ป้อมพระสุเมรุ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สับเกียร์ห้าเตรียมตัวรอเลือกตั้งใหญ่เต็มสูบ สำหรับ “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ที่ทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตออกมาเป็นระยะ ไล่ตั้งแต่ภาคเหนือตอบบน มาถึงพื้นที่เมืองหลวง ที่เพิ่งเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร 21 จากทั้งหมด 33 เขตออกมา
จากกติกาเลือกตั้งที่แก้ไขใหม่ส่งผลให้สนามเลือกตั้ง กทม.รอบหน้าจะมีที่นั่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 30 ที่นั่ง เป็น 33 ที่นั่ง เพิ่มความสลักสำคัญในแง่ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งช่วงชิงโอกาสเข้าไปเป็นฝ่ายถืออำนาจมากยิ่งขึ้นไป
แล้วยังมีตัวเร่ง อย่างผลพวงจากการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ที่ “ผู้ว่าฯทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่มีกลิ่นอายความเป็นคนเพื่อไทย สร้างปรากฎการณ์ “แลนด์สไลด์” เอาชนะทิ้งห่างคู่แข่งมากกว่าล้านคะแนน แล้วยังมีอานิสงส์ตกไปถึงผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้เข้ามามากถึง 20 จาก 50 ที่นั่ง
ยิ่งทำให้ “ค่ายเพื่อไทย” กระชุ่มกระฉวยเป็นพิเศษ หวังต่อยอดความสำเร็จ กลับมายึดครองเมืองหลวง เหมือนครั้ง “ไทยรักไทยฟีเวอร์” สานฝันเป้าหมาย “แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน”
จากเดิมที่เลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทยทำผลงานไม่ขี้เหร่ คว้ามาได้ 9 ที่นั่ง ก่อนจะมาได้เพิ่มเป็น 10 ที่นั่ง จาก “เสี่ยอ๊อบ” สุรชาติ เทียนทอง ในการเลือกตั้งซ่อมที่เขตหลักสี่-จตุจักร เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ชิงจังหวะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ กทม. 21 คน ออกมา ประกอบด้วย ประกอบด้วย 1.นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ เขตสัมพันธวงศ์, 2.น.ส.จุฑาพร เกตุราทร เขตบางรัก, 3.น.ส.นวลละออง ศรีชุมพล เขตวัฒนา, 4.นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ เขตห้วยขวาง, 5.น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล เขตจตุจักร, 6.นายพชร ธรรมมล เขตราชเทวี, 7.นายรัฐพงศ์ ระหงษ์ เขตบางซื่อ, 8.นายสุรชาติ เทียนทอง เขตหลักสี่ 9.นายสุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ เขตดอนเมือง, 10.นายอนุสรณ์ ปั้นทอง เขตบางเขน
11.นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา เขตบางกะปิ, 12.นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ เขตคันนายาว, 13.นายวิชาญ มีนชัยนันท์ เขตมีนบุรี, 14.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เขตคลองสามวา, 15.นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ เขตหนองจอก, 16.น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เขตลาดกระบัง 17.นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร เขตบางนา, 18.นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เขตคลองสาน, 19.นายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร เขตจอมทอง, 20.นายวัน อยู่บำรุง เขตหนองแขม และ 21.นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา เขตภาษีเจริญ
โดยทั้ง 21 ชื่อ 21 เขตที่ประกาศไปนั้นยังเป็นการวางตัวกว้างๆ เนื่องจากต้องรอความชัดเจนจากแบ่งเขตเลือกตั้งจากทาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสียก่อน
ไล่เรียงรายชื่อ หากตัดในส่วน ส.ส.เดิมออกมา ถือว่าเป็น “หน้าใหม่” เกือบทั้งหมด ที่น่าสนใจ ตั้งแต่รายของ “เสี่ยต๊ะ” พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ ที่เขตสัมพันธวงศ์ ซึ่งเคยอดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ สมัย “เฮียสน” สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่วันนี้ไปเป็นเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย หรือ “อาจารย์ก้อง” รัฐพงศ์ ระหงษ์ เขตบางซื่อ บุตรชาย น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.บางเขน พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 แต่สอบตก เป็นต้น
อีกหลายคนมาจากอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคไทยรักษาชาติ ที่โดนยุบพรรคก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งก่อน อาทิ “ฟลุค เดอะสตาร์” พชร ธรรมมล เขตราชเทวี ซึ่งช่วงหลังมีบทบาทตอบโต้ทางการเมืองถี่ยิบ, “เดียร์” ขัตติยา สวัสดิผล เขตจตุจักร ลูกสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่เสียชีวิตจากการถูกลอบยิงระหว่างเหตุชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 เขตจตุจักร เป็นอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย งวดนี้มาลงที่เขตจตุจักร หลังทำงานในพื้นที่ร่วมกับ “เสี่ยอ๊อบ” สุรชาติ เทียนทอง ส.ส.หลักสี่-จตุจักร มาระยะหนึ่ง เช่นเดียวกับ กวีวงศ์ อยู่วิจิตร เขตบางนา ที่เคยสมัครในสีเสื้อไทยรักษาชาติ
แต่ที่เป็นประเด็นแย่งซีนการเปิดตัว คงไม่พ้นการขาดหายไปของชื่อ ส.ส.หน้าเดิม ของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ปรากฏชื่อ “เสี่ยเก่ง” การุณ โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง และ “ผู้การป๊อป” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.เขตสายไหม
ยิ่งไปกว่านั้น ในรายของ “การุณ” ยังเปิดตัวผู้สมัครหน้าใหม่ลงทับที่เขตดอนเมืองเสียด้วย ส่วนที่เขตสายไหมของ “อนุดิษฐ์” ยังคงเว้นว่างอยู่
งานนี้ไม่ต้องสืบ ไม่พ้นการที่ “เก่ง-ป๊อป” มีความสนิทสนมกับ “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย และคาดการณ์กันว่า จะย้ายไปร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า
โดยเฉพาะรายของ “เสี่ยเก่ง ดอนเมือง” ที่โดนหมายหัวเป็นพิเศษ เคยมีวิวาทะตอบโต้ผู้บริหารชุดใหม่หรือ “นักรบห้องแอร์” บ่อยครั้ง ถึงขั้นท้าทายให้ขับพ้นพรรคเลยด้วยซ้ำ
ก็เลยเป็นปฏิบัติการล้างบาง “เด็กเจ๊” ที่เดิม “คุณหญิงหน่อย” ก็มีเหตุกระทบกระทั่งกับทีมงาน “นักรบห้องแอร์” มาตลอดตั้งแต่สมัยร่วมงานกันที่พรรคเพื่อไทย และหลังออกมาก็มีรายการฟาดกันอีกหลายดอก
โดยมีการดัน “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ที่เทคเครดิตไปเต็มๆ ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ส.ก.พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาเป็น “มาดามเมืองหลวง” ของพรรคเพื่อไทยแทน
อย่างไรก็ดี การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทย ไม่เพียง “กระเพื่อม” แต่ปีก “เด็กเจ๊” เท่านั้น ยังมีผู้เสนอตัวอีกหลายเขตที่ตกสำรวจ ไม่ว่าจะเป็น “เชอรรี่” กมลพัฒน์ ปุงบางกะดี่ ภรรยา พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่ง “เชอรรี่” ก็เป็นอดีตผู้สมัครไทยรักษาชาติ ที่จับจองพื้นที่เขตบางขุนเทียนอยู่ แต่กลับไม่ได้รับการประกาศชื่อเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยมาในรอบแรก เป็นอาทิ
เหมือนเป็นการไม่ไว้หน้าคนเสื้อแดง ทั้งที่เพิ่งดึงลูกพี่ใหญ่อย่าง “เสี่ยเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กลับมาช่วยงานในฐานะผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยแท้ๆ
ก็ต้องรอลุ้นว่าการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทย รอบหน้า จะลดแรงกระเพื่อมลงได้หรือไม่
และแว่วว่าจะมีเซอร์ไพร์สเล็กๆ อย่าง “อ๋อม” สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ดาราชื่อดังที่มักออกมาฟาดรัฐบาล และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กำลังถูกทาบทามให้มาลงสมัคร ส.ส.กทม.ในสีเสื้อพรรคเพื่อไทยด้วย
อีกฟากหลังกติกาเลือกตั้งมีแนวโน้มจะออกหน้าสูตร “หาร 500” สำหรับการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผนวกกับช่วงสุดท้ายปลายเทอมรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร ก็มีการพูดถึงสูตร “แตกแบงก์ย่อย” กันหนาหูมากขึ้น
เจ้าของตำรับอย่าง “ค่ายดูไบ” หลังลั่นออกมาว่า อาจจะแตกแบงก์ไปตั้ง “พรรคครอบครัวเพื่อไทย” เพื่อแก้เกม แต่รู้ตัวว่าออกตัวแรง สุ่มเสี่ยงโดนเป่าฟาล์วก่อนถึงสนามเลือกตั้ง ก็เลยต้องกลับไปตั้งหลักดูทิศทางลม
ที่เริ่มขยับแรงคงเป็นซีก “ทีมงาน 3 ลุง” ฟากฝั่งรัฐบาล ที่แทงหวยเต็งแล้วว่า เลือกตั้งงวดหน้าใช้สูตรหาร 500 แบบไม่ต้องดูทิศทางลมให้เสียเวลา
ความเคลื่อนไหวก็เลยมีทั้ง “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่ถูกนำกลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง หลังไปสะดุดตามคิว “เสี่ยโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่เป็นตัวตั้งตัวตี ปมคลิปหลุดเกี่ยวกับผลประโยชน์โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล จนต้องลาออกจากทุกตำแหน่งทางการเมือง
พรรครวมไทยสร้างชาติ มีนัดหมายประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 3 ส.ค.65 ที่สโมสรราชพฤกษ์ ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ “บิ๊กตู่” มักใช้พักผ่อนหย่อนใจ หรือจัดงานเลี้ยงทางการเมืองตามวาระ
คาดการณ์กันว่า การประชุมครั้งนี้น่าจะเปิดตัว “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่จะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังมีกระแสข่าวหนากูมาตั้งแต่ต้น
พร้อมด้วยทีมงานทั้ง “ลูกขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลูกเลี้ยง “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลัง และ “เสี่ยดราฟ” ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และโฆษกกระทรวง อว. ที่เคยเป็นอดีตเลขาธิการพรรครวมพลังของ “กำนันเทือก”
ที่หนาหูหนักขึ้นเรื่อยคงเป็นรายของ “เสี่ยไก่” จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่กลายเป็นคนนอกของต้นสังกัด “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ มานานแล้ว และในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ถูกคนในพรรคถลุงอย่างหนัก สำทับข่าวที่ว่าเตรียมตัวจะไปร่วมงานกับ “เสี่ยตุ๋ย” ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ
อีกแบงก์มาแรงกว่า ตามข่าวว่า “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ กำลังจะกลับมาเดินเกมทางการเมืองให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประสิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ “นายกฯตู่” อีกครั้ง
ตามข่าวว่า “ทีมงานบิ๊กน้อย” ได้ไปเทกโอเวอร์พรรคการเมืองพรรคหนึ่งไว้ และนัดหมายจัดประชุมเพื่อเปลี่ยนชื่อพรรค และฟอร์มทีมกรรมการบริหารใหม่ ในวันที่ 26 ก.ค.65 นี้ ที่ จ.ชัยภูมิ
ตัว พล.อ.วิชญ์ ก็ยอมรับว่า ตัดสินใจกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้ง เพราะไม่สามารถทอดทิ้งบุคลากรที่มีความสามารถซึ่งได้ชักชวนมาร่วมงานที่พรรคเศรษฐกิจไทยได้ โดยจะเข้าไปสร้างพรรคการเมืองขึ้นมา เพื่อรองรับบุคลากรเหล่านี้ ส่วนพรรคที่จะเข้าไปทำงานการเมืองนั้น เป็นพรรคการเมืองที่มี ส.ส.อยู่ในสภาฯ อยู่แล้ว ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ทราบดี และสนับสนุนให้ทำพรรคการเมืองขึ้นด้วย
ว่ากันว่า พรรคการเมืองที่ “ทีมงานบิ๊กน้อย” ไปตระเตรียมไว้ คือ “พรรคพลังชาติไทย” ของ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ที่เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไปเมื่อปีกลาย ปัจจุบันมี บุญญาพร นาตะธนภัทร ภรรยาของ พล.ต.ทรงกลด และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 ขยับขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน รวมถึงเป็นหัวหน้าพรรคด้วย
เบื้องต้นมีการวางคอนเซปต์พรรคใหม่ โดยจะมีคีย์เวิร์ด “ไทยชนะ” ซึ่งเป็นคำที่ “นายกฯตู่” คิดขึ้นในช่วงต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เข้าไปอยู่ในชื่อพรรค
ส่วนโลเกชันเปิดตัวพรรคที่ “เมืองชัยภูมิ” นั้น ก็เพราะมี อร่าม โล่ห์วีระ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยภูมิ เป็นธุระจัดการแต่งตัวพรรคให้ และ “อร่าม” เองก็ได้สมัครสมาชิกพรรคแล้วด้วย
รู้กันในวงการว่า “อร่าม” วัย 72 ปี ถือเป็น “นักการเมืองฝ่ายขวา” ไม่เคยร่วมชายคา “ระบอบทักษิณ” มาก่อน เป็นอดีต ส.ส.ชัยภูมิ 6 สมัย เคยเป็นอดีต รมช.คมนาคม สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ วางมือทางการเมืองไปพักใหญ่ กระทั่งกลับมาสู้ยุทธจักรอีกครั้งเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ครั้งนั้น “อร่าม” สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 43 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
ขณะที่การเลือกตั้งนายก อบจ.ชัยภูมิ ก็มีคะแนนทิ้งห่างที่ 2 ที่เป็นเด็กสายพรรคเพื่อไทย เกือบเท่าตัว และยังเขี่ย ปาริชาติ ชาลีเครือ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย น้องสาว สุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา หล่นไปอยู่ที่โหล่ด้วย
สำคัญกว่านั้นยังได้ “เสี่ยป้อ” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม แม่ทัพใหญ่โคราช จากพรรคภูมิใจไทย มาร่วมด้วยช่วยกันปั้น “พรรคสายลุง” พรรคนี้ด้วย โดยต้องไม่ลืมว่า ภรรยาของวีรศักดิ์ คือ “มาดามหน่อย” ยลดา หวังศุภกิจโกศล ก็เป็นนายก อบจ.นครราชสีมา ในปัจจุบัน
ด้วยความที่ “โคราช-ชัยภูมิ” พื้นที่ติดกัน เป็นจังหวัดพี่จังหวัดน้อง มีเก้าอี้ ส.ส.รวมกันมากกว่า 20 ที่นั่ง ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่นั่ง ส.ส.ใน กทม.
การผนึกกำลังของ “อร่าม-วีรศักดิ์” ที่ไม่เกรง “ค่ายเพื่อไทย” ในภาคอีสาน น่าจะเป็นฐานที่มั่นที่ดีของ “3 ลุง” ที่ไม่เพียงแต่แตกแบงก์เกือบคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ แต่ยังมีเก้าอี้ ส.ส.เขตให้สู้ด้วย
ต้องถือว่าพรรคใหม่สายลุงพรรคนี้ไม่ธรรมดาทีเดียว.