ป้อมพระเสุเมรุ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ไม่ใช่เรื่องใหม่ เสียงคร่ำครวญ “อยากกลับบ้าน” ของ “เฮียโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งอายุครบ 73 ปีเต็ม ไปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565ที่ผ่านมา
หากแต่ระยะหลังน่าสังเกตว่า ชักพูดถี่ เล่นประเด็นนี้แบบรัวๆ แทบทุกเวที ไม่เลือกโอกาส โดยเฉพาะยามออกไลฟ์สด CareTalk x Care ClubHouse กับลิ่วล้อกลุ่มแคร์ ในนาม “โทนี่ วู๊ดซัม” ที่แม้ลดความถี่ เหลือเพียงทุกวันอังคาร 2 สัปดาห์ครั้ง แต่ก็มีการงัดเรื่องกลับบ้านขึ้นมาพูดแทบทุกเทป
อย่างสัปดาห์ก่อน เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 65 ก็อาศัยย้อนคำ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ชี้แจงในระหว่างการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ที่แฉลบไปถึง “คนแดนไกล” ว่า “ผมทราบดีท่านชื่นชมคนที่ทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผมว่าโน่นนี่ ไม่เป็นไร ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน”
ค่ำวันเดียวกัน “ทักษิณ” ก็ย้อนกลับไปว่า “ผมอยากจะบอกว่า ผมอยู่ในใจประยุทธ์ตลอดนะ ต้องขอโทษอาจารย์น้องด้วยนะ ตอนสัมภาษณ์สื่อก็ชอบพูดถึงผมหลายครั้ง สรุปแล้วคือท่านอึดอัด แหม โกรธเวลาคนอื่นว่ากูไม่เก่ง จริงๆแล้ว ท่านไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ตั้งใจทำงานให้เท่าผม แต่ต้องทำอย่างมีกลยุทธ์มากกว่านี้”
พร้อมทั้งย้ำเสียงหนักแน่นด้วยว่า “แล้วไม่ต้องบอกว่า ไปตามมันกลับมาให้ได้สิ ขอตอบว่า ผมกลับแน่ ผมกลับแน่”
ตัดมาที่สัปดาห์นี้โอกาสวันคล้ายวันเกิดของ “เฮียโทนี่” ก็เลยยิ่งมีประเด็นออกสื่อบ่อยขึ้น ก็ไม่วายวกกลับมาที่เรื่องการกลับบ้านอีก ทั้งในวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสาน จัดงานฉลองวันคล้ายวันเกิดให้ที่บ้านสวนกลางไพร ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา มี พายัพ ชินวัตร น้องชายทักษิณ ร่วมงานด้วย และตัว “ทักษิณ” เองก็ได้โฟนอินมาพูดคุย ร่วมรับฟังบรรยากาศแฟนคลับขับร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์
พร้อมทั้งพูดทิ้งท้ายว่า “เลือกตั้งคราวหน้า ประชาชนตัดสินใจลงโทษได้ชัดเจน ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยทำได้ ปีที่แล้วพวกเราก็จัดวันเกิดให้ทุกปี ปีนี้เป็นปีสุดท้ายนะ ปีหน้าเราเจอกันที่เมืองไทยก็แล้วกัน เมื่อกลับไปจะกลับไปเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนทุกจังหวัด ทุกอำเภอ”
ถัดมาถึงวันที่ 26 กรกฎาคมในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 73 ปี “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนโต ก็ได้ทำคลิปวิดีโอ “Long distance call” ความยาวเกือบ 15 นาที โดยเป็นการพูดคุยสัมภาษณ์ “ทักษิณ” ทั้งเรื่องราวต่างๆ ในอดีต และอนาคต ส่วนใหญ่จะเน้นไปในเรื่องครอบครัว โดยเฉพาะความรัก ความคิดถึง ที่มีต่อหลานๆ
หลายช่วงหลายตอนเป็นการสะท้อนอารมณ์ที่ไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ อาทิ เคยถูกหลานสาววัย 2 ขวบกว่า ถามเมื่อครั้งไปเยี่ยมที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษว่า ทำไมคุณตาไม่กลับไปกับพวกเรา พร้อมทั้งสาธยายความสุขของการะลับบ้านว่า ทำให้กระชุ่มกระชวย มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต
“ทุกวันนี้ไม่ได้มีอะไรเลย เป็นบุคคลอยู่เมืองนอก กลับประเทศก็ไม่ได้ … อยู่เมืองนอก ยังต้องโทรกลับบ้านทุกวัน โทรหาลูกบ้าง คุณหญิง (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา) บ้าง นานๆ ก็ขอวิดีโอคอลกับหลานหน่อย กลัวหลานลืม การเมืองเป็น zero some game ถ้าเราสุข เขาจะทุกข์ ถ้าเราทุกข์ เขาจะสุข ทำไมไปทุกข์เพื่อให้เขาสุข เราต้องสุขเพื่อให้เขาทุกข์ อันนั้นก็เจอหน้าผม ถ่ายรูปทีไร ดูผมไม่ทุกข์ 16 ปีแล้วนะ ไม่ทุกข์ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป คนที่รักเรา ก็จะได้มีความสุขไปด้วย”
น่าสนใจว่า คลิปวิดีโอชิ้นนี้ “ทักษิณ” กล่าวถึง “หญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา ที่จดทะเบียนหย่าร้างกันไปค่อนข้างเยอะ และถือเป็นการพูดถึงในทางสาธารณะแบบเต็มๆ เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ทั้งคู่หย่าร้างกันเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 โดยครั้งนั้นได้ทำการจดทะเบียนหย่าที่สถานกงสุลไทย ในฮ่องกง อีกด้วย
มีการพูดถึงการประคับคองชีวิตครอบครัวในอดีตว่า “พจมาน” มีส่วนช่วยเรื่องงาน และเรื่องการเงิน รวมทั้งอยากกลับประเทศไทย เพราะสงสาร “หญิงอ้อ” ที่รับภาระแทนมาตลอด หากกลับไปได้ก็จะไปอยู่กับครอบครัว จบทุกอย่าง เพื่อชดเชยเวลาที่หายไป
อย่างที่ว่าไป ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะครั้งที่ “ทักษิณ” มาร่วมพูดคุยผ่านแอปพลิเคชัน ClubHouse ใหม่ ก็มีคำถามทั้งจากคนนอกที่เข้ามาร่วมรับฟังรายการ ตลอดจน “ลิ่วล้อ” ที่คอยชงหวานให้ “เจ้านาย” ตอบอยู่บ่อยครั้ง
แรกๆ แฟนคลับฟังแล้วก็เนื้อเต้น แต่พอพูดบ่อยเข้า ก็เริ่มชิน จนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยามที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีการเลือกตั้ง หรือหากมีการเลือกตั้งแล้ว พรรคเพื่อไทยจะกลับมาชนะได้หรือเปล่า ในสถานการณ์ที่กติกาเลือกตั้งอาจจะไม่เอื้ออำนวย
ส่วนตัว “เฮียโทนี่” แม้รู้ว่าพูดเป็น “แผ่นเสียงตกร่อง” แต่ก็คล้ายว่าเป็น “สคริปต์” ที่ต้องพูดเพื่อตอกย้ำความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะสามารถเอาชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า และพลิกขั้วอำนาจกลับมาได้
ล้อไปกับการเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร เข้าสู่การเมืองในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วม และนวัตกรรมใหม่ พรรคเพื่อไทย ก่อนจะรับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย วางตัวเป็น “นายหญิงคนใหม่” ที่จับจองตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯของพรรค ในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดขอนแก่น “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์ โดยสอดแทรกความปราถนาของ “ทักษิณ” ไว้ว่า “...คุณพ่อไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และท่านก็ปรารถนาที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณ”
ทั้งยังเน้นคีย์เวิร์ดสำคัญที่ว่า ต้องชนะเลือกตั้ง เพื่อแย่งชิงอำนาจกลับบ้าน อันเป็นที่มาของการปูแคมเปญ “แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” ก่อนหน้านั้นด้วย
ฟังได้ว่า “ทักษิณ” มักพูดถึงเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทย กับความฝันที่จะได้ “กลับบ้าน” ของตัวเอง บ่อยพอๆกัน นัยว่าเป็น 2 เรื่องที่เข้าทำนอง “คนละเรื่องเดียวกัน”
ด้วยเป็นที่รับรู้กันว่า หนทางเดียวที่ “ทักษิณ” จะกลับบ้านอย่างเท่ๆ เหมือนที่เคยพูดย้ำมาร่วม 10 ปี ก็คือต้องมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ เพื่อนำไปสู่การออก “กฎหมายนิรโทษกรรม” ดังที่ “รัฐบาลปู” ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯน้องสาว เคยพยายาม “ลักหลับ” นำมาซึ่งการรัฐประหาร 2557 จน “น้องปู” ต้องระเห็จไปเร่ร่อนเป็น “คนแดนไกล” ด้วยกันในตอนนี้
เหตุเพราะการกลับประเทศไทยของ “ทักษิณ” สามารถทำได้ทุกเมื่อ แต่มีเงื่อนไขสำคัญว่า จะไม่ยอมก้าวเท้าเข้าคุกเป็น “นช.ทักษิณ” อย่างเด็ดขาด
ด้วยความคิดฝังหัวของ “ทักษิณ” ที่เชื่อว่า โทษทัณฑ์ที่ได้รับนั้นมาจากการถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ในคลิปล่าสุดก็ยังตอกย้ำไปความคิดของตัว โดยกล่าวถึง “ชนชั้นสูง” จากคำถามที่ว่า รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่สุด เรื่องอะไร ไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ผมอาจจะโง่เรื่องคน ประสบการณ์เป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่ายๆ อยู่บ้านนอกโตบ้านนอก พอมาอยู่กรุงเทพฯชีวิตมันก้าวกระโดด มันผ่านสังคมกรุงเทพฯน้อยไป สังคมของ Elite (อีลีท : ชนชั้นสูง) น้อยไป เราเลยไม่ได้อยู่ในสังคม Elite แม้ฐานะเราอยู่ใน Elite แต่แทนที่จะไปคบสังคม Elite ไปเข้าการเมือง เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง ซึ่งอันนี้ต้องโทษตัวเองว่า เหมือนกับเรายังไม่รู้วิธีอยู่ในป่า เราไม่เข้าใจ … อันนี้คือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ แต่ไม่คิดจะเรียนรู้แล้ว แก่แล้ว เอาความรู้ที่เป็นวิชาการ สอนหนังสือไป อบรมลูกหลาน ไม่ได้ถึงกับเสียใจ แต่เสียดายตัวเอง น่าจะเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองได้มากกว่านี้
สะท้อนความเป็นตัวตนของ “ทักษิณ” ที่ไม่เคยโทษตัวเอง แต่โทษลม โทษฟ้า โทษคนอื่น มาตลอด
ปัจจุบัน “ทักษิณ” มีคดีความที่ถูกตัดสินถึงที่สุด และยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมนับสิบคดี ได้แก่ คดีที่ดินรัชดาฯ ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ขาดอายุความแล้ว เพราะหลบหนีอยู่ต่างประเทศ, คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา, คดีธนาคารเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้ให้รัฐบาลเมียนมา 4 พันล้านบาท ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา, คดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ป เข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการโทรคมนาคม ศาลตัดสินจำคุกรวม 5 ปี ไม่รอลงอาญา
เท่ากับว่า หาก “เฮียโทนี่” กลับประเทศไทยตอนนี้ โดยไม่มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมใดๆ ก็ต้องเข้ารับโทษจำคุกที่คาอยู่ในคดีที่ถึงที่สุดแล้วที่มีโทษรวม 10 ปีเสียก่อน ส่วนจะได้ลดโทษตามวาระใดนั้นก็เป็นเรื่องของอนาคต และยังมีคดีที่อยู่ในกระบวนการรอการตัดสินอยู่อีกพอสมควร
อย่างไรก็ดีมีการมองกันว่า คดีที่ติดตัว “ทักษิณ” อยู่นั้นล้วนแล้วแต่เป็นคดีความผิดฐานทุจริต ซึ่งยากที่จะนำเข้าไปบรรจุไว้ในกฎหมายนิรโทษกรรมตามปกติได้ ต้องยกระดับเป็น “นิรโทษฯสุดซอย” อย่างที่เคยพยายามใน “รัฐบาลน้องสาว”
หากสามารถทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็จำเป็นที่จะต้องชนะแบบ “แลนด์สไลด์” เพื่อจัดตั้ง “รัฐบาลลูกสาว” ที่มีเสียงสนับสนุนมากพอในการสร้าง “ความชอบธรรม” ออกกฎหมายเพื่อ “ล้างผิด” ให้กับผู้เป็นพ่อได้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปมสร้างความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาอีก
ซ้ำร้ายอาจนำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้ง จนอำนาจหลุดมือไปอีก
ตามเงื่อนไขที่ว่าไป ทำให้มองกันว่า ความฝันกลับบ้านแบบเท่ๆ ของ “ทักษิณ” แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่ยอมกลับมาติดคุกระยะหนึ่ง
กระทั่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า สุ่มเสียงของ “ทักษิณ” ในช่วงวันคล้ายวันเกิดที่ผ่านมา หาได้แสดงถึงความมั่นใจอย่างที่เข้าใจกัน ไม่ว่าการปลุกขวัญ “คนเสื้อแดง” ว่า จะกลับไปฉลองวันเกิดที่เมืองไทยปีหน้า
ซึ่งก็สอดรับกับปีหน้า 2566 ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหญ่ หลังรัฐบาลประยุทธ์หมดสมัยในช่วงต้นปี
แต่ก็ถูกจับไปหักล้างกับเมื่อครั้งแสดงความมั่นใจว่า “พ.ศ.นี้ กลับแน่นอน” หรือภายในปี 2565 เมื่อครั้งตอบคำถาม สุธรรม แสงประทุม ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ในรายการ Care ClubHouse ต้นปี 2565 ซึ่งมีความเชื่อว่า “รัฐบาลประยุทธ์” อาจไม่รอดจากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ และการเมือง ขณะนั้น
ไม่เท่านั้นยังมีการถอดรหัสอีกว่า ในคลิปที่ปล่อยออกมาเมื่อวันเกิดครบรอบ 73 ปี นั้นนอกเหนือจากเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวแล้ว “ทักษิณ” ยังพูดถึง “ความตาย” บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะย้อนไปเรื่องการถูกลอบสังหารว่า “ผมไม่เคยกลัวตาย ถูกลอบสังหารมา 4 รอบ ผมเฉยๆ ผมถือว่า ถ้าคนเรา มันจะตายมันก็ตาย มันยังไม่ตายก็คือยังไม่ตาย ก็ไม่รู้เป็นกรรมเป็นเวรอะไร ผมก็รู้ ใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ ภายในครอบครัวเรารู้หมด เพราะไม่อยากให้เขาไปเจอคนไม่คิดดีกับเรา เมื่อเจอแล้วจะได้ระวังตัว”
แล้วยังมี “วรรคทอง” ที่ถูกจับเป็นประเด็นขึ้นมาอีกว่า “ผมเองสั่งครอบครัว ตายไม่เผา ให้เก็บไว้ ให้เก็บร่างไว้ไม่ให้เผา นี่คือสิ่งที่ ผมต้องการให้การต่อสู้ของผม ให้ชีวิตผม เป็นอมตะของครอบครัวของลูกหลาน”
“ตายไม่เผา เก็บศพไว้ ขอเป็นอมตะ” ดูคล้ายกับเป็น “คำสั่งเสีย” ของคนอายุ 73 ปี ที่ดูปลงตกกับความฝันที่จะได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนอย่างไรอย่างนั้นเลย.