xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดแผนการเมืองถอนร่างกม.กัญชาฯ “พท.-พปชร.-ปชป.” เล่นเกมป่วน? สุญญากาศนานขึ้น “ใครรับผิดชอบ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การปลดล็อกกัญชาจากบัญชียาเสพติดพร้อมกับการเสนอร่างกม.กัญชาฯ ที่เข้าสู่วาระที่ 2 ถือว่าเดินมาครึ่งค่อนทาง แต่แล้วจู่ๆ กลับเกิดความปั่นป่วนขึ้น เมื่อมีสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ถอนร่างออกไปจากการพิจารณา โดย “พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ” ยกมือคว่ำจนสังคมงงไปตามๆ กัน จนเกิดคำถามตามมาว่า มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองหรือไม่ ด้วยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ปรากฏว่าเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบในกฎหมายฉบับนี้มากถึง 373 เสียงต่อ 7 เสียง 

ที่สำคัญคือ มีหลักฐานปรากฏเป็นข่าวเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 โดย “นายแพทย์กิตติ โล่สุวรรณรักษ์” ผู้อำนวยการสถาบันกัญชาทางการแพทย์ได้รายงานว่า จาการเก็บข้อมูลรายงานผู้ป่วยที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์หรือภาวะพิษเฉียบพลันจากการใช้กัญชา ให้ห้องฉุกเฉินตั้งแต่มิถุนายนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ในโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ 10 แห่ง โรงพยาบาลภาครัฐ 79 แห่ง พบมี 63 คนเท่านั้นจากทั่วประเทศที่มีการใช้กัญชาในรูปแบบนันทนาการหรือเฉลี่ยประมาณวันละ 1-2 คนต่อวันเท่านั้นจากทั่วประเทศและมีแนวโน้มลดลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการใช้มาตรการต่างๆ ทั้งทางกฎหมายและข้อมูลข่าวสารสามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้

ประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นเกมการเมืองป่วนสภากระทั่งมีการถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. .... ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว และนำเข้าสู่สภาฯเพื่อพิจารณาในวาระสองและสาม เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น เปิดเกมเขี่ยลูกโดย  “นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์”  ขอหารือก่อนเข้าสู่การพิจารณา ว่าร่างเดิมมี 45 มาตรา แต่มีการเพิ่มขึ้นใหม่ 69 มาตรา และมีการตัดทอนเกือบทุกมาตรา จึงมีความเห็นว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ไปปรับปรุงหรือทบทวนอีกครั้ง เพราะร่างที่รับมาเป็นร่างของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่ร่างของ ครม.อาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากส่วนราชการต่างๆ อาจไม่รอบคอบได้

พร้อแซะเนื้อหาของร่างกฎหมายกัญชาฯ ว่ามีลักษณะที่ไม่ได้เป็นการควบคุมหรือใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ จึงมีการเรียกร้องให้เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก หรือการให้ประชาชนสามารถปลูกได้โดยเสรีเพียงจดแจ้งเท่านั้น ไม่ใช่วัตถุทางการแพทย์แต่เป็นเรื่องสันทนาการ จึงอยากให้ กมธ.รับฟังความเห็นของสังคมและข้อห่วงใยจะเกิดประโยชน์และรอบคอบที่สุด ตามมาด้วย  “นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย”  ที่ออกมาอภิปรายสนับสนุนให้ กมธ.ถอนร่างออกไปทบทวนใหม่

เรียกว่า ฟาดตรงไปยังพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะว่าไปตอนนี้หยิบจับอะไรดูเข้าตาสังคมเรียกคะแนนนิยมได้เหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่มานมนานเก่าแก่แต่สาละวันเตี้ยลง ไม่ได้มีผลงานโดดเด่นครองใจประชาชน ถ้าไม่นับโครงการประกันรายได้เกษตรกรที่พอเป็นเนื้อเป็นหนังบ้าง ชื่อชั้นของประชาธิปัตย์คล้ายจะเลือนหายไปจากสังคมเลยทีเดียว

เพราะจะว่าไป ก็ต้องยอมรับว่า พรรคภูมิใจไทยคือคู่แข่งทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ และกำลังรุกคืบจนเป็นที่คาดหมายว่า ในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงคงแย่งพื้นที่ของพรรคเก่าแก่มาได้อักโข ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็กำลังหวาดหวั่นกับความแรงในพื้นที่ภาคอีสาน ดังเห็นได้จากมี ส.ส.และนักการเมืองย้ายสังกัดไปให้เห็นต่อหน้าต่อตา แม้กระทั่ง “ทักษิณ ชินวัตร” ยังออกโรงแซะทุกครั้งที่มีโอกาสเลยก็ว่าได้

ขณะที่ “นายศุภชัย ใจสมุทร” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ. ยืนยันว่า คณะ กมธ. พิจารณาร่างกฎหมายดีที่สุด และได้กำหนดมาตรการป้องกันไว้แล้ว กมธ.ไม่ได้หละหลวมเรารับฟังเสียงจากทุกภาคส่วน เป็นร่างกฎหมายที่สมบูรณ์ที่สุดและมีการอุดช่องโหว่ไม่จำเป็นต้องถอนร่างออกไป

จากนั้น บรรดา ส.ส.ต่างลุกขึ้นอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง มีทั้งเสียงที่สนับสนุนให้ถอนร่างออกไป และเสียงที่ให้สภาเดินหน้าพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวต่อไปกระทั่งเวลา 17.40 น. ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่มีมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุมสภา ด้วยคะแนน 198 ต่อ 136 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

เมื่อร่างกฎหมายกัญชาฯ มีอันสะดุด ทั้งๆ ที่น่าจะผ่านฉลุยในวาระสอง เพราะวาระแรกที่ผ่านมาส.ส.ในสภาฯ ยกมือสนับสนุนล้นหลาม  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) บอกกล่าวต่อสังคมในตอนหนึ่งของการปาฐกถาหัวข้อ “Health for Wealth สู่การพัฒนาระบบสุขภาพที่ยั่งยืน” ในงานมหกรรมการจัดการความรู้จากบทเรียนโควิด 19 และโครงการประชุมวิชาการ กระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า “....เมื่อวานนี้ในสภาได้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น คือ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่ถูกปรับปรุงในชั้นกรรมาธิการแล้ว ได้ถูกถอนออกไปจากการพิจารณา โดยผู้ที่เสนอให้ถอนและผู้สนับสนุนนั้น อ้างว่าต้องการให้ไปพิจารณาให้รอบคอบก่อน

“ผมก็แปลกใจครับว่าร่างที่มีการแก้ไขปรับปรุง จากเดิมมีเพียง 45 มาตรา แก้ไขไป 21 มาตรา และเพิ่มใหม่กว่า 60 มาตรา โดยที่มีทั้งกรรมาธิการและผู้เชี่ยวชาญ มาเป็นที่ปรึกษาครบทุกด้านนั้น จะไม่รอบคอบกว่าร่างเดิมที่ผ่านวาระรับหลักการมาแล้วได้อย่างไร แต่เข้าใจได้ว่าเป็นประเด็นการเมือง เมื่อประชาชนจำนวนมากเริ่มได้รับประโยชน์จากนโยบายกัญชาแล้ว ในขณะที่การเลือกตั้งก็ใกล้เข้ามา ก็เข้าใจได้ในเป้าประสงค์ทางการเมืองของกลุ่มที่คัดค้าน” นายอนุทิน กล่าวพร้อมทั้งยืนยันว่า ขอให้มั่นใจว่าประโยชน์ทางการแพทย์ที่ประชาชนได้รับจากนโยบายกัญชานั้นจะไม่สะดุด เพราะทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศที่จำเป็นสำหรับการควบคุมและบังคับใช้ไว้หมดแล้วตั้งแต่ช่วงต้นของการปลดล็อก

นายอนุทิน ยังให้สัมภาษณ์สื่อหลังจากเปิดงานประชุมฯ ด้วยว่า สภาฯให้กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง กลับไปทบทวน ก็จะกลับไปทบทวน เพราะยังไม่มีการพิจารณาแม้แต่มาตราเดียว ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะ สธ.รอบคอบตั้งแต่แรก ทราบดีว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น เนื่องจากจะทำให้พรรคการเมืองหนึ่ง มีแต้มต่อเหนืออีกหลายพรรคการเมือง เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งที่มองเห็นตั้งนานแล้ว ถึงต้องเร่งปลดล็อกกัญชา และใช้ประกาศของสธ.ในการกำกับดูแลให้รอบคอบ แม้พ.ร.บ.นี้ไม่ได้รับการพิจารณาโดยสภาก็มีกฎหมายที่ดูแลอยู่

"ท่าทางเขาดึงเกมยาวแน่ ก็จะไปไล่ดูกฎหมายทั้ง 95 มาตราว่า สามารถเพิ่มไปในประกาศของ สธ.ได้ก็จะทำ จะได้ไม่ต้องกังวลตื่นตระหนกตกใจอะไร พ.ร.บ.นี้เป็นเกมการเมืองอยู่แล้ว เพราะว่าตอนเข้ามาวาระแรกรับหลักการทุกคนรับหมดมี 45 มาตรา ถ้าทำหละหลวมต้องลดลงเหลือ 10 มาตรา แต่นี่เพิ่มเป็น 90 มาตรา จะหละหลวมได้อย่างไร ก็เป็นการปรับปรุงตามข้อทักท้วงและคำแนะนำของประชาชนและนักวิชาการ เพื่อให้เป็นพ.ร.บ.ที่สมบูรณ์ ในกรรมาธิการก็มีทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ แพทย์ต่างๆ ในนั้น ตรงนี้คิดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นการทำร้ายประชาชน แต่ภูมิใจไทยไม่เกี่ยว และนโยบายกัญชาทางการแพทย์ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะสธ.มีความรอบคอบ ออกประกาศสธ.ต่างๆ รองรับครอบคลุมไว้แล้ว" นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถูกถามว่าจะกระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมหรือไม่ นายอนุทิน ตอบชัดว่า ส่วนที่กระทบก็กระทบไป มั่นใจประชาชนได้ประโยชน์ก็ทำ จากนี้หากมีอะไรเกี่ยวกับกัญชาก็อย่ามาว่าพรรคภูมิใจไทย หรือมาที่สธ. ให้ไปที่พรรคที่เตะถ่วงก็มี 3 พรรค คือ ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และพลังประชารัฐ ซึ่งภูมิใจไทยต้องการให้มีกฎหมายกัญชง กัญชา ออกมาบังคับใช้ ประชาชนเห็นอยู่แล้วว่าเกมเป็นอย่างไร เพราะรับหลักการแล้วคือควรจะมีกฎหมายกัญชงกัญชา ถ้าจะไม่เห็นด้วยก็ต้องไม่เห็นด้วยเป็นรายมาตราไป ให้ได้เริ่มก่อน แต่นี่แม้แต่คำปรารถยังไม่พิจารณาเลย คิดอย่างอื่นไม่ได้ ประชาชนก็รู้ว่าทำร้ายประชาชนอย่างไร

นายอนุทิน ยังยืนยันว่าหลังเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่จะผลักดันเรื่องนี้ต่อแน่นอนถ้าภูมิใจไทยได้กลับเข้ามาอีก ส่วนที่ว่าจะเกมการเมืองที่ 3 พรรคใหญ่เตะถ่วงพ.ร.บ.กัญชาฯ ไม่กระทบคะแนนเสียง มีแต่ดีขึ้น ขอบคุณที่ช่วยหาเสียงให้ และกัญชาจะกลับไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ คนเซ็นให้กลับคืนตนเองในฐานะรมว.กระทรวงสาธารณสุข แล้วจะเซ็นหรือไม่

แน่นอนนายอนุทิน ย่อมไม่เซ็นอยู่แล้ว

คำบอกกล่าวต่อสังคมของนายอนุทินที่เชือดเฉือนนักการเมืองด้วยกันถือว่าไม่บันเบา แต่ที่ฟาดหนักๆ อีกหมัด ให้เห็นความสับปลับของพรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์และเพื่อไทยรวมทั้งพลังประชารัฐ ที่กลับลำกลืนน้ำลายตัวเองจากที่ยกมือหนุนพรึ่บพรั่บก็หันมาคัดค้านถึงขั้นถอยหลังลงคลอง ต้องฟังจาก  นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง (ฉบับที่..) พ.ศ. .... แถลงที่สภาฯกรณีพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย มีมติไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระ 2 พร้อมขอให้ถอนร่างดังกล่าวออกเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข

นายปานเทพ ระบุว่า สิ่งที่ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 65 รัฐบาลออกประกาศจำนวนมาก เพื่อคุ้มครองสังคมช่วงที่รอกฎหมาย แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ดีพอสมควร แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่มีความรัดกุมรอบคอบ ทั้งนี้ หากร่างฉบับนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบ ฝ่ายการเมืองก็ต้องคำนึงว่าสถานการณ์ที่พยายามจะอยู่ในสุญญากาศให้สั้นที่สุดทางข้อกฎหมายที่สังคมมีความเชื่ออย่างนั้นจะยังคงดำรงอยู่ต่อไป

โฆษก กมธ.ฯ มีข้อสังเกต คือ 1.การที่กัญชาให้ถูกออกจากบัญชียาเสพให้โทษประเภทที่ 5 เกิดขึ้นครั้งแรก 22 มิ.ย. 64 มีการเปลี่ยนแปลงมาตรา 29 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดและไม่ปรากฏรายชื่อกัญชาอยู่ในยาเสพติดประเภทที่ 5 อีกต่อไป ซึ่งการประชุมร่วมกันของรัฐสภาไม่ปรากฏว่ามีการแก้ไขมาตรานี้ ทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย และต่อมาวันที่ 24 ส.ค. 64 ที่ประชุมร่วมรัฐสภาลงมติเห็นชอบกับประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ที่แก้ไขทั้งฉบับ 467 เสียงเป็นเอกฉันท์ โดยไม่มี ส.ส.ทั้งสองพรรคนี้ออกเสียงคัดค้านแม้แต่คนเดียว แสดงว่าท่านมีส่วนร่วมอย่างยิ่งในการเอากัญชาออกจากยาเสพติด

2.คณะกรรมการ ป.ป.ส. ก็ได้ดำเนินการตามความเห็นของมติที่ประชุมรัฐสภา จึงได้มีมติเห็นชอบตามคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้กัญชาออกจากยาเสพติดวันที่ 8 ก.พ. 65 และให้มีผลบังคับใช้ 9 มิ.ย. 65

3.ร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง ที่ริเริ่มโดยพรรคภูมิใจไทยเสนอต่อประธานสภาตั้งแต่ 27 ม.ค. 65 แต่กว่าจะมีการรับหลักการ คือ 8 มิ.ย. 65 โดยผลการลงมติเสียงข้างมากเห็นชอบถึง 373 เสียง มีเพียง 7 เสียง ที่ไม่เห็นชอบ และเสียงข้างมากทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย เห็นชอบด้วย

4.ในคราวที่พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ รับวาระหลักการ กฎหมายนี้มีแค่ 45 มาตราเท่านั้น สมาชิกยังเห็นชอบเกือบเป็นเอกฉันท์ แต่เมื่อมีการปรับปรุงแก้ไขโดยกรรมาธิการที่ระดมสรรพกำลังประชุมทุกอาทิตย์ๆ ละ 2 วัน มา 19 ครั้ง กรรมาธิการจาก 21 คน มีส่วนที่ปรึกษา 40 กว่าคน มากกว่าคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ เพื่อรับฟังความเห็นรอบด้าน รวมถึงรับฟังจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย และยังให้มีการสงวนคำแปรญัตติตามรายมาตราตามกระบวนการที่เห็นว่าเป็นไปตามที่เห็นชอบของกรรมาธิการเสียงข้างมาก ทำให้มีความรอบครอบรัดกุมเพิ่มขึ้น เพิ่มจาก 45 มาตรา เป็น 95 มาตรา มากกว่า 2 เท่า และล้วนแต่เป็นมาตราที่มีบทบัญญัติควบคุมสังคม และเยาวชน วิธีการขาย สถานที่ขาย วิธีการใช้ เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์

 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย

 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
“ดังนั้น ที่พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า รับหลักการไปนึกว่ากฎหมายจะไม่มีความหละหลวม แต่ที่จริงเข้มข้นกว่าตอนรับหลักการวันที่ 8 มิ.ย. เสียด้วยซ้ำ ขอเรียนว่า แม้แต่เสียงพรรคประชาธิปัตย์เราก็รับฟัง เรายกให้ตัวแทนจากทั้งประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และเพื่อไทย ให้เป็นรองประธาน หากย้อนกลับไปได้วันประชุมนัดแรก พรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่ากลัวนันทนาการ กฎหมายไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม ผมอยากจะเรียนว่าผู้แทนพรรคท่านเป็นผู้เสนอฟูลมูนปาร์ตี้ ในเกาะแห่งหนึ่งในการใช้กัญชาอย่างเสรีใช่หรือไม่ เสนอมากกว่ากรรมาธิการเสียอีก” นายปานเทพ เน้นย้ำ สะท้อนถึงความสับปลับของทั้งสองพรรคการเมืองที่กลับลำ และยังจะให้เอากัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดอีกครั้ง

นายปานเทพ กล่าวว่า เนื่องจากในกรรมาธิการมีความหลากหลาย เราตัดสินใจรับฟังความเห็นรอบด้านจึงออกมาเป็นกฎหมายฉบับนี้ มีการรับฟังความเห็นจากทั้งประเทศ รวมไปถึงกระทรวงพาณิชย์ ดูผลโพลว่าประชาชนต้องการกี่ต้น เพราะกฎหมายฉบับนี้ไม่ต้องการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนทางการแพทย์ หรือกลุ่มทุนที่ต้องการความผูกขาด และต้องการให้กัญชาเป็นของประชาชน เราจึงกำหนดการสำรวจตามอีสานโพล ว่าหากเห็นพ้องต้องกันให้มีการปลูก จะให้ปลูกไม่เกิน 20 ต้น โดยเห็นชอบด้วย 62% แต่ได้มีการต่อรองให้ลดเหลือจำนวนการใช้ตามครัวเรือนตามพืชวัฒนธรรมที่ชาวบ้านเห็นว่าจำเป็นจะต้องปลูก รวมกับการลงทะเบียนกับ อย. จึงให้ 15 ต้น

“ดังนั้น เราจะคิดไปอย่างอื่นไม่ได้ เพราะสิ่งที่ท่านกำลังแถลงวันนี้ขัดแย้งกับสิ่งที่ท่านลงมติ และสิ่งที่เรากำลังเสนอรัดกุมรอบคอบมากกว่าวันที่ท่านรับหลักการอย่างชัดเจน และกฎหมายฉบับนี้ไม่มีทางที่จะปล่อยให้กัญชาเป็นยาเสพติด เพราะรัฐสภาเห็นชอบเองตั้งแต่ 24 ส.ค. 64 ในประมวลกฎหมายยาเสพติดให้ออกจากยาเสพติดอย่างเป็นเอกฉันท์เอง จึงขอวิงวอนว่ากฎหมายนี้ไม่ใช่ของพรรคภูมิใจไทยอีกต่อไป แต่กำเนิดขึ้นเพราะเสียงเรียกร้องของประชาชน เพราะต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ใต้ดินจำนวนมาก และกำลังถูกจับ รีดไถอย่างไม่เป็นธรรม จึงเรียกร้องขอปลูกเพื่อเป็นการพึ่งพาตนเอง พรรคประชาธิปัตย์ควรไปสำรวจตัวเองด้วยว่ามี ส.ส.กี่คนที่ไปลงทุนทำธุรกิจกัญชา-กัญชง ในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเสียยิ่งกว่าอีก มีกี่คนที่ปลูกรอธุรกิจของตัวเอง”

นายปานเทพ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ผ่านการทุ่มเทจากทุกภาคส่วน โดย 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้เร่งรัดเพราะห่วงสุญญากาศที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องเดินหน้าเพื่อให้บรรจุวาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งเพื่อให้ประชาชนตัดสินว่าผู้แทนปวงชนชาวไทยเหล่านี้กำลังเล่นการเมือง หรือยึดประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่นึกถึงว่าใครจะได้คะแนนเสียงมากกว่าในพื้นที่หากกฎหมายนี้จะผ่าน

“ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ ผมรู้สึกผิดหวังมากที่เห็นทุ่มเท และการมีส่วนร่วมจากฝ่ายค้านและรัฐบาล และนำคำแปรญัตติทั้งหลายมาบรรจุเอาไว้อย่างตรงไปตรงมาก และรู้สึกว่าพรรคการเมืองเล่นการเมืองมากเกินไป เกินกว่าจะนึกถึงประโยชน์ประชาชนเป้นตัวตั้ง เราจะเข้าสภาและเดินหน้าต่อไป เพื่อให้เห็นว่าภารกิจของเราเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ที่เหลืออนาคตว่าจะเกิดสุญญากาศต่อไปหรือไม่ หรือจะมีกฎหมายที่รอบคอบและดีกว่าขึ้นอยู่กับ ส.ส.ของพวกท่าน” นายปานเทพ กล่าวในการแถลงข่าว ก่อนที่สภาฯ จะลงมติถอนร่าง กม. กัญชาฯ ออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาฯ ในที่สุด

ขณะเดียวกัน  นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ  รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย ย้ำถึงจุดยืนเรื่องกัญชาในมุมมองของ พรรคภูมิใจไทยหลังเกิด “เรื่องไม่ดีไม่งาม” ขึ้นในสภาฯว่า เป็นเกมการเมืองในสภาของนักการเมือง สังเกตได้ว่า ส.ส. พรรคการเมือง คิดถึงผลการเลือกตั้งในพื้นที่มากกว่าผลประโยชน์ประชาชน เรื่อง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เสนอไปก็เพื่อกำหนดแนวทางการใช้กัญชา กัญชง ให้เป็นประโยชน์และควบคุมการใช้ในทางที่ผิด ซึ่งเป็นการป้องกันผลกระทบทางสังคม แต่ถูกขัดขวาง ถูกสกัด ซึ่งจะทำให้ไม่มีกฎหมายควบคุมการใช้กัญชากัญชงในทางที่ผิด

พรรคภูมิใจไทย เสนอกัญชาเสรีทางการแพทย์ ไม่ใช่กัญชาเสรีแบบไม่มีการควบคุม แต่บางพรรคการเมืองที่สกัดกั้น คัดค้านการออก พ.ร.บ. กัญชา กัญชง นั่นล่ะที่ทำให้เกิดกัญชาเสรี ไม่มีการควบคุม ต่อไปนี้ถ้ามีการใช้กัญชาในทางที่ผิด และไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ ต้องไปถามพรรคการเมืองที่สกัดการออกกฎหมายกัญชา กัญชง ต้องไปถามหาความรับผิดชอบจากบางพรรค ที่เล่นการเมืองจนไม่สนใจความถูกต้องเหมาะสม

“เรามองว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด และจะคัดค้านการให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เราเห็นกัญชาเป็นพืชเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเศรษฐกิจถ้าใช้ให้ถูกวิธี จึงต้องมี พ.ร.บ. กัญชา กัญชง มากำหนดแนวทางการใช้และควบคุมการใช้ทางที่ผิด”รองโฆษกพรรคภูมิใจไทยประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น