ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล
11.สำนักวิจัยเอกสารแห่งศูนย์กลางพรรค (ต่อ)
นอกจากนี้ ยังรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งจากในและนอกประเทศ แลกเปลี่ยนด้านการศึกษากับต่างประเทศ ตรวจสอบความถูกต้อง หรือให้ความช่วยเหลือตรวจสอบเอกสารที่กำลังจะตีพิมพ์
หรือตรวจสอบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สมุดภาพที่เกี่ยวกับบุคคลสำคัญของพรรค ภาพยนตร์ โทรทัศน์ และรับผิดชอบคัดเลือกผลงานหรือชีวประวัติของบุคคลสำคัญเพื่อเผยแพร่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง จากการสั่งการของศูนย์กลางพรรค
กล่าวเฉพาะผลงานในรูปของหนังสือเล่มแล้ว สำนักนี้ได้ผลิตออกมาไม่น้อย โดยมีแนวเนื้อหาที่คล้ายๆ กับผลงานของสำนักวิจัยประวัติฯ
กล่าวคือ บางเล่มจะเป็นเรื่องชีวประวัติ เช่น ชีวประวัติเหมาเจ๋อตง (1949-1976) เล่ม 1-2 [เหมาเจ๋อตงจ้วน (1949-1976) ซ่างเช่อ-เซี่ยเช่อ] ที่มีเฝิงเซียนจือและจินชงจี๋เป็นบรรณาธิการที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในปี 2003
บางเล่มจะเป็นหนังสือประเภทคู่มือ เช่น กาลานุกรม ตัวอย่างเช่น กาลานุกรมเหมาเจ๋อตง (1893-1949) เล่ม 1-3 [เหมาเจ๋อตงเหนียนผู่ (1893-1949) ซ่างเช่อ จงเช่อ เซี่ยเช่อ] ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในปี 2002 หรือ กาลานุกรมเติ้งเสี่ยวผิง (1975-1997) เล่ม 1-2 [เติ้งเสี่ยวผิงเหนียนผู่ (1975-1997) ซ่างจ้วน เซี่ยจ้วน] ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในปี 2004 เป็นต้น
หนังสือในกลุ่มหลังนี้มีประโยชน์ในแง่ของการตรวจสอบเรื่องของลำดับเวลาที่ (อดีต) ผู้นำจีนได้แสดงกิจกรรมต่างๆ ของตน บางเล่มได้รับการตีพิมพ์มากกว่าหนึ่งครั้ง
การเก็บรักษาเอกสารหรือข้อมูลต่างๆ ขององค์กรนี้จึงไม่ต่างกับสำนักวิจัยประวัติแห่งศูนย์กลางพรรคดังได้กล่าวไปก่อนหน้านี้
12.กรมการแปลแห่งศูนย์กลางพรรค
กรมการแปลแห่งศูนย์กลางพรรค (จงก้งจงยางเปียนอี้จี๋ว์, 中共中央编译局) เป็นองค์กรซึ่งทำหน้าที่ในการแปลหรือแปลและเรียบเรียงงานนิพนธ์ของมาร์กซ เองเกลส์ เลนิน สตาลิน รวมทั้งงานนิพนธ์ของบุคคลสำคัญ หรือเอกสารสำคัญของพรรคและของชาติ
ในส่วนหลังที่เป็นเรื่องภายในของจีนนั้น จะให้ความสำคัญกับสังคมนิยมแบบจีน หรือที่จีนเรียกเอาเองว่า สังคมนิยมอัตลักษณ์จีน (จงกว๋อเท่อเซ่อเซ่อฮุ่ยจู่อี้, 中国特色社会主义)
นอกจากนี้ องค์กรนี้ยังศึกษาทฤษฎีพื้นฐานของมาร์กซ และทฤษฎีร่วมสมัยอื่นๆ ศึกษาความเคลื่อนไหว และความเป็นจริงของแนวคิดสังคมนิยมทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงรวบรวมและชำระเอกสารที่เกี่ยวข้องกับลัทธิมาร์กซหรือสังคมนิยมอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ ร้านหนังสือในจีนจึงมักมีหนังสือที่เป็นผลงานของผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นปรมาจารย์ของลัทธิสังคมนิยมอยู่จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะในร้านหนังสือขนาดใหญ่
ซึ่งในกรณีหนังสือของกรมการแปลฯ นี้ มักจะวางอยู่ในหมวดเดียวกับของสองสำนักที่กล่าวไปข้างต้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะต่างก็เป็นหนังสือที่ตีพิมพ์โดยองค์กรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเช่นกัน หรือไม่ก็เพราะเป็นหนังสือที่ว่าด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์เหมือนกัน
ควรกล่าวด้วยว่า ในยุคสงครามเย็นที่ยังมีการเผชิญหน้ากันระหว่างโลกทุนนิยมกับโลกสังคมนิยมอยู่นั้น บทบาทของกรมการแปลที่สังคมไทยเคยได้สัมผัสก็คือ ผลงานที่รวบรวมบทนิพนธ์ของเหล่าปรมาจารย์ของลัทธิสังคมนิยม
ผลงานเหล่านี้ได้รับการแปลจากกรมการแปล โดยมีผู้แปลที่มีความรู้ภาษาไทยและจีนเป็นอย่างดีกลุ่มหนึ่ง และมีสนาน วรพฤกษ์เป็นหนึ่งในผู้อำนวยการการแปล ผลงานแปลที่มีการเผยแพร่หลัง 14 ตุลาคม 2516 ก็เช่น สรรนิพนธ์เหมาเจ๋อตุง เป็นต้น
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ไปแล้ว ผลงานแปลที่เป็นภาษาไทยขององค์กรนี้ก็ยังมีการเผยแพร่อย่างลับๆ โดยจะเป็นผลงานของมาร์กซ เองเกล เลนิน และสตาลิน
แม้สงครามเย็นจะสิ้นสุดไปแล้ว และการเผชิญหน้าระหว่างโลกทุนนิยมกับโลกสังคมนิยมในเชิงอุดมการณ์ก็ยุติลงแล้วก็ตาม แต่ผลงานดังกล่าวก็ยังคงมีคุณค่าต่อการศึกษาหลักคิดของฝ่ายสังคมนิยมอยู่เสมอ
ในเมื่อสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ผลงานเหล่านี้จึงไม่ควรถูกตีตราว่าเป็นเอกสารที่ผิดกฎหมายอีกต่อไป และควรให้มีการเผยแพร่กันอย่างเปิดเผย โดยที่น่าเชื่อด้วยว่า คงไม่มีคนอ่านคนใดที่ได้อ่านผลงานเหล่านี้แล้วจะสมาทานหลักคิดเหล่านี้อีก เพราะเมื่อได้อ่านแล้วก็คงจะพบเองว่า หลักคิดเหล่านี้พ้นสมัยไปแล้ว
แต่สิ่งที่ได้คือ ได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งโลกของเราเคยมีหลักคิดนี้อยู่ และเป็นหลักคิดที่เคยได้รับการยอมรับให้มีที่ทางอยู่บนโลกใบนี้ ที่สำคัญ จะได้รู้ว่า เหตุใดหลักคิดเหล่านี้จึงมิอาจยืนหยัดอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมั่นคง
13.คณะกรรมาธิการการเมืองและกฎหมายแห่งศูนย์กลางพรรค
คณะกรรมาธิการการเมืองและกฎหมายแห่งศูนย์กลางพรรค (จงก้งจงยางเจิ้งฝ่าเหว่ยหยวนฮุ่ย, 中共中央政法委员会) เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นในเดือนมกราคม 1980
มีภารกิจหลักในการสร้างความเป็นเอกภาพทางการเมืองและกฎหมาย ศึกษาความคิดและการกระทำของฝ่ายต่างๆ กำหนดเข็มมุ่งนโยบายทางการเมืองและกฎหมายเพื่อเสนอต่อศูนย์กลางพรรค
เป็นผู้นำนโยบายการเมืองและกฎหมายไปบังคับใช้ต่อส่วนรวม เพื่อให้บังเกิดผลภายในเวลาที่กำหนด ผลักดันให้การปกครองโดยกฎหมายเป็นหลักการพื้นฐานของประเทศ และคอยตรวจสอบปัญหาที่เกิดจากการประกาศใช้หลักการดังกล่าว เสนอแนะในการสร้างสังคมที่มั่นคงปลอดภัยต่อศูนย์กลางพรรค
นอกจากนี้ ก็ยังมีภารกิจตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ทั้งยังชี้แนะและประสานความสัมพันธ์กับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและกฎหมาย ศึกษาและอภิปรายในประเด็นปัญหาสำคัญซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงกัน
ผลักดันให้เกิดการควบคุมความปลอดภัยของสังคมส่วนรวม และการทำงานตรวจสอบและศึกษาทางการเมืองและกฎหมายในเชิงนโยบายให้เกิดผลสำเร็จ เป็นต้น
เมื่อพิจารณาจากภารกิจขององค์กรนี้แล้วจะพบว่า ภูมิหลังการก่อตั้งองค์กรนี้ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการใช้กฎหมายที่ล้มเหลวเมื่อครั้งที่เกิดการปฏิวัติวัฒนธรรม
เวลานั้นมีผู้นำระดับต่างๆ ถูกกล่าวโทษ และถูกลงโทษโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมใดๆ