xs
xsm
sm
md
lg

นโยบายกัญชาเสรี : เหตุให้ภูมิใจไทยขัดแย้งกับประชาธิปัตย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สามารถ มังสัง



ท่านผู้อ่านที่สนใจปัญหาการเมือง และติดตามผลงานของพรรคการเมืองต่างๆ มาตลอด คงจะจำนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทยที่ได้ปราศรัยหาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้งในปี 2562 โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญสรุปได้ว่า จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ และมุ่งเน้นการนำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์

ครั้นได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 3 และได้ร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้ง และเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลด้วย

ในการร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงได้ผลักดันนโยบายกัญชาเสรีเข้า ครม.เพื่อพิจารณาปลดล็อกกัญชาจากบัญชียาเสพติด อนุญาตให้มีการปลูกกัญชาได้ และมุ่งเน้นการนำไปใช้ทางการแพทย์

ในทันทีที่มีการปลดล็อกกัญชา ประชาชนได้ตื่นตัวและตอบรับมติ ครม.ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง จะเห็นได้จากการที่ประชาชนได้แห่ไปซื้อต้นกัญชามาปลูกถึงขนาดต้องเข้าคิวแย่งกันซื้อในราคาต้นละ 300 กว่าบาท ทำรายได้ให้กับคนกลุ่มหนึ่งอย่างเป็นกอบเป็นกำ และในขณะเดียวกัน ได้มีผู้นำผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร และเครื่องดื่มผสมกัญชาออกขายอย่างดาษดื่น จนเป็นเหตุให้ผู้ที่เป็นห่วงบุตรหลานที่อาจตกเป็นทาสกัญชา รวมไปถึงผู้เคร่งครัดในคำสอนของศาสนาที่ห้ามเสพสิ่งติดให้โทษ โดยเฉพาะศาสนาพุทธซึ่งมีข้อห้ามไว้ทั้งในส่วนที่เป็นศีลมาแสดงความเห็นคัดค้านเกี่ยวกับเรื่องนี้ และที่เห็นได้ชัดเจนเกี่ยวกับการต่อต้านที่เป็นรูปธรรมก็คือ คำสั่งห้ามมิให้นำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกัญชาเข้าไปขายในกองทัพ และสถานศึกษาของ กทม. เป็นต้น

ถึงแม้ว่าต่อมากระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงควบคุมการใช้กัญชา แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ผลในการควบคุมเท่าที่ควร ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่ากฎกระทรวงได้ออกมาช้าไป และประชาชนได้รับรู้มติ ครม.ที่ไม่มีความรอบคอบและชัดเจนพอ จึงทำให้เข้าใจไปว่าคำว่า เสรี คือ ปลูกและขายกันได้ตามอำเภอใจ และนี่เองที่ ปชป.แสดงจุดยืนทางการเมือง ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่พรรคภูมิใจไทยเสนอในวาระ และให้นำไปทบทวน

ดังนั้น การที่พรรคภูมิใจไทยได้ออกมาแสดงอาการตัดพ้อต่อว่า ปชป.โดยไม่หันไปมองประชาชน และองค์กรที่ต่อต้านนโยบายกัญชาเสรี จึงไม่เป็นผลดีต่อพรรคภูมิใจไทยเอง เพราะจะต้องไม่ลืมว่า กัญชาในความคิดเห็นของคนไทยส่วนใหญ่จากอดีตจนถึงปัจจุบันก็คือ สิ่งเสพติดให้โทษ และเป็นสิ่งต้องห้ามตามคำสอนของศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่นับถือ

ดังนั้น พรรคการเมืองจะเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชน จะต้องไม่ทำสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ทำ มิใช่ชี้นำให้ประชาชนต้องมีความเห็นคล้อยตามในสิ่งที่พรรคต้องการทำ

ดังนั้น การที่พรรคภูมิใจไทยเดินสวนทางกับประชาชนส่วนใหญ่ จึงเป็นการกระทำที่สวนทางกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้กำหนด แต่ถ้าพรรคภูมิใจไทยคิดว่าสิ่งที่พรรคดำเนินกิจกรรมทางการเมืองมาถูกต้องแล้ว ก็จะพิสูจน์ได้จากผลของการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในอนาคต

ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาปรากฏว่า ภูมิใจไทยชนะการเลือกตั้งในพื้นที่ประชาชนต่อต้านนโยบายกัญชา หรือในพื้นที่ ปชป.ลงแข่งขันเลือกตั้ง ก็อนุมานได้ว่านโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทยถูกต้อง ในทางกลับกัน ถ้าภูมิใจไทยแพ้ก็จะต้องยอมรับนโยบายดังกล่าวไม่ถูกต้อง

อีกประการหนึ่ง การที่ภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ขัดแย้งกันจะทำให้พรรคการเมืองฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งของภูมิใจไทยโดยตรง ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน

ดังนั้น ทางที่ดีทั้งหมดและปชป.ควรจะยุติความขัดแย้ง และต่างคนต่างเดินเกมการเมืองของตนเอง และหลังเลือกตั้งค่อยตกลงกันว่าจะเป็นศัตรูหรือเป็นมิตรทางการเมืองต่อไปในอนาคต

แต่ในขั้นนี้ ผู้เขียนเห็นทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย โดยเฉพาะภูมิใจไทยซึ่งมีศักยภาพในการแข่งขันทางการเมืองสูง และมีโอกาสเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ควรจะทำแนวร่วมกับพรรคขนาดกลางเช่น ประชาธิปัตย์ไว้ ไม่ควรทำลายแนวร่วมทางการเมือง ดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น