xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

‘ระบบหัวจ่าย’ ทำลายชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"โสภณ องค์การณ์"

ท่านห้าวเป้งรอดหรือไม่รอด บ่ายแก่ๆ วันที่ 30 กันยายน ก็น่าจะรู้ แม้แต่ช่วงเช้า บรรยากาศก็ยังแปรปรวน ถ้าไม่มีปรากฎการณ์ “ฟ้าผ่า” ก่อนเที่ยงวัน อนาคตประเทศน่าจะลำบาก หมายความว่าบ้านเมืองจะต้องอยู่ภายไต้ “ระบบหัวจ่าย” อีกนาน

ระบบหัวจ่ายเป็นปัญหาหลักของการทุจริต คอร์รัปชั่นของประเทศ สร้างความบิดเบือนในกระบวนการต่างๆ ทั้งเพื่อผลประโยชน์ด้านธุรกิจ หรือผลดีส่วนบุคคล

เสียงร่ำลือของอิทธิพลของหัวจ่ายมีแทบทุกงานที่เกี่ยวโยงกับความอยู่รอดทางการเมือง เช่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งก่อนโน้นที่มีการลากกระเป๋า ก็มีเสียงร่ำลือว่ามี 2 หัวจ่ายแบ่งกันรับผิดชอบคนละ 150 กก.

ถึงต้องแบ่งใส่กระเป๋าเอกสารหลายใบ แก้ปัญหาภาวะฉุกเฉินเพื่อความอยู่รอดมีเสียงร่ำลือว่ามากกว่า 20 นักรับจ้างยกมือกระเป๋าตุงไปคนละ 5 กิโล

พฤติกรรมเร้นลับอย่างนี้ปิดไม่มิด เป็นที่รับรู้กันในวงใน บางมือรับยอมรับเอง

ใครจะสามารถระดมเงินสดระดับร้อยๆ ล้านในช่วงเวลาสั้น นอกจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีก จากนั้นก็มีการเคลียร์กันระหว่างกลุ่มหัวจ่ายที่ไม่อยู่ในวงการค้าได้เงินสด

หัวจ่ายจึงต้องมีเงินสดพร้อมสำหรับงานใหญ่ จะเบิกเงินสดเป็นร้อยๆ ล้านจากธนาคารจึงเป็นเรื่องผิดปกติ ดังนั้นจึงต้องมีการสะสมเงินสดจากการค้าขาย พร้อมร่วมกันรับผิดชอบแชร์กับหัวจ่ายที่ไม่มีกระแสเงินสดในธุรกิจ

ในทุกยุคของการเมือง บรรดาหัวจ่ายต้องพร้อมรับภาระเป็นนายทุนให้พรรคการเมือง มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ความสำคัญและโอกาสที่จะได้อยู่ในอำนาจ

ยิ่งถ้าได้คุมกระทรวงหลัก สามารถเอื้อประโยชน์ในโครงการระดับหมื่นหรือแสนล้านด้วยแล้ว หัวจ่ายพร้อมจะลงทุนล่วงหน้า เพื่อกำไรในระยาว

ปัจจุบันเห็นการแข่งขันชิงโครงการใหญ่ หรือผลักดันนโยบายสำหรับแผนงานใหม่ หัวจ่ายพร้อมที่จะส่งเสริม ถ้าตัวเองได้ประโยชน์ และพร้อมจะหาทางระงับตัดตอนถ้าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อรายได้ของธุรกิจของตนเอง

บางครั้งหัวจ่ายต้องใจถึง ใจกว้าง เพื่อให้ได้ใจผู้มีอำนาจ ผูกพันผลประโยชน์ระยะยาวโดยไม่ต้องเหลือหลักฐานไว้ให้สงสัยว่ามีการทุจริต ตัวโกงยังสามารถทำหน้าซื่อใสเยี่ยงคนบริสุทธิ์ อ้างกับประชาชนว่าตัวเองเป็นคนมือสะอาด ไม่โกง

ประชาชนหารู้ไม่ว่าหัวจ่ายได้ผ่องโอนให้เข้าบัญชีธนาคารต่างประเทศไว้แล้ว พร้อมจะใช้จ่ายถ้าจำเป็นต้องหนีออกนอกประเทศ เมื่อประชาชนลุกฮือขับไล่

มีบางยุค หัวจ่ายต้องรับผิดชอบการลงทุนในการรัฐประหาร รถถังจะขยับได้ต้องมีน้ำมัน ผู้สั่งการจะเต็มใจก็ต่อเมื่อเห็นว่าทำแล้วคุ้ม กระเป๋าตุงแล้ว

การต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมบางยุค “ระบบหัวจ่าย” ทำงานได้ผล สร้างความเสียหายมหาศาล เบี่ยงเบนทิศทางของอนาคตประเทศ เปิดทางให้คนประเภทกังฉินกินเมือง บ้าอำนาจเข้ามากุมชะตากรรมบ้านเมือง

สร้างเครือข่ายการทุจริตทั้ง “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” และ “ฉ้อฉลโดยกฎหมาย” สร้างความมั่งคั่งในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่บางพวก สร้างความไม่เป็นธรรมในสังคม ความน่าเชื่อถือในระบบกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมสิ้นสภาพ
เราจะได้เห็นฤทธิเดชของระบบหัวจ่ายในช่วงนี้ ถ้าประสบความสำเร็จ บ้านเมืองจะสิ้นระบบของความเที่ยงธรรม ประชาชนจะพึ่งพาอะไรไม่ได้

สัญญาณแห่งพลังของระบบหัวจ่ายได้ปรากฏชัดไม่กี่วันก่อน โดยคำพูดของ 1 ในหัวจ่ายหลัก มีอิทธิพลสูง จะเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นในช่วงนี้

หัวจ่ายและระบบคอร์รัปชั่นทุกประเภทจึงเอื้ออำนวนต่อกัน บ้านเมืองเสียหาย

การอยู่รอดหรือไม่ของท่านห้าวเป้ง มีความหมายต่อทิศทางของบ้านเมืองในแง่ที่ว่าผลที่ตามมาจะสร้างความเสียหายมากหรือน้อยแค่ไหน อย่าหวังว่าจะดีขึ้น

นั่นเป็นเพราะระบบโครงสร้างของบ้านเมืองผุกร่อนทุกด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ระบบคุณธรรม นิติรัฐ นิติธรรม ส่งผลให้เป็นรัฐล้มเหลวระดับหนึ่ง

ถึงมีข้อความประชดตามท้ายรถบรรทุก “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีที่ไทย ยิ่งทำอัปรีย์จัญไร ยิ่งได้ดี” จะว่าไม่จริงก็ไม่ใช่ เมื่อเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในภาครัฐ การวิ่งเต้นให้ได้ตำแหน่ง การรับสินบน ฉ้อราษฎร์ บังหลวง

ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกเผชิญกับวิกฤติ หลายประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่อเค้าว่าจะรุนแรงกว่าที่เคยเป็นมา เว้นแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำ

แต่ใครจะรู้ว่าจะไม่ลุกลามสร้างความหายนะให้ประเทศที่มีจุดอ่อน หนี้สินมาก ดังเช่นอาร์เจนตินา และเลบานอน ล่าสุดก็เกิดที่ศรีลังกา ยังหาทางออกไม่ได้

ถ้าประเทศไทยอยู่ในสภาพนี้ ขาดผู้บริหารประเทศที่เข้าใจ เชี่ยวชาญปัญหาเศรษฐกิจ การทีมทำงานที่มีประสิทธิภาพ โอกาสรอดง่ายๆ คงยาก

ปัญหาพลังงานราคาแพง เงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง ความขาดแคลน ทั่วโลก

ถ้าไม่เลิก หรือลดการโกงกิน บ้าอำนาจ ระบบหัวจ่ายมีอิทธิพลเหนืออำนาจรัฐ ประเทศไทยเสี่ยงต่อหายนะเชิงโครงสร้าง ชาวบ้านที่ลงทะเบียนคนจนจะสิ้นไร้ไม้ตอก

โอกาสที่คนดี ใจซื่อมือสะอาดจะเข้าสู่ในอำนาจการเมืองเป็นเรื่องยาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะ “เงินมีอำนาจ” แม้แต่หัวจ่ายยังต้องชิงดีชิงเด่น แข่งกันรวย

แข่งกันอย่างเข้มข้นจนถึงขั้นเจอหน้ากันในงานใหญ่ยังไม่ยอมยกมือไหว้กันแล้ว ความผยองในอำนาจเงินทำให้คลื่นระลอกหลังทยอยไล่คลื่นระลอกแรก

หัวจ่ายบางรายกุมอำนาจเหนือรัฐ มีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจของผู้กุมอำนาจ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ระบบนิติรัฐ นิติธรรมไม่ทำงานน่าเชื่อถือ บ้านเมืองรอดยาก

ทุกวันนี้ก็เดินตามหลังเพื่อนบ้านแทบไม่ทันอยู่แล้ว อย่าว่าแต่จะหวังนำเลย


กำลังโหลดความคิดเห็น