xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คลื่นใต้น้ำเขย่าปรับ ครม.(อีกแล้ว) “มาดามแหม่ม” ลุ้นคืนรัง “คุณหญิงกัลยา” เก้าอี้สั่น หมดตัวเล่นตั้ง “เจมส์” โฆษกฯ ลุง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ฝุ่นตลบขึ้นเล็กๆ หลัง “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ตัดสินใจยื่นใบลาออกทั้งจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุผลว่า รับไม่ได้กับ “เกมการเมือง” ในสภาช่วงที่ผ่านมา

แต่ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปแล้วว่า “มาดามเดียร์” นั้นใจไม่ได้อยู่กับ “ค่ายหลวงพ่อป้อม” พรรคพลังประชารัฐ มานานแล้ว ฟางเส้นสุดท้ายขาดไปตั้งแต่ถูกลงโทษ จากกรณีนำ “ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์” ลงมติงดออกเสียง “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 2564
เท่าที่สดับ “วทันยา” ยังคงสนใจที่จะทำงานการเมือง แต่อยู่ที่จะไปสังกัดพรรคไหนเท่านั้น โดยมีหลายพรรคการเมืองตามจีบ ที่ดูมีโอกาสร่วมงานด้วยคงไม่พ้น “ค่ายสีฟ้า-ค่ายกุมาร” ที่พูดคุยกันมาตลอด

เมื่อเก้าอี้ ส.ส.ว่างลง ส้มก็เลยมาหล่นใส่ตัก “เสี่ยแด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปของพรรคพลังประชารัฐ ได้โอกาสเลื่อนขึ้นมาเป็นผู้แทนราษฎรครั้งแรกในชีวิต ทั้งที่หลังเลือกตั้ง 2562 ไม่คิดฝันจะได้ขยับมาเป็นผู้แทนฯ ด้วยเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 27 แต่พรรคได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมาเพียง 19 คน

ทำไปทำมา ดันมีทั้งคนลาออก และขาดคุณสมบัติ โอกาสก็เลยมาถึง “เสี่ยแด๊ก” สายตรงกลุ่มสามมิตร ที่เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ได้โอกาสทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ “โฆษกรัฐบาล” ขุนพลข้างกาย “นายกฯ ตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ติดเงื่อนไขสำคัญที่ว่า หากเป็น ส.ส.ไม่สามารถเป็นข้าราชการการเมืองได้ ซึ่งตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็นับเป็นข้าราชการการเมืองด้วย ซึ่งมุมของ “เสี่ยแด๊ก” ที่ไฝ่ฝันอยากเป็น ส.ส.มาตลอด ตัดสินใจไม่ยาก ขอลาออกจากตำแหน่งโฆษกรัฐบาล เพื่อรอการรับรองเป็น ส.ส.ป้ายแดงเป็นที่เรียบร้อย

ส่งผลให้ตำแหน่ง “โทรโข่งรัฐบาล” ว่างเว้นลงอีกครั้ง เป็นไฟต์บังคับต้องหาคนใหม่มาแทนที่ เพราะในแผงรองโฆษกที่เหลือ รายของ “เจ๊กานต์” รัชดา ธนาดิเรก และ “สาวกวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล ไม่ใช่คนของพรรคพลังประชารัฐ

เดิมที ตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั้นถือเป็นโควตาข้าราชการการเมืองของ “ค่ายลุงป้อม” พรรคพลังประชารัฐ อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาก็ทางพรรคจะคัดตัวบุคคลแล้วให้สิทธิ์ “นายกฯตู่” เป็นคนเคาะผู้ที่จะมีทำหน้าที่นี้

งวดนี้มีความแตกต่างตรงที่ช่วงปลายปี 2565 มีภารกิจสำคัญที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (เอเปก 2022) ซึ่งโฆษกรัฐบาลมีบทบาทสำคัญ “พี่ป้อม” ก็เลยให้สิทธิ์ “น้องตู่” พิจารณาบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ด้วยตัวเอง โดยที่พรรคพลังประชารัฐ จะไม่เสนอชื่อแคนดิเดตเข้ามาเหมือนเคย

แต่ด้วยเป็นช่วงปลายสมัยรัฐบาล ซึ่งคะแนนนิยมตกต่ำ ครั้นจะหา “ตัวเล่นใหม่” สเปกเทพเข้ามาทำหน้าที่ ดูจะเป็นเรื่องยาก ที่สุด “บิ๊กตู่” ก็เลยจำต้องแจ่งตั้ง “เสี่ยเจมส์” อนุชา บูรพชัยศรี อดีตโฆษกคนเก่า ที่โยกไปเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กลับมาทำหน้าที่เดิม

หลังจากที่หนก่อน “เสี่ยเจมส์” ถูกขยับเปิดทางให้ “เสี่ยแด๊ก” มาทำหน้าที่แทน เมื่อปีกลาย เหตุเพราะผลงานไม่เข้าตา ด้วยสไตล์เพลย์เซฟ ไม่บู๊ ไม่บุ๋น ไม่ข้องแวะประเด็นการเมือง จนมีข่าวว่าถูก “บิ๊กตู่” เอ็ดตะโรบ่อยครั้ง

 ธนกร วังบุญคงชนะ

 อนุชา บูรพชัยศรี

 นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
ก็ต้องรอดูว่าได้โอกาสอีกครั้ง “อนุชา” จะปั้นผลงานให้ถูกใจ “นายกฯตู่” ได้หรือไม่

และอย่างที่เกริ่นข้างต้นว่า การที่ “ธนกร” ขยับไปเป็น ส.ส. แล้วต้องควานหาโฆษกรัฐบาลคนใหม่ ก็แค่ทำให้ฝุ่นตลบเล็กๆเท่านั้น

ด้วยหลังฉากยังมี “คลื่นใต้น้ำ” เขย่าให้มีการขยับปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมา “นายกฯตู่” ผู้ถือสิทธิ์ขาดไม่รับลูก ก็เลยยังปั่นกระแสไม่ค่อยขึ้น ทั้งที่มีโควตาว่างเว้นถึง 2 เก้าอี้มาร่วมปี

ตามรูปการณ์แล้ว พรรคร่วมรัฐบาลหลักแต่ละพรรค ทั้งพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ ต่างมีเหตุให้มีการปรับ ครม.ทั้งสิ้น

ตั้งพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความพยายามในการเสนอให้ “บิ๊กตู่” เสริม 2 เก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่าง หลัง “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ “มาดามแหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกไปเมื่อปีกลาย เซ่นเหตุการณ์ “กบฎผู้กอง” ที่โค่นนายกฯไม่สำเร็จ

โดยมีการยุแยง “นายป้อม” มาตลอดว่า 2 เก้าอี้ดังกล่าวถือเป็นโควตา “ป่ารอยต่อฯ” สมควรกดดันให้นายกฯแต่งตั้งเติมเต็มตั้งแต่ต้น โดยเสนอให้นำ 2 เก้าอี้มาแบ่งให้กับกลุ่ม ส.ส. เช่นกลุ่มภาคใต้ที่มี ส.ส.มากกว่า 10 คน รวมถึงโซนตะวันตก กาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี หรือกระทั่ง “เมืองปากน้ำ” จ.สมุทรปราการ ที่มี ส.ส.เกือบยกจังหวัด

กระทั่ง “ระดับบน” เองก็มีการปล่อยข่าวบ่อยครั้ง โดยเล็งไปที่เก้าอี้ รมว.มหาดไทย ของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มองว่า ควรโยก “บิ๊กป้อม” ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาคุมกระทรวงคลองหลอด เพื่อวางกลไกเตรียมการเข้าสู่สนามเลืทอกตั้งใหญ่ครั้งหน้าจะเหมาะสมกว่า

การทำงานของ “มท.ป๊อก” ไม่เอื้อกับการทำพื้นที่ของ ส.ส. อีกทั้งยังขาดปฏิสัมพันธ์กับ ส.ส.อย่างสิ้นเชิง อันเป็นเหตุให้ “กลุ่มปากน้ำ” ออกโรงท้าทายโดยการงดออกเสียงในญัตติอไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา

ว่ากันว่า เหตุที่ “นายกฯตู่” ไม่ยอมขยับปรับ ครม. ด้วยล่วงรู้ว่า เบื้องหลังคลื่นใต้น้ำคือ “บิ๊ก ป.ที่ 4” ที่พยายามกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน ครม. โดยหมายตาเข้ามากุมอำนาจกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอด มีการปล่อยข่าวสลับเก้าอี้สารพัด แต่จนแล้วจนรอด “บิ๊กตู่” ก็ยังไม่คล้อยตาม

อย่างไรก็ดี ห้วงเวลานี้ที่เหลือเวลาอีกราว 7 เดือนจะครบวาระของรัฐบาชุดนี้ในช่วงเดือน มี.ค.2566 ก็น่าจะเป็นจังหวะเหมาะในการปรับเปลี่ยนบางตำแหน่งใน ครม. เพื่อวางขุนพลเตรียมตัวรับศึกเลือกตั้งใหญ่

เชื่อว่าหาก “บิ๊กตู่” ได้ไม่ต่อ ไม่ตกเก้าอี้จากวาระ 8 ปีนายกฯ ก็คงมีการปรับ ครม.แน่นอน อย่างน้อยๆก็ต้องเติมเต็ม 2 เก้าอี้ที่โหว่อยู่ เพื่อเพิ่มมือไม้คนทำงาน

โดยกลุ่มที่มีลุ้น ไม่พ้น ส.ส.ภาคใต้ ที่ถือเป็นพื้นที่ที่ชื่อของ “นายกฯตู่” และพรรคพลังประชารัฐ ยังพอขายได้ การมีรัฐมนตรีโควตาภาคใต้ก็น่าจะเอื้อต่อการทำพื้นที่ ใช้ภาคใต้เป็นฐานสำคัญในการดัน “ลุงตู่” กลับมาเป็นนายกฯอีกสมัย

ส่วนอีกเก้าอี้ แว่วว่า “มาดามแหม่ม” ที่เข้าไป “มอบตัว” กับ “นายกฯตู่” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังถูกวางตัวเป็นมือทำงานคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ ก็อาจมีโอกาสได้รีเทิร์นกลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกคำรบ ด้วยแรงเชียร์ของ “นายป้อม”

แล้วหาก “นายกฯตู่” ส่งสัญญาณว่า จะมีการปรับ ครม. เชื่อว่า ทั้งพรรคภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ คงไม่พลาดที่จะขยับปรับเปลี่ยนขุนพลด้วย

ในส่วนของ “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย แม้จะดูลงตัวทั้ง 7 เก้าอี้รัฐมนตรีตั้งแต่ต้น แต่หลัง “ครูโอะ” กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ต้องคดีความถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จ.ปราจีนบุรี ก็มีเสียงเรียกร้องในพรรคให้มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ทั้งในแง่จริยธรรม และสุ่มเสี่ยงที่จะถูกศาลสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่

 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช

 จิตภัสร์ กฤดากร

 อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ
อีกราย เป็น “เสี่ยแป้งมัน” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม ที่แม้จะเป็นนายทุนคนสำคัญของพรรค แต่ถือเป็นรัฐมนตรีโลกลืมไร้ผลงาน อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะไม่ไปต่อกับ “ค่ายสีน้ำเงิน” เตรียมสยายปีกไปสร้างดาวของตัวเอง ก็อยู่ในข่ายที่จะถูกปรับออก เพื่อเปิดทางให้แกนนำพรรคคนอื่นมาทำหน้าที่แทน

ด้าน “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ ที่คล้ายจะดูนิ่งๆ แต่ภายในดุเดือดเลือดพล่าน ทั้งรายการหมายหัว “เสี่ยไก่” จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ถูกปักป้าย “คนนอก” มานานแล้ว ด้วยไร้การมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของพรรค และเชื่อว่าเตรียมที่จะโยกไปอยู่พรรคอื่นในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ย้อนไปเมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ ของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรองหัวหน้าพรรค ที่เป็นคนสนิทของ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค ได้ปิดห้องก่อหวอดกดดันผู้บริหารพรรคให้ปรับ “จุติ” ออกจาก ครม. โดยมีแนวโน้มว่า “เดชอิศม์” ที่แม้เป็น ส.ส.สมัยแรก แต่เดินแรงตามสไตล์ใจถึงพึ่งได้ เตรียมเข้าเสียบเป็นรัฐมนตรีแทน

อย่างไรก็ดี ในมุมมองของ “บิ๊กตึกไทยคู่ฟ้า” เห็นว่าเก้าอี้ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไม่ใช่โควตาของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว แต่เป็นโควตาสายตรงตึกไทยฯ ทั้งตัว “จุติ” เองที่ต่อตรงถึง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ทั้งยังมีเงาของ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ คอยค้ำเก้าอี้ให้อยู่

นอกจากนี้ยังมีกรณี นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ที่ทาง ป.ป.ช.มีมติยื่นฟ้องคดีกรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ สมัยเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา พร้อมทั้งจะขอให้ศาลฯ มีคำสั่งให้ “นิพนธ์” ยุติการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

แต่ที่เร้าใจกว่า เป็นแผงขอคนรุ่นใหม่ ที่ลุ้นขอขึ้นทำเนียบรัฐมนตรีช่วงปลายเทอมรัฐบาล ทั้ง “น้องตั๊น” จิตภัสร์ กฤดากร และ “เสี่ยบิล” อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ซึ่งทั้งคู่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเช่นกัน รวมไปถึงแนวผู้อาวุโส อย่าง กนก วงษ์ตระหง่าน และ อัศวิน วิภูศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ต่อแถวอยู่เช่นกัน

โดน 2 คนรุ่นใหม่ล็อกเป้าไปที่ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ที่เป็นอีกหนึ่งรัฐมนตรีโลกลืม และปัจจุบันอายุ 81 ปี อาวุโสที่สุดใน ครม. จึงมีเสียงเรียกร้องให้ปรับออก เพื่อเปิดทางให้คนใหม่เข้าไปทำงาน เพื่อหวังผลกอบกู้คะแนนนิยม และที่นั่ง ส.ส.ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า

แม้ว่า “คุณหญิงกัลยา” จะถูกมองว่า เป็น “ถุงเงินใหญ่” ของพรรค แต่แคนดิเดตที่มีชื่อมาเขย่าเก้าอี้ก็ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะ “น้องตั๊น-จิตภัสร์” ก็ทายาทธุรกิจยักษ์ใหญ่ ส่วน “เสี่ยบิล-อิสระ” ก็ระดับคนสนิทของ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลใน “ค่ายสะตอ”

หาก “นายกฯตู่” ตัดสินใจปรับ ครม.จริง ดูแล้ว “คุณหญิงกัลยา” น่าเป็นห่วงที่สุด.


กำลังโหลดความคิดเห็น