 3 ที่ตามหลังลำดับที่ 2 เพียง 800 แต้มเศษเท่านั้น

ด้วยมาตรฐานของพรรคก้าวไกล ในสนามเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร รวมทั้งสนาม ส.ก. ที่ไม่ดรอปไปจากสมัยพรรคอนาคตใหม่ ก็เชื่อว่าแม้ไม่มี “ธนาธรฟีเวอร์” แล้ว แต่ “ค่ายสีส้ม” ก็ยังไปได้ในสนามนครบาล หากไม่ไปสะดุดขาตัวเองจากประเด็นหวาดเสียวเสียก่อน

“ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องกู้ศรัทธาคืนมา จัดหนักจัดเต็มแน่นอน มี “พี่เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่เข้าป้ายมาเป็นที่ 2 เป็นแม่ทัพใหญ่ เสริมด้วย “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค อดีต ส.ส.พลังประชารัฐ และเจ้าแม่สื่อย่านบางนา โดยมี “เฮียโย่ง” องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ดีกรี ส.ส.กทม.หลายสมัย คัดท้ายให้ โดยต้องยอมรับว่าผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของ “ค่ายสะตอ” ที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นอดีต ส.ส. อีกทั้งต้นทุนความเป็นพรรคเดก่าแก่ก็ยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่ จึงเชื่อว่างวดนี้ “ค่ายสีฟ้า” คงกลับมาปักธงเมืองหลวงได้อีกครั้งอย่างแน่นอน


ฟาก “ค่ายลุงป้อม” พรรคพลังประชารัฐ เพิ่งเปิดตัว “เสี่ยจั้ม” สกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ที่สร้างผลงานได้โดดเด่นคนหนึ่ง และเป็นอดีตหนึ่งในทหารเสือ กปปส.ที่ร่วมสร้างปรากฎการณ์แชมป์เมืองหลวงเมื่อคราวก่อน กลับมาเสริมทีมเมืองหลวง ที่มี “มาดามแหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ดูแลอยู่ และมี “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล อดีตนายทุนพรรคประชาธิปัตย์ มาสนับสนุนเรื่องยุทธปัจจัย ทว่าด้วยความที่ “ลุงป้อม” อาจจะขายยากสำหรับคนกรุง อีกทั้ง 12 ส.ส.ที่เคยได้มา ลงท้ายเหลืออยู่เพียงหน่อเดียวเท่านั้น ก็ทำให้พรรคพลังประชารัฐน่าจะเหนื่อยหนักกับการรักษาแชมป์เมืองหลวง

ที่ว่าไปถือเป็น 4 พรรคตัวยืนที่มีโอกาสคว้าที่นั่ง ส.ส.กทม.ได้ด้วยพื้นฐานเดิมของแต่ละพรรค ยังมีพรรคที่อาสาสอดแทรกมารับใช้คนกรุง และพร้อมมาช่วงชิงที่นั่ง ส.ส.กทม.ที่น่าสนใจอีกอย่างน้อย 4-5 พรรค

ตั้งแต่ “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย ขาใหญ่ภูธร ที่งวดนี้ขอท้าทายสนามเมืองหลวงอีกครั้ง หลังเคยพยายามมาแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ งานนี้ได้ “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อดีตแกนนำพรรคพลังประชารัฐ มาเสริมทัพ พร้อมกับการดึง ส.ส.กทม.ชุดที่ผ่านมาเข้ามาร่วมทีมหลายคน อาทิ ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีต ส.ส.ดินแดง-ห้วยขวาง, กรณิศร์ งามสุคนธ์รัตนา อดีต ส.ส.คลองเตย, จักรพันธ์ พรนิมิตร อดีต ส.ส.ตลิ่งชัน, พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ อดีต ส.ส.ดุสิต, กษิดิ์เดช ชุติมันต์ อดีต ส.ส.ลาดพร้าว และ ภาดาท์ วรกานนท์ อดีต ส.ส.พญาไท รวมไปถึง โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.จอมทอง ที่ดึงเข้ามาก่อนหน้านั้น


ว่ากันว่า งวดนี้ พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ที่มีลุ้นชองชัยเก้าอี้นายกฯตีธงต้องปักหมุด กทม.ให้ได้ โดยมีตัวความหวังอยู่ที่ “ประเดิมชัย-กรณิศร์-ภาดาท์”

ด้าน “ค่ายเจ๊หน่อย” พรรคไทยสร้างไทย ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าของสมญา “เจ้าแม่เมืองหลวง” ก็ถือว่าวางตาไม่ได้ แม้กระแสพรรคจะยังไม่ติดลมบน และยังกึกกักควบรวมกับ พรรคสร้างอนาคตไทย ของ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่สะเด็ดน้ำ แต่ชื่อขั้น “หญิงหน่อย” ก็ไม่ธรรมดา แถมได้ลูกรักอย่าง “ผู้การป๊อป” น.อ.อนุดิษฐ์ นาตรทรรพ อดีต ส.ส.สายไหม และ “เสี่ยเก่ง” การุณ โหสกุล อดีต ส.ส.ดอนเมือง มาสวมเสื้อพรรค ก็คาดว่าทั้งคู่จะยังรักษาพื้นที่ไว้ได้ แม้ว่าที่เขตสายไหม “ผู้การป๊อป” อาจหลบให้คนอื่นลงเขตแทน ส่วนตัวขึ้นไปอยู่บัญชีรายชื่อเพื่อร่วมขับเคลื่อนพรรคในภาพรวม


มาที่ “ค่ายลุงตู่” พรรครวมไทยสร้างชาติ ภายใต้การนำของ” “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และ “เลขาฯ ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ดลขาธิการพรรค ที่วันนี้กระแสพรรคในเมืองกรุงยังไม่ฉูดฉาด แต่ก็แรงพอที่จะดึง ส.ส.กทม.จากพรรคอื่นมาร่วมงานได้ อาทิ ประสิทธิ์ มะหะหมัด ส.ส.หนองจอก พรรคพลังประชารัฐ, ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.บางกะปิ พรรคพลังประชารัฐ, โกวิทย์ ธารณา อดีต ส.ส.บางแค 4 สมัย, ชื่นชอบ คงอุดม อดีต ส.ส.บางซื่อ ที่มีกองหนุนชั้นดีอย่าง ชัชวาลล์ คงอุดม ที่ปรึกษานายกฯ ผู้พ่อ และ สามารถ มะลูลีม อดีต ส.ว.กทม. และอดีต ส.ส.พระโขนง เป็นต้น

พรรคที่น่าจับตาว่า จะมีโอกาสสอดแทรกเสียบ ส.ส.เขต กทม.ได้บ้าง ก็ยังมี พรรคเสรีรวมไทย ที่มี “บิ๊กตู่” พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส เป็นหัวหน้าพรรค ที่ต้องยอมรับว่า ในแง่ตัวบุคคล “บิ๊กตู่” ถือว่าได้รับการยอมรับในภาพกว้าง และเป็นที่นิยมชมชอบใน กทม.พอสมควร หากแต่จะสามารถต่อยอดส่งลูกพรรคเข้าป้ายได้หรือไม่เท่านั้น รวมไปถึงข่าวคราาวปัญหาสุขภาพที่อาจทำให้ “พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์” เป็นได้แค่กองเชียร์ข้างสนามในการเลือกตั้งหนนี้

อีกพรรคต้องจับตามองไปที่ พรรคชาติพัฒนากล้า แม้กระบวนการควบรวมและชื่อพรรคอาจแปร่งหู แต่ชื่อชั้น “เสี่ยดอน” กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และมือขวาอย่าง “เสี่ยเอ๋” อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ต่างก็มีดีกรีอดีต ส.ส.กทม.ทั้งคู่ โดยเฉพาะ “เสี่ยดอน” ที่ถือว่า ได้รับการยอมรับในกลุ่มคนรุ่นใหม่-รุ่นกลาง หากแต่จังหวะทางการเมืองไม่ดีเท่านั้นเอง

แว่วว่าทั้ง “กรณ์-อรรถวิชช์” กำลังประเมินถึงโอกาสในการคว้าที่นั่ง ส.ส.กทม. โดยอาจจะตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.เขตด้วยตัวเองทั้งคู่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็ต้องถือว่า คู่แข่งที่ต้องเจอกับ “กรณ์-อรรถวิชช์” เหนื่อยแน่

ที่ว่าไปก็เนเพียงภาพรวมของ “ขุนพล-ตัวความหวัง” ของแต่ละค่ายในพื้นที่ กทม. ยังมีปัจจัยชี้หวังอีกมากก่อนถึงวันเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งพื้นที่เขตต่างๆ ที่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ หรือนโยบายของแต่ละพรรค ตลอดจนฝีไม้ลายมือบนเวทีดีเบต ที่อยู่ในความสนใจของคนกรุง

สำคัญที่คือ “กระแส” ที่ถือเป็นจุดชี้วัดสำคัญสำหรับสนามเลือกตั้ง กทม.ทุกครั้งที่ผ่านมา.


กำลังโหลดความคิดเห็น