ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สร้างผลงานเป็นข่าวดังชวนอมยิ้มอย่างต่อเนื่อง สำหรับ **“สารวัตรบีเกิ้ล”** ชุดปฏิบัติการทีมสุนัขดมกลิ่น ปฏิบัติงานตรวจสอบการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์-ซากสัตว์ ประจำด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ ไล่มาตั้งแต่สกัดการลักลอบ หมูยอ 9 กก. จากเวียดนาม, ตรวจพบซากสัตว์รมควัน ค้างคาว ขาหมู หมูสามชั้นจากจีน เพราะสิ่งเหล่านี้อาจปนเปื้อนเชื้อโรค อย่างโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) ในชนิดสัตว์สุกรและหมูป่า เข้ามาภายในประเทศไทย อันส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสุขอนามัยของประชาชน
ทั้งนี้ การลักลอบนำซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรไทยเป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 มาตรา 31 เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ผู้ใดนําเข้า ส่งออก หรือนําผ่าน ราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายทุกครั้งที่นําเข้า ส่งออกหรือนําผ่านราชอาณาจักร การขออนุญาต การออกใบอนุญาต และวิธีการนําเข้า ส่งออก หรือนําผ่านราชอาณาจักร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกําหนด
และมาตรา 68 ผู้ใดนําเข้า ส่งออกหรือนําผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 31 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
สำหรับ “สารวัตรบีเกิ้ล” แห่งทีม K-9 หรือชุดปฏิบัติการทีมสุนัขดมกลิ่น (DLD-Quarantine and Inspection Canine unit) มีทั้งหมด 14 ตัว อยู่ในกำกับของกองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ ประจำการ ณ ด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำหน้าที่ปฏิบัติงานตรวจสอบการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์-ซากสัตว์ ทั้งขาเข้าและขาออก บริเวณอาคารผู้โดยสาร
“สารวัตรบีเกิ้ล” จัดเป็น “สุนัข K-9” หรือสุนัขที่ถูกฝึกฝนในงานของตำรวจ ทหาร และหน่วยงานต่างๆ คำว่า K-9 เล่นคำย่อของคำลาติน Canine หมายถึงสัตว์ในตระกูลสุนัข โดยสุนัข K-9 จะเป็นสายพันธุ์ที่ฉลาด สามารถถูกฝึกให้มีวินัยต่างๆ โดยลักษณะเฉพาะของสายพันธุ์บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่ขนาดไม่ใหญ่ ฉลาด ว่องไว ประสาทสัมผัสการดมกลิ่นดี มีความเป็นมิตร จึงเหมาะกับการปฏิบัติงานในสนามบิน
สำหรับชุดปฏิบัติการทีมสุนัขดมกลิ่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2555 เข้าร่วมภารกิจสนับสนุนการทำงานของสารวัตรกรมปศุสัตว์ที่ด่านกักกันสัตว์สุวรรณภูมิ เพื่อตรวจหาซากสัตว์ เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ตามกระเป๋าเดินทางหรือสัมภาระของผู้โดยสาร ตาม พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ 2558
โดยกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ มีมาตรการเข้มงวดในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคระบาด เพื่อรักษามาตรฐานเศรษฐกิจด้านปศุสัตว์ ซึ่งที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ตรวจพบการลักลอบนำเข้าจะเป็นกลุ่มคนเอเชียเสียส่วนใหญ่ ตรวจพบจำพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น แหนม, ไส้กรอก, หมูยอ, กุนเชียง ฯลฯ เข้ามาในประเทศไทยเพื่อบริโภคและค้าขาย
อย่างไรก็ตาม เหล่านี้อาจเป็นพาหะนำเชื้อโรคระบาดสัตว์หรือโรคอุบัติใหม่เข้าสู่ประเทศไทย เช่น โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever) และโรคไข้หวัดนก ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและสัตว์ปีก อันส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ ตลอดจนสุขอนามัยของประชาชน
ลักษณะการปฏิบัติงานของ “สารวัตรบีเกิ้ล” เสมือนเป็นผู้ช่วย “สารวัตรกรมปศุสัตว์” โดยจะนำบีเกิ้ลลงตรวจสายพานวางสัมภาระผู้โดยสารขาเข้า โดยช่วงเวลาปฏิบัติหน้าที่จะประมาณ 4 ชั่วโมงต่อหนึ่งรอบการทำงาน ทั้งนี้ สารวัตรบีเกิ้ลจะปฎิบัติงานเป็นคู่เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุสัมภาระต้องสงสัย
และหากพบสัมภาระต้องสงสัยสารวัตรกรมปศุสัตว์ก็จะดำเนินการขออนุญาตเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อทำการพิสูจน์ หากพบเจอจะยึดและดำเนินการทำลายเชื้อในเบื้องต้นด้วยการจุ่มหรือฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ พร้อมเก็บตัวอย่างส่งตรวจเพื่อเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ และทำลายในขั้นต่อไป รวมทั้ง ดำเนินคดีทางกฎมาย ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ 2558
สำหรับการป้องกันการลักลอบนำซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรไทย เพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาดในสัตว์ต่างประเทศเข้ามาในไทย เจ้าภาพหลัก คือ กรมปศุสัตว์ ภายใต้กำกับของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้คุมเข้มป้องกันการลักลอกนำเข้าซากสัตว์ผิดกฎหมายอย่างเต็มกำลัง
และนอกจากปฏิบัติการสลัดการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์-ซากสัตว์ ประจำด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีตัวเอกอย่าง “สารวัตรบีเกิ้ล” เป็นสายสืบดมกลิ่นสกัดสิ่งของต้องห้ามเข้าประเทศแล้ว ทางกรมปศุสัตว์ ยังดำเนินการตรวจเข้มเพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์-ซากสัตว์อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน มีการตรวจเข้มบริเวณด่านกักกันสัตว์ตามแนวชายแดน และช่องทางธรรมชาติซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ตรวจสอบขบวนการลอบขนเนื้อหมูเถื่อนเข้าไทย ป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ระบาดซ้ำ กระทบราคาเนื้อหมูในประเทศ
ทั้งนี้ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) จากซากสุกร ซึ่งโรค ASF เป็นโรคติดเชื้อในสุกร และโรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ที่มีค้างคาวเป็นแหล่งรังโรค โดยเชื้อไวรัส นิปาห์จะก่อให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงของระบบหายใจ เกิดภาวะสมองอักเสบจนอันตรายถึงชีวิตได้
น.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่าการลักลอบนำเข้าสัตว์หรือชิ้นส่วนเนื้อสัตว์เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ 2558 การนำเข้าสัตว์ ชิ้นส่วนหรือซากสัตว์ ต้องได้รับอุนญาต และต้องมีการตรวจโรคจากประเทศต้นทางและประเทศต้นทางต้องไม่มีโรคระบาด หากมีการลักลอบนำเข้าสัตว์หรือตัวสัตว์จะไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยหรือตรวจสอบโรคระบาดว่าปะปนมาด้วยหรือไม่
ที่ผ่านมา ประเทศไทยเกิดโรคระบาด ASF ซึ่งขณะนี้ไทยดำเนินงานจนดีขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ของโรคเบาบางลง และกำลังดำเนินการต่อเนื่องทำให้เป็น Zero ASF หรือ ASF เป็นศูนย์ ภายใต้มาตรการการป้องกันการลักลอบนำเข้าซึ่งเป็นพาหะของโรคทั้งเนื้อสัตว์และตัวสัตว์
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังการกลับมาระบาดกลับมาซ้ำ หากยังมีชิ้นส่วนสุกรหรือตัวสัตว์ที่มีโรคเข้ามา เป้าหมายที่ ASF จะเป็นศูนย์เป็นไปได้ยาก รวมถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรยังบอบช้ำ อยู่ระหว่างฟื้นฟู หากมีการลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เปิดตลาด ไม่ได้รับอนุญาต จะยิ่งมาทำร้ายเกษตรกร การลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนสุกรราคาถูกมาแย่งตลาดจะทำให้เกษตรกรล้มเลิกอาชีพหายไป และการกลับมาเลี้ยงใหม่ทำได้ยาก ซึ่งมีตัวอย่างในต่างประเทศมาแล้ว
ต้องบอกว่า ปฏิบัติการคุมเข้มการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์-ซากสัตว์ยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพราะสิ่งเหล่านี้อาจปนเปื้อนเชื้อโรคที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจด้านปศุสัตว์ ตลอดจนสุขภาพอนามัยของประชาชนในประเทศ