xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เป็นเรื่อง “แอ๊ด บาว” รุกป่ามวกเหล็ก-ทับกวาง “ป่าไม้” ซัด “กรมที่ดิน” ออก น.ส.3 ก.ได้ยังไง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสุปดาห์ -  คงไม่จบง่ายอย่างคราวเมาปากเสียด่าพ่อเมืองสุพรรณฯ ที่ต้องหิ้วกระเช้าไปขอโทษขอโพย เพราะคราวนี้ “น้าแอ๊ด” นายยืนยง โอภากุล หรือ “แอ๊ด คาราบาว” ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต นักธุรกิจหมื่นล้าน เจอข้อหาบุกรุกป่าสงวนมวกเหล็ก-ทับกวาง อย่างมิต้องสงสัย เพราะกรมป่าไม้คอนเฟิร์มแล้วว่าบุกรุกชัวร์ 

ความไม่ถูกต้องที่เก็บงำมานานนับสิบๆ ปี แดงโร่ขึ้นมา เพราะดันไปปิดทางเข้าออกที่ชาวบ้านใช้เป็นทางขึ้นลงสัญจร หาของป่ามาแต่ไหนแต่ไร ชาวบ้านจึงรวมตัวกันมาขอให้นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เข้าตรวจสอบตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากลงดูสภาพพื้นที่และตรวจสอบข้อมูลต่างๆ แล้ว นายสมคิด ก็เปิดไพ่นำชาวบ้านแจ้งความเอาผิด “แอ๊ด คาราบาว” บุกรุกป่าสงวนเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา
การเคลื่อนไหวของนายวีระ นักร้องเบอร์ต้นหยิบจับประเด็นไหนไม่ใช่เรื่องไก่กา คราวนี้ก็เช่นกัน และนายวีระ ก็ไม่ได้โชว์เดี่ยว หากแต่ดึงเอาเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นำโดยนายธนวัฒน์ สนิทศักดิ์ดี ผู้อำนวยการ ป.ป.ท.เขต 1 นำหนังสือร้องเรียนและเอกสารต่างๆ ที่ได้รับมาจากประชาชน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สัมพันธ์ หมื่นพินิจ (รอง สว.สอบสวน) สภ.ต.หินซ้อน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายยืนยง โอภากุล ครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก. รวม 35 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าทับกวาง-มวกเหล็ก จ.สระบุรี แปลงที่ 1 โดยแจ้งกล่าวหาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี กับ “แอ๊ด คาราบาว” 2 ข้อหา คือ ได้มาซึ่งเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบ และบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าไม้ถาวร พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และแจ้งความกล่าวโทษเจ้าพนักงานป่าไม้ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157

เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจและฝ่ายปกครองท้องที่ สนธิกำลังกันลงพื้นที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ ในท้องที่ ม.2 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี หลังมีการแจ้งความดำเนินคดีกับ นายยืนยง โอภากุล ในข้อหาได้มาซึ่งเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบ และบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าไม้ถาวร พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
นายวีระ แกะรอยจากข้อร้องเรียนของชาวบ้านที่ไม่สามารถใช้พื้นที่ได้ เนื่องจากมีการสร้างประตูรั้วเหล็กกั้นไม่ให้มีการเข้า-ออก และอ้างว่าเป็นที่ดินส่วนบุคคล จึงประสานให้ ป.ป.ท.เข้ามาตรวจสอบ พบว่ามีการออกใบจอง น.ส.1 เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2534 และจากนั้นมีการออก น.ส.3 ก. เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2535 ซึ่งเป็นพิรุธจุดแรกที่นายวีระ เห็นว่าผิดปกติ เพราะกระบวนการออกเอกสารสิทธิรวดเร็วเกินไป

ข้อพิรุธที่สองที่นายวีระ และ ป.ป.ท. ชี้ คือ เดิมทีมีการออกเอกสารสิทธิ 16 ไร่ แต่กลับพบว่างอกออกเป็น 34 ไร่ จึงเชื่อว่าน่าจะออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ในกระบวนการนี้จึงตั้งข้อสังเกตว่าขั้นตอนการออกเอกสารสิทธิ อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน หากสาวถึงใครก็จะเอาผิดได้เพราะคดีบุกรุกที่ดินของรัฐไม่มีหมดอายุความ

จากการตรวจสอบเบื้องต้นนายวีระ ระบุว่าพบพื้นที่บางส่วนเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และมีการระเบิดเขาเพื่อเปิดเส้นทางขึ้นภูเขาระยะทางประมาณ 500 เมตร พื้นที่มีความลาดชัน มีต้นไม้ปกคลุม ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูนและแม่น้ำป่าสัก โดยบริเวณพื้นที่ดังกล่าว มีการทำธุรกิจท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์หรือผจญภัย ตั้งชื่อว่า “น้ำ ผา ป่าใหญ่ แคมป์” ซึ่งชื่อที่ครอบครอบที่ดินใน น.ส.3 ก. เป็นชื่อของนายยืนยง โอภากุล และก่อนหน้านี้ เคยมีการแจ้งความคนขับรถแบ็กโฮที่เคยมาระเบิดภูเขาหินปูนมาแล้ว นายวีระ จึงตั้งคำถามว่า ทำไมกรมป่าไม้จึงไม่เข้ามาสำรวจและปล่อยให้มีการเทคอนกรีต สร้างรั้วเหล็ก ทั้งที่มีหน้าที่คืนสภาพป่าบุกรุกให้กลับคืนสภาพดังเดิม

เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ยิ่งกว่าตอนที่ “น้าแอ๊ด” เมา ปากเสีย ด่าผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี อีก ซ้ำยังสะเทือนเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ดิน กรมป่าไม้ ฯลฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตื่นตัวเข้ามาตรวจสอบเรื่องราวกันจ้าละหวั่น หนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน

แอ๊ด คาราบาว
ในส่วนของกรมป่าไม้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม  รองอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ชี้แจงผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อว่า เรื่องนี้แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่เป็นที่ดิน น.ส. 3 ก. จำนวน 2 แปลง จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค พบว่า ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่มาของการออกเป็นเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. นั้น เดิมมาจากเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ซึ่งการออกเป็นเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. นั้น ต้องไปตามต่อที่กรมที่ดินว่าออกมาได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 แปลง ตรวจสอบพิกัดแล้ว ไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแน่นอน รวมทั้งไม่ได้อยู่ในพื้นที่เขตป่าไม้ถาวร พ.ศ.2484 เช่นกัน

 ส่วนอีกกรณีหนึ่ง ที่อ้างว่า มีการเช่าที่ดินจากนายยืนยง ในส่วนที่อยู่ติดกับ 2 แปลงดังกล่าว ที่ร้องกันว่าเจ้าของที่ได้ทำประตูปิดกั้นเอาไว้ ไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปหาหน่อไม้ ทั้งที่เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาตินั้น สำหรับบริเวณนี้ พบว่า อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ามวกเหล็กทับกวางจริง การเข้าไปทำรั้วปิดกั้นการเข้าไปใช้พื้นที่ของชาวบ้านนั้น เกิดจากกลุ่มบริษัทต่างชาติที่เข้าไปใช้พื้นที่เพื่อทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ซึ่งจุดนี้ทางกรมป่าไม้ต้องตรวจสอบ สอบถามไปยังกรมที่ดินว่า ออกเอกสารสิทธิมาได้อย่างไร 

ก่อนที่รองอธิบดีกรมป่าไม้จะออกมาชี้แจง ในวันก่อนหน้านั้น นายรัชพล ภัทรนาคเรือง ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 5 (สระบุรี) พร้อมนำกำลัง พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ ทองเพียร หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.สระบุรี ตำรวจป่าไม้ กก.2 บก.ปทส. ร.ท.วีระธร จำปา กอ.รมน.จ.สระบุรี ร.ต.อ.สัมพันธ์ หมื่นพินิจ เจ้าของสำนวน นายนิวัฒน์ ไชยแสง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ท่าคล้อ ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ในท้องที่หมู่ 2 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่แยกจากถนนลาดยางสายแก่งคอย-แสลงพัน หลัก กม.ที่ 14 เป็นถนนลูกรังเล็กๆ ลึกเข้าไปในแนวป่าติดภูเขา ระยะทางราว 2.5 กม. บริเวณปากทางเข้าเป็นเนินเขาถูกแผ้วถางเทคอนกรีต มีป้ายสีขาวติดกับต้นไม้ทางขึ้นเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทยว่า ยินดีต้อนรับสู่แคมป์ “น้ำ ป่า ผาใหญ่” มีประตูรั้วกั้นทางเข้า-ออก

นายรัชพล ซึ่งได้พบกับผู้ดูแลแคมป์และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นคนเช่าที่ดินของ “แอ๊ด คาราบาว” ทำแคมป์ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพัก โดยเช่าในราคาปีละ 1.2 แสนบาท ระยะเวลาเช่า 5 ปี ได้มีการล้อมรั้วจากปากทางเข้าไปในพื้นที่ของ “แอ๊ด คาราบาว” ที่มีเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. เจ้าหน้าที่จึงจับภาพพิกัดจีพีเอสเพื่อตรวจสอบต่อไป

นายนิวัฒน์ ไชยแสน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ให้ข้อมูลว่าพื้นที่ดังกล่าว นายยืนยง โอภากุล ได้ซื้อต่อจากนายจำรัส จุลปะ อยู่ในตลาดแก่งคอย ซึ่งนายจำรัส เสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ที่ดังกล่าวเป็นทางเกวียนหรือเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้เป็นทางขึ้นลงหาของป่าพวกหน่อไม้

ทางด้านที่ดินจังหวัดสระบุรี นายธเนศ ชาตะวาหะ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.สระบุรี (สาขาแก่งคอย) ณ สำนักงานที่ดิน จ.สระบุรี สาขาแก่งคอย ชี้แจงผ่านสื่อว่า จากการตรวจสอบสารบบที่ดิน พบว่าที่ดินแปลงนี้ปัจจุบันเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก. ซึ่งออกมาจากแบบแจ้งการครอบครองหรือ ส.ค.1 สามารถนำมาออกเอกสารสิทธิในชั้นที่สูงขึ้น ได้ ซึ่ง ส.ค.1 แจ้งการครอบครองเมื่อปี 2498 ส่วน น.ส. 3 ก. ออกให้เมื่อปี 2535 และนายยืนยง ได้ขอคำขอยื่นการออกโฉนดไว้ แต่ยังไม่ได้ออกโฉนดที่ดิน โดยอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานที่ดินและส่วนราชการอื่นด้วย

นายธเนศ อธิบายว่า ที่ดินผืนดังกล่าว ผ่านกระบวนขั้นตอนการรังวัดมาแล้วเป็นขั้นตอนแรกๆ ของการขอออกโฉนดที่ดิน เมื่อได้รูปแผนที่จากการรังวัดแล้วจะสามารถรู้ได้ว่าที่ดินตำแหน่งอยู่ตรงไหนในระวางแผนที่จะสามารถนำข้อมูลไปสอบถามจากส่วนราชการเกี่ยวข้องเช่น ป่าไม้ สถานีพัฒนาที่ดิน เพื่อสอบถามแนวเขตป่า สอบถามสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน ว่าอยู่ในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินหรือไม่ เพราะแผนที่จะกำหนดแนวเขตว่าที่ดินนี้อยู่พื้นที่ของรัฐของหน่วยงานไหน สำหรับ เอกสาร น.ส.3 ก. ที่นายยืนยง ยื่นมานั้น เป็น น.ส.3 ก. จำนวน 2 แปลง แปลงแรกเนื้อที่ราว 9 ไร่ อีก 1 แปลง ประมาณ 24 ไร่เศษ รวม 2 แปลงติดกัน จำนวน 35 ไร่ โดยประมาณ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ท. แจ้งสำนักงานที่ดินฯ แก่งคอย ว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างนำเรื่องเข้าศูนย์อำนวยการต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพราะฉะนั้นเรื่องการขอออกโฉนดที่ดินคงดำเนินการอะไรต่อไปไม่ได้ ต้องหยุดอยู่แค่นี้ก่อน ต้องรอผลการตรวจสอบของ สำนักงาน ป.ป.ท. ก่อน

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี ก็ออกคำสั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนของจังหวัดเพื่อทำคดีในเรื่องดังกล่าว โดยเรียกประชุมเพื่อวางกรอบและกำหนดประเด็นสืบสวนในการทำคดีนี้ต่อไป

บริเวณ “น้ำ ผา ป่าใหญ่ แคมป์” ที่อ้างว่าเช่ามาจากนายยืนยง กรมป่าไม้ระบุว่าอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ามวกเหล็กทับกวางจริง
สำหรับที่ดินในผืนป่าสงวนของ “น้าแอ๊ด” ซึ่งเปิดเป็นแคมป์ของนักปีนหน้าผา ชื่อว่า “น้ำ ผา ป่าใหญ่ แคมป์” หรือเรียกย่อๆ ว่า NPPY Camp มีกรรมการผู้จัดการ บริหารกิจการของแคมป์ เป็นสาวนักไต่หน้าผา ชื่อว่า “จอย” ศิริลักษณ์ กราสแซร์ ซึ่งบุกเบิกธุรกิจนี้มากว่า 12 ปีแล้ว อาณาบริเวณมีความสวยงามของหน้าผา ตั้งตระหง่านเหนือแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านพื้นที่อันเขียวชอุ่ม

เป็นความโรแมนติกของ แอ๊ด คาราบาว ที่หลงใหลมนต์เสน่ห์ภูผาผืนป่าแห่งนี้ ดังที่สะท้อนในบทเพลง “แร้งคอย” ในอัลบั้ม “ช้างไห้” ผลงานชุดที่ 13 ของคาราบาว ออกวางขายเมื่อปี 2536 เป็นช่วงเวลาหลังจากที่ดินในหุบเขาแร้งคอยของ “น้าแอ๊ด” มีการออก น.ส. 3 ก. เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2535

“...... ณ ที่สายฝนกระทบหน้าผา แว่วสกุณาบินมาร้องเพลง ขับกล่อมกันเองชีวิตพงไพร ใครเล่าเข้าใจชีวิตบรรเลง ช่างเหมือนสายน้ำทอดยาวสุดตา เหมือนทิวเทือกผาท้าทายแดดลม นุ่งห่มผืนฟ้าทุ่งนาแก่งคอย หัวใจพี่คอยน้องอยู่ที่แก่ง ตรงที่มีแร้งเฝ้าคอย เฝ้าคอย ….”

 หากใครที่เป็นแฟนเพลงเพื่อชีวิตของ “น้าแอ๊ด” ก็คงรู้ว่าเคสรุกป่าแร้งคอยนี้เคยมีเรื่องราวมาก่อนตั้งแต่ตอนที่ “น้าแอ๊ด” ก้าวเข้ามาครอบครองผืนป่าแห่งนี้แล้ว แต่สุดท้ายเรื่องก็ค่อยๆ เงียบหายไป จนมาถึงวันนี้ที่ “น้าแอ๊ด” กำลังยื่นขออัพสถานะที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งได้เอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. ขึ้นเป็นโฉนด ข้อหารุกป่า “แร้งคอย” ชื่อเดิมของอำเภอ “แก่งคอย” ของ “แอ๊ด คาราบาว” จึงกลับมาหลอนอีกครั้ง คราวนี้จะรอดสันดอนหรือไม่ ต้องติดตาม 



กำลังโหลดความคิดเห็น