xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ฉีกหน้ากาก “นอท กองสลากพลัส” จับตา “2 บริษัทคู่ค้า” เจ้าหนี้กู้เงิน ตามล่าหาแบ็คใหญ่ “ไซเบอร์สีกากี”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ดูทรงแต้มบุญคงใกล้หมดสำหรับ “นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กองสลากพลัส (บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด) และ นายกสมาคมผู้ค้าลอตเตอรี่ออนไลน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เสี่ยนอท กองสลากพลัส” ถึงได้เจอวิบากกรรมแบบรัวๆ มิหนำซ้ำเจ้ากรรมนายเวรรายล่าสุดยังเป็นสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยื่นเรื่องให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ปิดกั้นการขายสลากออนไลน์ของแพลตฟอร์มเอกชนที่ขายสลากเกินราคา

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสี่ยนอท เศรษฐีหมื่นล้าน โตเร็วเกินไปหรือไม่ถึงทำให้กองสลากพลัส กลายเป็นเขตพื้นที่กระสุนตก มรสุมคดีความกระหน่ำเข้ามาไม่ยั้ง ซึ่ง “เสี่ยนอท” ก็รู้ตัวว่าถูกล็อกเป้าสอยแต่ลั่นไม่มีถอย แถมปี 2566 นี้ยังวาดฝันใหญ่โตตั้งเป้าจะเอากองสลากพลัสเข้าเทรดในตลาดหุ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ดี กว่าจะถึงวันนั้น เสี่ยนอทคงต้องกรำศึกอีกหลายยก ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ยังอยู่ในโหมดความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เพราะหลังจากเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2566 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกมาชี้แจง ในวันที่ 13 ม.ค.66 เวลา เนื่องจากหลักมีฐานคดีที่ดีเอสไอขยายผลสืบสวนจากมูลฐานความผิดเกี่ยวกับขบวนการฟอกเงิน ยาเสพติด การพนันออนไลน์ แล้วพบเส้นทางเงินที่เชื่อมโยงมายังพบผู้บริหารกองสลากพลัส ในเวลาต่อมาอีกไม่นานคือเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา กองสลากพลัส ก็เจอฟันซ้ำจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ตามหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้จดทะเบียน และร่วมกันเสนอจำหน่าย และจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังไม่ได้ออกรางวัลเกินราคาที่กฎหมายกำหนด” และล่าสุดคือปฏิบัติการจาก “สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล” ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
 
แน่นอน คดีความที่สำคัญที่สุดก็คือการถูกออกหมายรียกให้ไปชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินจากขบวนการฟอกเงิน ยาเสพติด การพนันออนไลน์ ที่พบความเชื่อมโยงกับผู้บริหารกองสลากพลัส

เนื่องด้วยคำถามที่สังคมมีต่อ “ “นอท กองสลากพลัส” ก็คือ แต่ละงวด แต่ละเดือน เขาเอาเงินมาจากไหนมากมาย มากว้านซื้อหวยงวดละ 13-14 ล้านใบ เพราะเมื่อคิดคำนวณตัวเลขแล้วจะตกอยู่ที่ประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบุคคลที่ไม่มีภูมิหลังทางธุรกิจปรากฏเด่นชัดหรือเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยมาแต่เก่าก่อน

นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กองสลากพลัส (บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด)

นอท - พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์
ชำแหละเส้นทางเงินกองสลากพลัส”
พบ “ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” แหล่งทุนสำคัญ

ทั้งนี้ ถ้าวิธีการบริหารการเงินในการไล่ซื้อสลากในแต่ละงวด แต่ละเดือนเป็นอย่างที่ “นอท” กล่าวอ้าง ก็หมายความว่า เขาต้องหมุนเงินประมาณ 2 รอบ หรือแปลไทยเป็นไทยได้ว่าต้องมีเงินอย่างน้อย 600-700 ล้านบาท ในการซื้อสลากและเอาเงินสดที่ขายลูกค้ามาซื้อสลากอีกรอบหนึ่ง ภายในระยะเวลา 4-5 วันที่ลูกค้ารุมกันเข้ามาแย่งซื้อสลากบนแพลตฟอร์ม “กองสลากพลัส” ในราคา 100 กว่าบาท

“เงินที่ผมเอามาทำธุรกิจทั้งหมดเป็นเงินกู้ยืมมา มีนายทุนให้ผมกู้ ซึ่งเมื่อก่อนก็เป็นรายใหญ่ (จำนวน 2 คน) แต่ ณ ปัจจุบันเป็นรายย่อยทั่ว ๆ ไป ผมประกาศผ่านเฟซบุ๊กแล้วเขาก็มาลงทุนกับผม ให้ผมกู้ ... เงินที่เข้ามาก้อนใหญ่ แล้วมันก็ออกไปทุกเดือน เป็นดอกเบี้ย ดอกเบี้ยออกไปทุกเดือนแต่เงินต้นยังอยู่ พอครบสัญญาผมก็คืนเงินต้นทั้งก้อน”

นั่นคือ “คำตอบ” ที่ “นอท” ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย ทางช่อง MCOT HD เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา

หรือก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน คือวันพุธที่ 4 มกราคม 2566 “นอท” ให้สัมภาษณ์กับ “อั๋น” ภูวนาท คุนผลิน ในรายการ “เคลียร์ ชัด ชัด : นอท กองสลากพลัส” ทางช่องเวิร์คพอยท์ ระบุว่า เงินทุนตรงนี้ตนไม่สามารถไปกู้เงินกับธนาคารได้ทำให้ต้องกู้ยืมคนอื่นมา ผ่านสัญญาเงินกู้ ที่อ้างว่าทำอย่างถูกกฎหมาย และมีหลักฐานทุกชิ้น

“เพราะธนาคารไม่ให้เรากู้ บริษัทเรายังใหม่ เราเพิ่งเปิด มันเพิ่งจะเต็มสองปี ตามกฎธนาคารมันต้องสามปี” นอทระบุและได้ตอบถึงข้อสงสัยอีกข้อที่ว่า เงินกู้ดังกล่าวนั้นไม่ใช่เงินกู้นอกระบบ เพราะ เป็น “เงินกู้” ที่ลงบัญชีไว้ถูกต้องทุกอย่าง และคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดคือ 15% ต่อปี

ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า เงินที่ “นอท” เอามาลงทุนกว้านซื้อสลากกินแบ่งเพื่อมาสแกนลงแพลตฟอร์มตัวเองนั้น เป็นเงินกู้ยืมคนอื่นมาทั้งหมด ไม่มีเงินตัวเองเลย

ที่สำคัญคือไม่ได้กู้มาจากระบบธนาคาร หรือระบบการเงินปกติ แต่เป็นการกู้ยืม แบบทำสัญญาเงินกู้กับบุคคล หรือนิติบุคคลที่ที่ไว้ใจในตัวเขา

ก่อนหน้านั้นไปอีกวันนึง ในวันอังคารที่ 3 มกราคม 2566 – “นอท พันธ์ธวัช” ไปออกรายการโหนกระแส ของ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” เพื่อโต้เถียงกับเจ้าของแพลตฟอร์มหวยออนไลน์อีกเจ้าหนึ่งคือ “หงษ์ทอง” ซึ่งตกเป็นข่าวโด่งดังเรื่องหวยทิพย์, รางวัลที่หนึ่งทิพย์ โดยตอนหนึ่งเมื่อมีการถามถึงที่มาที่ไปของเงินทุนของกองสลากพลัส “นอท พันธ์ธวัช” ได้ยกแฟ้มขึ้นมาแฟ้มหนึ่ง และส่งต่อให้หนุ่ม กรรชัย โดยกล่าวว่า

“เรื่องเงินทุนผมเอามาจากไหน? ผมหมุนเวียนเงินยังไง? ผมเริ่มจากสองพันใบ แล้วก็ขายเพิ่มมาเรื่อย ๆๆๆ ผมยังเคยชวน จะยืมเงินพี่หนุ่ม นี่คือสัญญาร่วมลงทุนทั้งหมด ถามว่าเงินมากไหน นี่ฮะ (ยกแฟ้มส่งให้ หนุ่ม กรรชัย) ซึ่งยังไงผมก็ต้องส่งให้ ป.ป.ง. อยู่แล้วฮะ”

และเมื่อได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาร่วมทุนที่นอทนำมาแสดงก็พบความน่าสนใจ ดังนี้

ฉบับแรก เป็นสัญญาร่วมลงทุนระหว่าง นายณัฐพล คงสุวรรณ์ กับ บริษัท ลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด (หรือ กองสลากพลัส)

สิ่งที่สังคมอยากรู้ก็คือ “ณัฐพล คงสุวรรณ์” เป็นใคร?

กล่าวสำหรับ “ณัฐพล คงสุวรรณ์” นั้น มีชื่อเล่นว่า “โน๊ต” ปัจจุบันเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของบริษัทที่จำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ต่าง ๆ ในแบรนด์ EVE’s ซึ่งเวลานี้กำลังโปรโมตสินค้าป้องกันหน้าท้องลายกับพรีเซ็นเตอร์คุณแม่ป้ายแดงอย่าง “ไอซ์” อภิษฎา เครือคงคา

ฉบับที่สอง เป็นสัญญาร่วมลงทุนและค้ำประกัน (แตกต่างจากสัญญาของนายณัฐพล โดยมีคำว่าค้ำประกันเพิ่มมาด้วย) ระหว่างบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กับบริษัท ลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด ที่มี “นายแทนไท ณรงค์กูล” เด็กหนุ่มวัย 26 ปี เป็นเจ้าของ

แทนไท ณรงค์กูล

ณัฐพล คงสุวรรณ์
ถ้าหากยังจำกันได้ นายแทนไทผู้นี้เคยถูกแจ้งข้อหาเปิดเว็บพนันฟุตบอลที่มีเงินหมุนเวียนเป็นหมื่นล้านบาทในปี 2563 แต่กลับหลุดคดีไปได้ โดยทุกวันนี้ก็ยังร่ำรวยชนิดที่สามารถนำเงินไปหว่านประมูลซื้อทะเบียนรถเลขสวยได้ในราคากว่า 45 ล้านบาท รวมทั้งไม่ถึงปี คือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - กันยายน 2565 หรือ เพียง 7-8 เดือน สามารถเพิ่มทุน บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด จาก 5 ล้านเป็น 900 ล้านบาท มาได้แบบน่าอัศจรรย์ !?!

แน่นอน ตรงนี้มิได้หมายความทั้งหมดกระทำความผิด เพียงแต่เป็นความเชื่อมโยงที่เชื่อเหลือเกินว่า ทั้งสองคนจะต้องไปชี้แจงและให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยมีข้อมูลจากดีเอสไอ-ป.ป.ง.-ตำรวจ ระบุตรงกันว่า นอกจากบัญชีของนอทและบริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ แล้ว รายชื่อบุคคล-นิติบุคคล ที่อยู่ใน “แฟ้มสัญญาร่วมลงทุน” นั้นก็จะต้องถูกนำไปตรวจสอบทั้งหมดด้วยว่า บุคคล-นิติบุคคลที่ทำสัญญากับกองสลากพลัสนั้นเอาเงินที่ไหนมาให้กู้ยืม

ทีนี้ ก็มาถึงประเด็นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเรียกผู้บริหารกองสลากพลัสไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฟอกเงินหลังพบความเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้กระทำความผิดเกี่ยวยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ และอื่น ๆ

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ปลายปีที่แล้วคือวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการรายสำคัญจำนวน 1 รายและออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการไว้อีก 5 ราย ซึ่งจากการสอบสวนขยายผลพบว่า ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการดังกล่าวทำหน้าที่เบิกถอนเงินสดและนำไปเข้าบัญชีให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย โดยหนึ่งในผู้รับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้คือ ผู้บริหารกิจการสลากกินแบ่งออนไลน์ “กองสลากพลัส” โดยปรากฎหลักฐานการรับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้จำนวนหลายสิบล้านบาท

ที่ลึกไปกว่านั้น มีอยู่ว่า คนที่ถูกจับนั้นชื่อนายสุทิน อายุ 48 ปี ถูกจับแถว ๆ ปิ่นเกล้า เป็นลูกน้องในเครือข่ายของเจ้าของบ่อนผิดกฎหมายที่ได้รับฉายาว่า “บ่อนลอยฟ้า” โดยจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว ไม่ใช่ บ.ลอตเตอรี่ออนไลน์มีมูลค่า 42 ล้านบาท โดยเป็นการโอนผ่านแคชเชียร์เช็กเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอายัดบัญชีทั้งต้นทางและปลายทางเอาไว้หมด และเมื่อตรวจสอบไปเพิ่มเติมยังพบด้วยการรับโอนเงินในลักษณะนี้อีกหลายครั้ง


นอกจากนั้น ยังมีประเด็นเรื่อง “ผู้ซื้อลอตเตอรี่” ที่ “นอท” ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ ในรายการเจาะลึกทั่วไทยทางช่อง MCOT HD เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ถึงการที่ดีเอสไอเรียกไปชี้แจงบัญชีว่า เคยมีลูกค้า “กองสลากพลัส” เคยซื้อลอตเตอรี่มากที่สุดถึง 50,000 ใบ คิดเป็นเงิน 5 ล้านบาท

“ผมก็มานั่งนึกว่า เอ๊ะ! กูไปเอาเงินเขามาตอนไหนวะ คิดดูตอนแรกแล้วก็ไม่มี 2 ปีที่ผ่านมา เงินที่ผมเอาเข้าบัญชีจะเป็นเงินที่ออกมาจากบริษัทเท่านั้น ไอ้ตัวผม ไม่ได้รับเงินจากใคร ตรงนี้ผมมั่นใจ ... ถ้าอย่างที่ผมตั้งข้อสังเกตว่า มันจะมาซื้อลอตเตอรี่ของผมหรือเปล่า? ... ”นอท พันธ์ธวัชกล่าว

ในส่วนของ “ขาออก” หรือคนที่ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์ของกองสลากพลัสในช่วงที่ผ่าน ๆ มา 2 ปีถือเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเช่นกัน โดยเฉพาะรายใหญ่ ๆ ก็จะต้องถูกตรวจสอบด้วยว่า เป็นใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อสลาก และถูกรางวัลจริงหรือไม่ หรือ เอาเงินมาซื้อสลากที่ถูกรางวัล กับแพลตฟอร์มของนอทเพื่อฟอกเงิน หรือไม่ อย่างไร !?! เพราะล้วนแล้วแต่มี “คำถาม” เกิดขึ้นทั้งสิ้น

 ล้วงลึกยุทธจักรออนไลน์สีเทา
พุ่งเป้าแบ็คใหญ่ “ไซเบอร์สีกากี” 


สำหรับอีกหนึ่งข้อสงสัยก็คือ มี “ใคร” เป็น “แบ็คใหญ่” ในการทำธุรกิจของ “นอท กองสลากพลัส” หรือไม่ เพราะสังคมไม่เชื่อว่า เขาจะสามารถโลดแล่นอยู่ในธุรกิจนี้ถ้าไม่มี “คนหนุนหลัง”

เป็นที่ทราบกันดีว่า ใน “ยุทธจักรธุรกิจออนไลน์สีเทา” นั้นมี “มาเฟียใหญ่” คุมธุรกิจออนไลน์สีเทา อยู่นั่นคือ “ไซเบอร์สีกากี” ซึ่งนั่นหมายความว่าเขามีแบคใหญ่ในแวดวงนี้ด้วย

แหล่งข่าวในแวดวง ธุรกิจออนไลน์สีเทาให้ข้อมูลว่าทุกวันนี้มีการ “ตั้งโต๊ะ” เก็บเงิน เก็บส่วย เก็บผลตอบแทนกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยว่ากันว่าใครสนใจจะทำธุรกิจออนไลน์สีเทา จะมีนายหน้าพาไปพบผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อไม่ให้มีการดำเนินการแบน หรือขึ้นบัญชีดำ เว็บไซต์นั้น ๆ หรือไม่ให้ถูก Block เว็บไซต์นั้น ๆ ไม่ให้เข้าชมจากประเทศไทยได้ (เพราะเว็บไซต์พนันส่วนใหญ่เซิร์ฟเวอร์อยู่ในต่างประเทศ หรือชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะในพม่า หรือ กัมพูชา)

ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับ “ลูกค้าพิเศษ” ว่ากันว่า “ไซเบอร์สีกากี” จะมีบริการแบนเว็บไซต์คู่แข่งที่ทำธุรกิจในทำนองเดียวกันกับ “ลูกค้าพิเศษให้ด้วย” โดยอัตราค่าบริการที่นักธุรกิจออนไลน์สีเทา ต้องจ่ายให้ก็แตกต่างออกไปตามประเภทเว็บไซต์ ธุรกิจและรายได้

ยกตัวอย่างเช่น

เว็บลามก-เว็บโป๊ : มีราคาเหมาหลักแสนบาทขึ้นไป ส่วนราคาจ่ายรายเดือนเริ่มต้นที่ 5,000-10,000 บาทต่อเดือน

เว็บพนัน : ไม่มีราคาเหมา แต่รายเดือนเริ่มต้นที่ 20,000-50,000 บาทต่อเดือน

นอกจากนี้ยังมี ราคาเฉพาะของ เว็บไซต์สีเทาประเภทอื่น ๆ อีกไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ดูหนังเถื่อน, เว็บไซต์ดูบอลเถื่อนละเมิดลิขสิทธิ์, กล่อง Android Box ที่ดูดสัญญาณมาจากทรูวิชัน เอไอเอสเพลย์ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่ปรากฎขึ้นล่าสุด คือเว็บหนังโป๊แบบ Live สด (ส่วนใหญ่เป็นนายทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนายทุนจีน) ฯลฯ

กล่าวสำหรับตัวนอทเองนั้น มีข้อมูลที่น่าสนใจและเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเคยทำเพจเฟซบุ๊ก “กูว่าแล้วมันต้องยิง” เป็นเพจไฮไลต์ฟุตบอล ใช้วิธีอัด คลิปการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ (ซึ่งละเมิดลิขสิทธิ์) มานั่งตัดเพื่อเป็นไฮไลต์ลงเผยแพร่ในเพจเฟซบุ๊กดังล่าว ตั้งใจว่าจะ ขายโฆษณาให้กับ เว็บพนัน พร้อมกับทำ เว็บโป๊ โดยดูดคลิปจากต่างประเทศแล้วอัปโหลด เก็บค่าสมาชิกเดือนละ 350 บาท แต่ภายหลังเกิดปัญหาและถูกยึดเพจดังกล่าวไป

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 เจ้าตัวก็ออกมาโพสต์ยืนยันถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมกับเสริมรายละเอียดในบางส่วนดังนี้

“ผมเคยทำเพจ กูว่าแล้วมันต้องยิง เพจไฮไลท์ฟุตบอลพากย์ไทยเพจแรกในประเทศไทย ในขณะที่ทุกคนดูไฮไลท์พากย์แขกกัน ผมปั้นเพจของผมเป็นเพจแสนไลค์รายแรกในประเทศไทย (ข้อมูลของนอทตรงนี้ไม่เป็นความจริง กล่าวโอ้อวดตัวเอง) โดยที่ไม่ได้เงินเลย แต่สมาชิกเข้ามาเยอะมาก

“อดหลับอดนอนทำไฮไลท์สด ๆ ตั้งแต่ 23.00น. ถึง 7-8 โมงเช้าเกือบทุกวันเพราะตอนนั้นมีทั้ง พรีเมียร์ลีก บุนเดสลีกา ลาลีกา กัลโซ่ ยูฟ่า และยูโรป้า เอาง่าย ๆ คือผมคนเดียวทั้งนั่งอัด นั่งตัดนั่งทำทุกอย่าง ด้วยเครื่อง ๆ เครื่องเดียว

“ตอนนั้นทำไปด้วยความเชื่อครับ ว่ามันเกิดแน่ มันดังแน่ ๆ มันเมคมันนี่แน่ ๆ แค่มันยังไม่ถึงเวลา ได้แต่ทำเว็บโป๊ขายเมมเบอร์ ประทังชีวิต พอได้วันละ 700-2,000 บาท เลี้ยงครอบครัว

“จนวันนึงเมื่อถึงเวลาของมันเพจเริ่มดัง กำลังรุ่ง กลายเป็นเพจอันดับหนึ่งเลยครับ ตอนนั้น มี ‘เหี้ย’ มาติดต่อครับว่าอยากให้ผมทำการตลาดเว็บบอลให้ ผมจึงรีบตกลงทำในทันที คุยกันทีแรก ผมรับรายได้ทันที 100,000 บาท และผมทำเงินให้ไอ้พวก ‘เหี้ยนั่น’ ทันที เดือนแรก 1,000,000 บาท ดูให้มันทุกอย่าง มันเอาผมไปนอนในห้องกาก ๆ ที่ยุงเข้ากัดตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ผมต้องดูงานให้มัน รายละเอียดผมขอไม่พูดถึงเพราะผมมูฟออนได้แล้ว สุดท้ายไอ้พวก ‘เหี้ยนี่’ โกงเพจผมไปอย่างหน้าด้าน ๆ ครับเอาปืนมาขู่ เอาตำรวจเหี้ย ๆ มาขู่ (เสียดายไม่รู้ชื่อ-ยศ ไอ้ตำรวจพวกนั้น) บังคับเอาเพจผมไป แค่มันเอาเพจผมไปมันคงทำไม่ได้ใช่ไหมครับ เพราะไม่มี Know How แต่ไอ้คนที่ทำไฮไลท์ให้ผมตอนนั้นเสือกเลือกไปอยู่กับมันด้วยมันเลยเหี้ยสองเท่าครับ (ได้ข่าวหักกันยับในตอนหลัง ใช่ไหมเจี๊ยบ!!)

“เสียใจครับ หมดหวังเพราะตอนนั้นก็ขายเว็บโป๊ที่ทำเงินไปแล้วด้วย ตอนนั้นไม่มีรายได้อะไรเลย สิ่งที่ทำมาเป็นปี หมด พัง ถูกยึดไปต่อหน้าต่อตา หนีออกจากกรุงเทพเลยครับ กลัวพวกมันด้วย และสิ้นหวังด้วย ผู้หญิงที่ผมติดตอนที่มีเงินก็ทิ้งไป...”

ข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า นอทถูกเครือข่าย เว็บพนันรายหนึ่งนำโดย “สารวัตร อ.” พร้อมทีมงานชื่อ “โน้ตและเดล” รวมหัวกันเรียกไปพบ โดยวางปืนใส่ซองบนโต๊ะ โดยข่มขู่ให้ยกอำนาจการบริหาร คือ ยกสถานะ Admin Page ของนอท ให้กับคนในทีมงานเว็บไซต์พนัน

ดังนั้น เมื่อเขาทำกองสลากพลัส สังคมจึงสงสัยว่าเขาน่าจะเรียนรู้เรื่องในทำนองนี้ และน่าจะเสาะแสวงหา “แบ็คใหญ่” เอาไว้ป้องกันตัวเช่นกัน โดยเฉพาะแบคใหญ่ในแวดวง “ไซเบอร์สีกากี” หรือเหนือไปกว่านั้น

เหล่านี้คือข้อมูลที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำต้องตรวจสอบให้ “สิ้นกระแสความ” เพราะแม้ว่าตัวละครที่กล่าวมาข้างต้นจะยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็มีคำถามมากมายที่สังคมสงสัยและต้องการแสวงหาคำตอบที่ชัดเจน.


กำลังโหลดความคิดเห็น