xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ย้อนรอย “6 ขุนศึกของสีจิ้นผิง” ผู้นำสูงสุดร่วมครอง “แผ่นดินจีน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  เป็นที่ชัดเจนแจ๋วแหววแล้วว่าต่อนี้ไปอีกห้าปี (ตามวาระดำรงตำแหน่งห้าปี) เป็นอย่างน้อย “สี จิ้นผิง” คือผู้นำที่ครองแผ่นดินจีนโดยกุมอำนาจใหญ่สุดเทียบชั้นประธานเหมาเจ๋อตงผู้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนและผู้นำสูงสุดเติ้งเสี่ยวผิงผู้ประกาศนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศ 
การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 หรือ สมัชชา 20 ซึ่งเป็นการประชุมที่จัดทุกๆ 5 ปี ปิดฉากลงในวันเสาร์ที้ 22 ตุลาคมที่ผ่านมาพร้อมกับประกาศรายชื่อคณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 20 ในวันถัดมาการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 1 ของคณะกรรมการกลางพรรคชุดใหม่ก็เปิดประชุมรับรองกรมการเมือง (Politburo) จำนวน 24 คน, และคณะกรรมการประจำของกรมการเมือง จำนวน 7 คน

 คณะกรรมการประจำของกรมการเมือง 7 คน ได้แก่ สี จิ้นผิง(习近平), หลี่เฉียง(李强), เจ้าเล่อจี้(赵乐际), หวังฮู่หนิง(王沪宁), ไช่ฉี(蔡奇), ติงเซวียเสียง(丁薛祥), และหลี่ซี(李希) ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้นำระดับสูงสุดที่จะปกครองประเทศร่วมกันในแบบที่เรียกว่า การนำร่วมกัน (Collective Leadership)  

สื่อของทางการจีน สำนักข่าวซินหัวยืนยันชัดเจนว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นผู้เลือกเฟ้นบุคคลที่จะมานั่งอยู่ในคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ชุดใหม่ด้วยตนเอง เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และการคัดกรองสมาชิก ซึ่งแตกต่างจากการเตรียมการประชุมสมัชชาพรรคครั้งที่ 19 เมื่อ 5 ปีก่อน ที่เป็นเพียงการให้คำแนะนำ

 “หลักเกณฑ์ทั้งปวงนั้น ความซื่อสัตย์ต่อสหายสี จิ้นผิง และภักดีต่ออุดมการณ์ของเขา ต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก” รายงานข่าวของซินหัวระบุ  

สำหรับคณะกรรมการประจำของกรมการเมืองชุดใหม่นี้ เป็นสมาชิกเก่า 3 คน ได้แก่ สีจิ้นผิง วัย 69 ปี, เจ้า เล่อจี้ วัย 65 ปี, และหวัง ฮู่หนิงวัย 67 ปี

ทั้งนี้ ที่ประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคเมื่อวันอาทิตย์ (23 ต.ค.) รับรอง สี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการใหญ่พรรค และประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางเป็นสมัยที่สาม

คณะกรรมการประจำของกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดใหม่ (สมัชชา 20) ซึ่งจะร่วมกันปกครองประเทศจีนในอีกห้าปีข้างหน้า ได้แก่ สี จิ้นผิง, หลี่ เฉียง, เจ้า เล่อจี้, หวัง ฮู่หนิง, ไช่ ฉี, ติง เซวียเสียง, และหลี่ ซี (ภาพรอยเตอร์)

ประธานาธิบปี สี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่สาม พบปะสื่อมวลชนทั่วโลกในวันที่ 23 ต.ค. 2022 (ภาพรอยเตอร์)
สำหรับประวัติและเส้นทางชีวิตของ สี จิ้นผิง กล่าวแบบย่นย่อได้ว่า เขาเกิดที่เมืองฝูผิง มณฑลส่านซี บิดาคือ  สี จ้งซุน(习仲勋)  หนึ่งในวีรบุรุษการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ สีถูกจัดอยู่ในกลุ่มลูกท่านหลานเธอ (Princeling) ของกลุ่มผู้นำรุ่นที่ 5 แห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทว่า ในวัยหนุ่มได้ผ่านชีวิตตรากตรำงานหนักโดยช่วงที่สีอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นยุคปฏิวัติวัฒนธรรม เขาถูกส่งไปทำงานหนักยังเขตทุรกันดารในมณฑลส่านซี

สี จิ้นผิง ไต่เต้าการเมืองช่วงแรกๆในมณฑลฝูเจี้ยน เริ่มจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเมืองเซียะเหมิน (ปี 1985), เลขาธิการพรรคในอำเภอหนิงเต๋อ(ปี1988), เป็นเลขาธิการพรรคประจำเมืองฝูโจว (ปี1990), รองเลขาธิการพรรคประจำมณฑลฝูเจี้ยน (ปี1996), และผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน (ปี 2000) ขณะเดียวกันสีก็ไปลงทะเบียนเรียนปริญญาโท-เอก ภาคพิเศษ ที่มหาวิทยาลัยชิงหวาในปักกิ่งจนจบปริญญาเอกทางกฎหมายในปี 2002 ช่วงปลายปี 2002 ย้ายไปเป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลเจ้อเจียงแห่งชายฝั่งตะวันออกจีน ต่อมาในเดือนมีนาคม 2007 ขึ้นนั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคประจำมหาเซี่ยงไฮ้ และเป็นเลขาธิการพรรคฯสมัยแรกในปี 2012

ด้าน  เจ้า เล่อจี้  ในชุดการนำของสมัชชา 19 เป็นนายใหญ่คณะกรรมการตรวจสอบวินัยของพรรคมือขวาปราบปรามคอรัปชันซึ่งเป็นแกนในการกระชับอำนาจและสร้างความอบธรรมของสีจิ้นผิง และยังหมั่นปลูกฝังความจงรักภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ขณะที่  หวัง ฮู่หนิง  วัย 67 ปี ฉายา “ซาร์สแห่งภาคอุดมการณ์” ในสมัชชา 19 เป็นเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการพรรคซึ่งดูแลงานประจำวันของประธานาธิบดี หวังเป็น “มันสมองเบื้องหลังบัลลังก์อำนาจ”ในการเมืองจีนทั้งเป็นตัวหลักในการร่าง  “ทฤษฎีสามตัวแทน” (Three Represents)  ของอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน และ “มุมมองการพัฒนาวิทยาศาสตร์” (Scientific Development Perspective) ของอดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา หวังเป็นนักทฤษฎีการเมืองคนสำคัญสุดของสี เป็นหนึ่งในสถาปนิกผู้สร้างแนวคิด “ความฝันจีน” (Chinese Dream)  อีกทั้งเป็นผู้ติดตามสีในทริปเยือนต่างประเทศและทริปตรวจการณ์ที่สำคัญๆ และยังเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายธรรมาภิบาลทางอินเทอร์เน็ตของจีน กลุ่มนักวิเคราะห์เก็งว่า หวัง จะขึ้นเป็นประธานสภาผู้แทนประชาชนแห่งจีน หรือสภานิติบัญญัติ ที่จะรับรองตำแหน่งกันในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

มาดูกลุ่มสมาชิกหน้าใหม่ 4 คน ในคณะกรรมการประจำของกรมการเมืองคือ หลี่เฉียง วัย 63 ปี, ไช่ฉี วัย 66 ปี, ติงเซวียเสียง วัย 60 ปีและ หลี่ซี วัย 66 ปี เกือบทั้งหมดเป็นคนใกล้ชิดและทำงานกับสีจิ้นผิงมานาน พวกเขาเติบโตมาจากฝักฝ่ายการเมืองของสีจิ้นผิง ที่เรียกขานว่า  “ขุนศึกแห่งจือเจียง” (之江新军)  หรืออาจเรียกเป็น “ขุนศึกแห่งเจ้อเจียง” (จือเจียงหมายถึงเจ้อเจียง)  

 หลี่ เฉียง ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคฯประจำเซี่ยงไฮ้ เป็นสมาชิกกรมการเมืองในชุดการนำของสมัชชา 19 เขาทำงานใกล้ชิดกับสีมาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 ในปี 2004 หลี่เป็นเลขาธิการทั่วไป (secretary general) ของคณะกรรมการพรรคฯในมณฑลเจ้อเจียง ทำงานใต้บังคับบัญชาของสีจนกระทั่งปี 2007

นับจากปีที่สีขึ้นกุมอำนาจใหญ่สุดของพรรคฯในปี 2012 หลี่ได้รับมอบหมายบทบาทใหญ่ๆ ในเมืองศูนย์กลางการเงินชายฝั่งตะวันออก จนกระทั่งในปี 2017 ขึ้นมานั่งเก้าอี้เลขาธิการใหญ่พรรคฯประจำมหานครเซี่ยงไฮ้ ในต้นปีนี้หลี่ถูกวิจารณ์ยับเรื่องใช้มาตรการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้นานสองเดือน

ตามการวิเคราะห์อย่างกว้างขวางระบุว่า หลี่ เฉียงจะขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแทนที่หลี่เค่อเฉียงในเดือนมีนาคมปีหน้าในการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ นอกจากนี้เป็นที่จับตากันอย่างกว้างขวางอีกว่า หลี่เป็นหนึ่งในตัวเก็งแถวหน้าที่จะเป็นทายาทผู้นำของสี

 ไช่ ฉี  ในที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รับรองไช่ ฉี เป็นเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการพรรค (Secretariat) ไช่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำที่ดื้อรั้นระหว่างที่เป็นเลขาธิการพรรคฯประจำกรุงปักกิ่ง เขามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสีจิ้นผิง เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสผู้เคยทำงานใต้บังคับบัญชาของสีในช่วงที่สีนั่งตำแหน่งผู้นำใหญ่ทั้งในมณฑลฝูเจี้ยน และมณฑลเจ้อเจียง

ไช่ เกิดในฝูเจี้ยน เป็นผู้ว่าเมืองซันหมิงซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในปี 1997 ตอนนั้นสีเป็นรองเลขาธิการพรรคของมณฑลฝูเจี้ยน

ไช่ ถูกย้ายมากินตำแหน่งในมณฑลเจ้อเจียงในปี 1999 และคร่ำหวอดสังเวียนการเมืองมณฑลยักษ์ใหญ่แห่งชายฝั่งตะวันออกจีน นาน 15 ปี จนไต้ขึ้นมาเป็นรองผู้ว่ามณฑล ซึ่งเป็นช่วงที่สีเป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลเจ้อเจียง

ราศรีดาวรุ่งการเมืองของไช่ฉายชัดเจนในปี 2014 เมื่อถูกดันขึ้นมาเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานทั่วไปของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สีเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธาน ต่อมา ไช่ได้เลื่อนขั้นมาถึงระดับรัฐมนตรี และเป็นผู้ว่าปักกิ่งในปี 2016 ปีถัดมาก็ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคประจำกรุงปักกิ่ง และได้เข้ากรมเมืองในปีนั้น

 ติง เซวียเสียง เป็นที่กล่าวขานกันว่า  “ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงอยู่ที่ไหน ติงผู้ช่วยคนสำคัญของสี ก็อยู่ที่นั่นด้วย”  สาธารณชนอาจไม่ได้ยินชื่อของติง เซวียเสียง บ่อยนัก เขานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสำนักงานทั่วไปกลางของพรรค (General Office) จากปี 2017 เป็นผู้ดูแลการประชุม เอกสารงาน และการเยี่ยมเยือนที่ต่างๆ ของประธานาธิบดี

ติง เป็นผู้หนึ่งที่สีไว้วางใจที่สุด และได้ร่วมเดินทางไปกับสีในทริปอย่างเป็นทางการบ่อยที่สุด ติงมีภูมิหลังในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีประสบการณ์ในหน่วยงานทั้งหมดของพรรค

ติง จบการศึกษาเอกวิชาวิศวกรรมเครื่องกลจาก Northeast Heavy Machinery Institute และจบปริญญาโท เอกวิชาการบริหารรัฐกิจ (public administration) จากมหาวิทยาลัยฟู่ตัน นครเซี่ยงไฮ้

ติง คร่ำหวอดในสถาบันวิจัยในเซี่ยงไฮ้ Shanghai Research Institute of Materials นาน 14 ปี ในปี 1999 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งทำให้เขาได้เข้าสู่เส้นทางดาวรุ่งการเมือง

ปี 2007 ติงมาคุมสำนักเลขาธิการทั่วไปของเซี่ยงไฮ้ทำงานร่วมกับสีจิ้นผิงในปีนั้น ห้าปีต่อมาเขาก็ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคของคณะกรรมาธิการกฎหมายและการเมืองประจำเซี่ยงไฮ้

คณะกรรมการประจำของกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ได้รับเลือกในการประชุมสมัชชา 20 พบปะสื่อมวลชนทั่วโลกในวันที่ 23 ต.ค. 2022 (ภาพรอยเตอร์)

การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ณ มหาศาลาประชาชนจีน กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 16-22 ต.ค. 2022 เป็นเหตุการณ์สำคัญของพรรคฯจัดทุกๆ 5 ปี มีผู้แทนพรรคฯทั่วประเทศ กว่าสองพันคนเข้าร่วมประชุม  (ภาพ เอพี)

พนักงานต้อนรับในที่ประชุมสมัชชาพรรคฯครั้งที่ 20 ที่จัดขึ้นที่มหาศาลาประชาชนจีน กรุงปักกิ่ง อักษรบนผนังอาคารเขียนว่า “สามัคคีแน่นแฟ้น เชิดชูสหาย สี จิ้นผิง เป็น “แกน” (ภาพ เอพี)
เมื่อสี กุมอำนาจสูงสุดของพรรคในปี 2012 ติงก็ถูกย้ายเข้ามายังปักกิ่งเป็นรองหัวหน้าสำนักงานกลางพรรค (General Office) และหัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดี เขารับตำแหน่งต่อจาก ลี่ จ้านซู บิ๊กหมายเลขสาม โดยได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกลางพรรคในปี 2017

ทั้งนี้สำนักงานกลางพรรค คือ ศูนย์รวม หรือ ปมประสาท (nerve centre) ของพรรค ซึ่งหมายความว่า ติงมีบทบาทสำคัญหลังฉากในการจัดการกิจธุระต่างๆ ให้กับสีและเหล่าผู้นำระดับสูงสุด

 หลี่ ซี  ที่ประชุมเต็มคณะคณะกรรมการกลางพรรคเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้รับรองตำแหน่งใหญ่คือ เลขาธิการคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยพรรคให้แก่ หลี่ ซี ไปเรียบร้อยแล้ว

หลี่ เป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลกวางตุ้ง เป็นที่กล่าวขานอย่างกว้างขวางว่าหลี่จงรักภักดีต่อสีอย่างเหนียวแน่นที่สุดคนหนึ่ง แม้ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายงานอาชีพโดยตรง

บ้านเกิดของหลี่อยู่ที่มณฑลกันซู่แห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือจีน สั่งสมประสบการณ์งานปกครองบริหารทั่วแผ่นดินใหญ่ จากมณฑลกันซู่ มณฑลส่านซี ไปยันศูนย์กลางการเงินเซี่ยงไฮ้ ทั้งยังได้ฝังตัวในเขตอุตสาหกรรมเก่าขึ้นสนิม (rust-belt province) ในมณฑลเหลียวหนิงแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และขุมพลังเศรษฐกิจแห่งภาคใต้ในกวางตุ้ง

หลี่ไม่ได้ทำงานกับสีโดยตรงแต่มีความเชื่อมโยงในบางด้านที่ได้ใจสีสุดๆ กล่าวคือ ในปี 2007 หลี่ เป็นเลขาธิการพรรคประจำเมืองเหยียนอันในมณฑลส่านซีซึ่งเป็นฐานปฏิวัติสำคัญของเหมาเจ๋อตง ที่นั่นเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเหลียงจยาเหอ (梁家河村) เป็นถิ่นทุรกันดารที่สีในวัยหนุ่มน้อยได้ผ่านชีวิตทำงานหนักทั้งเก็บเกี่ยวข้าว ตัดหญ้า เลี้ยงสัตว์ นานถึง 7 ปีในระหว่างยุคเหมาเจ๋อตง

ตอนที่หลี่เป็นเลขาพรรคที่เหยียนอัน เขาเขียนจดหมายถึงสี ซึ่งเพิ่งขึ้นนั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคประจำเซี่ยงไฮ้ สี ตอบจดหมายของหลี่ ว่า เขาได้ทิ้งหัวใจไว้ที่หมู่บ้านเหลียงจยาเหอ ประสบการณ์ชีวิตที่นั่นได้ก่อร่างทิศทางการเมืองของเขา ใน 7 ปีต่อมา สีได้เขียนจดหมายถึงชาวบ้านที่นั่นอีกสามครั้ง หมู่บ้านเหลียงจยาเหอได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่มททงการจีนได้เรียกว่า  “พันธะผูกพันกับประชาชนรากหญ้าของสี” 

บ้านเกิดของหลี่ยังเป็นสะพานเชื่อมอีกแห่งระหว่างเขากับประธานาธิบดีสี หลี่เกิดที่อำเภอเหลี่ยงตัง (两当县) ในมณฑลกันซู่ ที่ซึ่ง สี จ้งซุน (1913-2002) บิดาของสี ก่อการลุกฮือและเข้าสู่เส้นทางการปฏิวัติ

ในปี 2013 อำเภอเหลี่ยงตังจัดงานรำลึกครบรอบวันเกิดปีที่ 100 ของสี จ้งซุน หลี่เป็นสหายอาวุโสจากเซี่ยงไฮ้กลับไปที่บ้านเกิด และเขาก็ได้กระทบไหล่คนคนหนึ่ง คือ สี หย่วนผิง (习远平) น้องชายคนเล็กของสี จิ้นผิง


กำลังโหลดความคิดเห็น