ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ตามความเชื่อของพรรคการเมือง สถานการณ์ในหลายพรรคดูระส่ำระสาย บางพรรคเหมือนสภาพแพใกล้แตกเมื่อลูกพรรคตีจาก ไปแสวงหาแหล่งใหม่ที่ดูดี มีอนาคต เสนอโอกาสให้ได้รับเลือกเข้าสู่สภาฯ รอบหน้า
บอกแล้ว เมื่อถึงเวลาคับขัน ทุกคนต้องคิดถึงตัวเอง เอาตัวรอดก่อนเสมอ
การแตกกระจายครั้งนี้ไม่ใช่แบบผึ้งแตกรัง เปรียบเสมือนฝูงสัตว์กินหญ้าต่างแสวงหาทุ่งเขียวชอุ่ม น้ำท่าบริบูรณ์ ไม่อดอยากปากแห้ง หรือทนเคี้ยงเอื้องหญ้าแห้งโดยมองไม่เห็นว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
บางพรรคเล่นพวกจนอย่างน่าเกลียด คัดสรรผู้สมัครเอาเฉพาะคนที่อวยหัวหน้า ปล่อยให้นักเลือกตั้งสังกัดก๊กอื่นในก๊วนเดียวกันโดนลอยแพ
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนเลือกหาที่ลงใหม่ พวกที่พอมีราคาหาสังกัดใหม่ไม่ยาก ทั้งอาจได้ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายและงบเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งใหม่
บอกแล้วว่าเลือกตั้งครั้งหน้าเดิมพันสูง เป็นการชิงอำนาจอย่างเข้มข้น ทำให้ก๊วน 3 ป. ฟอร์เอฟเวอร์กลายเป็นก๊วนสวมรองเท้าคอนเวิร์ส ทางใครทางมัน
ท่านห้าวเป้งซึ่งกุมอำนาจมานานกว่า 8 ปีรู้ตัวดีว่าจะหวังตีกิน ชุบมือเปิบอย่างที่เคยเป็นมาคงไม่ได้เหมือนเดิม เพราะผู้อาวุโส ลุงป้อมคงคิดว่าพอกันทีสำหรับการช่วยเหลือน้อง โดยที่ตัวเองไม่ได้อะไร ถ้าปล่อยให้เป็นแบบเดิม ตัวเองก็ไร้ค่า
การใช้แกนนำพรรคผลัดกันออกมาส่งเสียงค่อนแคะผลักไสไล่ส่งท่านห้าวเป้งจึงทำกันอย่างไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน ทำอย่างนั้น 2-3 ครั้งท่านห้าวเป้งก็จับสัญญาณได้ ไม่ทำเฉไฉไขสือ ไม่เข้าใจอีกต่อไป ต้องหาที่ลงของตัวเอง
การตั้งพรรคสะตอ สาขา 2 รวบรวมพวกอกหักจากค่ายสะตอเก่าแก่มาเป็นฐานให้ท่านห้าวเป้งจึงอยู่ในสภาพเร่งรีบ ต้องหาตัวที่เป็นจุดขายเพื่อให้ได้ 25 เสียงเพื่อเสนอให้ท่านห้าวเป้งได้มีสิทธิชิงเก้าอี้ผู้นำอีกรอบ โดยมี ส.ว.เป็นแบ็คหลัก
จะสมปรารถนาหรือไม่ แล้วแต่บุญวาสนาว่าเหลืออยู่มากแค่ไหน เพราะทำโพลทุกครั้งไม่เคยได้ที่ 1 ถ้าไม่ที่ 3 ก็ 4 เพราะผลงานไม่เข้าตาชาวบ้าน ขาดจุดแข็ง
จะอ้างผลสำเร็จในการเพิ่มจำนวนคนจนจาก 14 ล้าน เป็น 22 ล้านคนคงไม่เหมาะ ยิ่งผลงานการสร้างหนี้ในบทนักกู้สิบทิศ สร้างหนี้ครัวเรือนให้สูง 89.2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีประเทศ สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ก็ยิ่งประจานความล้มเหลว
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ อำนาจการเมืองนั้นหอมหวาน ถ้าใครเสพติดงอมแงม อยู่ในสภาพขี่หลังเสือเหมือนก๊วน 3 ลุง ก็ยิ่งต้องดิ้นรนเพื่ออยู่ต่อให้ได้
จึงต้องแยกทางกันเดินเพื่อเอาตัวรอด ดีกว่ากอดคอตายไปด้วยกัน
ท่านห้าวเป้งไม่มีอำนาจต่อรองเหลือมากนัก ไม่ต่างจากคนว่ายน้ำใกล้หมดแรง อะไรลอยมา ไม่ว่าจะเป็นกอสวะ หรือหมาเน่า ก็ต้องขอเกาะผ่อนแรงไว้ก่อน
ก๊วนสะตอ 2 จึงดูมีความหมาย ไม่น่าห่วงเรื่องกระสุน ท่านห้าวเป้งระดมได้อยู่แล้วเพราะนายทุนไฟฟ้า นายทุนน้ำเมา นายทุนค้าสัตว์ยังต้องพึ่งพา เป็นคู่อุ้มบุญ
ผลประโยชน์เกี่ยวดองจนแยกกันไม่ออก ขั้นที่ว่าใครทิ้งใครไม่ได้ ยิ่งธุรกิจเงินโครงการหมื่นๆ ล้านยังไม่ลงตัว ก็ต้องอุปถัมภ์ต่างตอบแทนกันในทุกวิธี
ค่ายลุงป้อมก็ไม่มั่นคง ลูกพรรคเริ่มตีจาก ป่ารอยต่อกลายเป็นเหมือนป่าใบไม้ร่วงโกร๋น ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาของพวกนกกาได้อีกแล้ว บางพวกและเกาะ ขี้เยี่ยวใส่ มองหาช่องทางใหม่พบแล้วก็บินจากไป จึงดูลักษณะโหรงโหรง
ยิ่งใกล้วันกำหนดเลือกตั้ง ลุงป้อมน่าจะต้องเผชิญกับภาวะวังเวง ถ้าไม่มีทุนเพียงพอ หรือความนิยมในกลุ่มประชาชน ก็ยิ่งทำให้ลำบาก จุดขายก็ไม่มี บารมีหด
ก๊วน 3 ลุงจึงถึงจุดที่ต้องเลือกตัวใครตัวมัน อีก 1 ลุงเป็นนักตีกินเงียบ พร้อมเข้าข้างผู้ชนะ ดูสุขุมลุ่มลึก สมกับเป็นสิงห์ซุ่ม ไม่ลงทุน รอชุบมือเปิบอย่างเดียว
การเมืองที่ไร้หลักการและคุณธรรม จึงไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ฟังนักเลือกตั้งพูดแต่ละวันมีแต่เรื่องย้าย เข้าออกพรรค เตะตัดขากันชิงความได้เปรียบ ไม่มีใครเสนอแผนแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ ที่จะทำให้เข้าสู่สภาวะรุนแรง
การเมืองที่มีแต่ความอิจฉา ริษยา อาฆาต พยาบาท จึงไม่ทำให้ประชาชนหวังได้ว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น ต่อให้เลือกตั้งอีกกี่รอบก็ตาม ตราบใดที่พวกหน้าเดิมยังอยู่
การแข่งขันไม่ได้เน้นนโยบายหรือวิธีการแก้ปัญหาของประเทศ แต่แข่งกันเรื่องซื้อตัว ตกปลาในบ่อเพื่อน อะไรก็ได้ ขอให้มีเสียงเข้าสภาฯ ให้มากที่สุด
ไม่มีพรรคใดขอเป็นฝ่ายค้าน พรรคคนแดนไกล โชว์ลูกสาวหวังได้เสียงจากคนรุ่นใหม่ยังไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะมากันแบบแลนด์สไลด์ โพลกับความเป็นจริงในสนามการเมืองต่างกัน กระแสสู้กระสุนไม่ได้ ตามหลัก “เงินไม่มา ขาไม่เดิน”
เอาเพียงแค่การทำโพล รู้ว่าใครมาที่ 1 ที่ 2 วิญญูชนคนห่วงบ้านเมืองก็รู้สึกท้อ ชาวบ้านที่ไหนให้คำตอบกับโพล เป็นตัวแทนเสียงส่วนใหญ่ตามเปอร์เซ็นต์จริงหรือไม่
มีเหมือนกันอย่างหนึ่งคือพรรคที่นึกว่าตัวเองมีความหวัง มีจุดขาย ก็ยังไม่ประกาศตัวว่าใครจะเป็นนายกฯ เพราะการเปิดตัวเท่ากับเป็นการกวักมือเรียกศัตรู
องค์กรตรวจสอบ ที่ชาวบ้านมองว่าขาดความน่าเชื่อถือ รับใช้กลุ่มผู้มีอำนาจ อาจเกิดความขยันตรวจสอบตัวเต็งหรือตัวแทนเข้าชิงเก้าอี้นายกฯ ก็ได้
ดังนั้น ทุกพรรคจึงสงวนท่าที แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาล ที่เคยเสนอหัวหน้าพรรคเป็นคู่ชิงก็ยังไม่ยืนยัน เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ การจับมือเป็นมิตรก็ยังไม่แจ่มชัด เพราะต่างฝ่ายไม่อยากเสียอำนาจต่อรอง แม้จะไม่มีราคามากก็ตาม
ต้องรออีกสักพัก รอให้นักเลือกตั้งเข้าที่เข้าทางสัญญาณจะชัดกว่านี้