ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การเทกโอเวอร์เอสโซ่ของบางจาก ถือเป็นบิ๊กดีลสะท้านวงการพลังงานใต้ฟ้าเมืองไทยในเวลานี้ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะบางจากกำลังไต่ทะยานขึ้นแท่นผู้นำในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และพร้อมเปิดแนวรบสถานีบริการน้ำมันที่เคยห่างชั้น PTT และ PTG แบบชนิดที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอ
บางจากฯ ประกาศซื้อหุ้นและทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของเอสโซ่ (ประเทศไทย) โดยทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับจาก ExxonMobil เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 สัดส่วน 65.99 % ที่มีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และเตรียมทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ซื้อหุ้นเอสโซ่ทั้งหมดต่อไป
ส่วนราคาซื้อขายหุ้น หากอ้างอิงตามงบการเงินไตรมาส 3/2565 เบื้องต้นประมาณ 8.84 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ภายในครึ่งหลังของปี 2566 พร้อมก้าวสู่บริบทใหม่เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและการเข้าถึงของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ได้มีมติเอกฉันท์อนุมัติการเข้าทำธุรกรรมและเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. (“ExxonMobil”) โดยบางจากฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ExxonMobil เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 และคาดว่าจะสามารถดำเนินการซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ภายในครึ่งหลังของปี 2566 โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนด และเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด (tender offer) ของเอสโซ่ หลังจากการทำธุรกรรมกับ ExxonMobil เสร็จสิ้น
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทางพลังงานที่มากขึ้นของบางจากฯ และประเทศไทย เป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เพิ่มความยั่งยืนและเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น เชื่อมั่นว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมสู่บริบทใหม่สำหรับบางจากฯ และประเทศไทย
การลงทุนครั้งนี้มีสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องคือโรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท โดยจะทำให้บางจากฯ มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง สามารถดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น จัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น และได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง และการให้บริการด้านการตลาดที่ครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้ยิ่งขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มพูนทักษะและความสามารถของพนักงาน สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและก่อให้เกิดการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า และเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มบริษัทบางจากในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
การเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 65.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ เอสโซ่จาก ExxonMobil โดยมีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และมีกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้นตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น ทั้งนี้ หากอ้างอิงตามงบการเงินสอบทานในไตรมาส 3/2565 ของเอสโซ่ จะได้ราคาเบื้องต้นประมาณ 8.84 บาทต่อ 1 หุ้น หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยราคาสุดท้ายจะมีการปรับตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้
สำหรับแหล่งเงินทุน บางจากฯ จะใช้เงินทุนทั้งแหล่งภายนอกจากสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และจากกระแสเงินสดภายในบริษัทและเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นจาก ExxonMobil เสร็จสิ้น อนึ่ง ExxonMobil จะยังคงดำเนินธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ การเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นจะอยู่ภายใต้การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 โดยคาดว่าจะดำเนินการซื้อขายแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี 2566
ด้านเอ็กซอนโมบิลออกแถลงการณ์ขายหุ้นเอสโซ่ ประเทศไทยให้บางจาก ครอบคลุมถึงโรงกลั่นน้ำมันศรีราชาและเครือข่ายสถานีบริการตราเอสโซ่ในประเทศไทย โดยเอ็กซอนโมบิลยังคงจัดหาผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและผลิตภัณฑ์เคมีในประเทศไทยต่อไป
“เอ็กซอนโมบิล ใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการลงทุนด้านการผลิตทั่วโลกเพื่อตอบสนองความต้องของโลก ด้านเชื้อเพลิงที่ปล่อยก๊าซน้อยลงและผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ในขณะเดียวกันก็ขายสินทรัพย์ที่มีผู้อื่นเห็นศักยภาพในการสร้างมูลค่ามากขึ้น” คาเรน แม็กคีย์ ประธาน บริษัท เอ็กซอนโมบิล โพรดัก โซลูชันส์ กล่าวและว่า “เราตระหนักถึงความสามารถและความมุ่งมั่นของเพื่อนพนักงานในประเทศไทยที่ได้จัดหาผลิตภัณฑ์ให้แก่ตลาดในประเทศไทยและประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขงได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัยมากว่า 125 ปี และขอขอบคุณเพื่อนพนักงานที่ทุ่มเทในการทำงาน”
เอ็กซอนโมบิล จะยังคงจัดหาผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและผลิตภัณฑ์เคมีภายใต้ตราของเอ็กซอนโมบิลให้แก่ตลาดในประเทศไทยผ่านการจัดตั้งบริษัทใหม่ ส่วนกิจกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิล และศูนย์ธุรกิจระดับโลกกรุงเทพ ซึ่งมีพนักงานประมาณ 2,000 คน จะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
การปิดดีลเทกโอเวอร์ดังกล่าว ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ซึ่งเปิดตลาดเช้าวันที่ 12 ม.ค. 2566 ยืนอยู่ที่ราคา 34.50 บาท เปลี่ยนแปลง +2.75 บาท หรีอเพิ่มขึ้น 8.66% จากราคาปิดวันก่อนหน้า โดยราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 34.75 บาท เปลี่ยนแปลง +3 บาท หรีอเพิ่มขึ้น 9.45%
สวนทางกับราคาหุ้นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ที่เปิดตลาดเช้าที่ราคา 9.35 บาท เปลี่ยนแปลง -1.75 บาท หรีอลดลง 15.76% จากราคาปิดวันก่อนหน้า โดยราคาหุ้นร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดที่ราคา 9.25 บาท เปลี่ยนแปลง -1.85 บาท หรีอร่วงลงกว่า 16.67%
เบื้องหลังการเข้าเทกโอเวอร์เอสโซ่ของบางจากนั้น เป็นไปตามกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทบางจากที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ประกอบธุรกิจโรงกลั่นและสถานีบริการน้ำมัน (R&M) ชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงานทางด้านพลังงานที่สำคัญมาอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสัญชาติไทย
ทั้งนี้ บริษัทจะมีคลังน้ำมันและสินค้าผลิตภัณฑ์ที่สามารถจัดเก็บน้ำมันได้ประมาณ 15 ล้านบาร์เรล จะช่วยเพิ่มจำนวนเชื้อเพลิงสำรองและความมั่นคงด้านพลังงาน และส่งผลให้บริษัทมีสถานะเป็นโรงกลั่นขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยพิจารณาในแง่ของกำลังการผลิตติดตั้ง 294 พันบาร์เรลต่อวัน
ขณะเดียวกัน ดีลดังกล่าวยังทำให้บางจากนั้นมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นมาเป็น 25% จากเดิม 15% ซึ่งจะทำให้บางจากเป็นรองแค่ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เท่านั้น
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) รายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า ในเชิงกลยุทธ์เติบโตระยะยาวเรามอง positive เพราะสามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็วโดยไม่ส่งให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมเพิ่มสูงมาก โดยด้านธุรกิจโรงกลั่นกำลังการกลั่นของ BCP จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของกลุ่มได้ทันที และยังมี capacity เหลือสามารถรองรับการขยายตัวของสถานีบริการน้ำมันของ BCP ในอนาคตได้ในระยะยาว
ส่วนด้านธุรกิจการตลาด (สถานีบริการน้ำมัน) จะเพิ่มจำนวนสถานีบริการฯได้ทันที 59% จนขึ้นมาใกล้กับอันดับ 1 และ 2 อย่าง PTG และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดสินค้า Lube บริการซ่อมรถยนต์ รวมถึงบริหารด้านขนส่งได้ในระยะยาว
ปัจจุบัน กลุ่ม Mobility ของ OR ครึ่งปีแรก 2565 มีสถานบริการน้ำมัน PTT ราว 2,103 สถานี เพิ่มขึ้น 76 สาขา, EV Station PluZ 112 แห่ง เพิ่มขึ้น 81 แห่ง, สถานีบริการ LPG 234 แห่ง เพิ่มขึ้น 20 แห่ง, ศูนย์บริการยานยนต์ Fit Auto 78 สาขา ส่วนบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) มีสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG ภายใต้แบรนด์ PT ทั่วประเทศกว่า 2,181 สาขา
บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง มองว่าดีลนี้ส่งผลให้กำลังการกลั่นของกลุ่มบางจาก เพิ่มขึ้น 145% เป็น 294,000 บาร์เรล/วัน และจำนวนสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 780 แห่ง (ESSO) เป็น 2,100 แห่ง
นับจากนี้ต้องจับตาการพลิกโฉมหน้าธุรกิจใหม่ของบางจาก ที่ไต่ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และการแข่งขันของสถานีบริการน้ำมันที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นสูสีกับสองเจ้าใหญ่ที่ครองมาร์เก็ตแชร์อยู่แต่เดิม