xs
xsm
sm
md
lg

3 หนุ่ม 3 มุม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



มีผู้นำรัฐบาลอยู่ 3 คนที่เมื่อเผชิญกับความกดดันต่อเสถียรภาพของรัฐบาล แต่ละคนได้หาทางออกแตกต่างกันสิ้นเชิง

คนหนึ่งเป็นทรราชที่ศรีลังกา; ที่ใช้ประโยชน์จากการเข้ามาเป็นหัวหน้ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง แล้วรวบอำนาจเยี่ยงฮิตเลอร์

คนหนึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลอังกฤษที่ผ่านการเลือกตั้งมาอย่างล้นหลาม แต่สำคัญตนผิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยไปครบวาระ และนิสัยเสียที่ชอบพูดโกหกโปกฮาต่อประชาชน จนต้องเผชิญกับ ครม.ของตนเองก็เสื่อมความศรัทธา จนในที่สุดก็ต้องจำใจลาออก

คนหนึ่งเป็นนักวิชาการ และสุภาพบุรุษชาวอิตาลีที่ถูกขอร้องให้มานำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันจัดตั้งนายกรัฐมนตรีได้ เมื่อเขายอมมาเป็นนายกฯ ได้พยายามกดดันการปฏิรูปโครงสร้างก็ถูกพรรคใหญ่สุดร่วมรัฐบาล ประกาศถอนการสนับสนุน และทำให้เขาตัดสินใจลาออก โดยไม่รอให้ต้องแพ้เสียงสนับสนุนในสภาฯ

คนสุดท้ายนี้คือ นายมาริโอ ดรากี นายกฯ ของอิตาลี (เป็นนายกฯ คนที่ 67 ของรัฐบาลอิตาลี ประเทศที่ปรับ ครม.มาแล้ว 70 ชุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2) เขาอายุ 73 ปี และเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่จบปริญญาเอกจากเอ็มไอที ซึ่งมาจากความบากบั่นเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ขาดพ่อแม่เมื่ออายุ 15 และได้เริ่มงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสอนเศรษฐศาสตร์ ต่อมาได้รับราชการเป็นอธิบดีในกระทรวงการคลังอิตาลี และได้มีส่วนเจรจาให้อิตาลีเข้าร่วมสกุลยูโร และในที่สุดก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางยูโรโซน โดยแสดงฝีมือในช่วงที่สกุลยูโรตกต่ำขณะที่ประเทศกรีซประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างสาหัส ซึ่งดรากีก็ได้ผ่อนหนักผ่อนเบาจนกรีซยังอยู่ในยูโรโซน แทนที่จะใช้นโยบายแบบเข้มงวดสุดๆ กับกรีซ (อย่างที่ไอเอ็มเอฟทำกับประเทศไทย)

เมื่อปีครึ่งที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤตโควิดที่อิตาลีเผชิญอย่างสาหัสสากรรจ์ พรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งกลับไม่สามารถรอมชอมเพื่อตั้งนายกรัฐมนตรีได้ จนปธน.ต้องไปอ้อนวอนดรากี ที่เพิ่งพ้นวาระ 8 ปีในตำแหน่งประธานอีซีบี เพื่อมาเป็นนายกฯ ซึ่งเขาก็ยอมมาพร้อม agenda จะขอทำการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองของอิตาลี

จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ข้อเสนอของเขาและร่างงบประมาณปีหน้ากำลังถูกนำเข้าพิจารณาในสภาฯ โดยพรรคร่วมรัฐบาลใหญ่สุดคือพรรค 5 ดาว กลับไม่สนับสนุนแนวทางปฏิรูป (เพราะเป็นพรรคแนวประชานิยมสุดๆ) ประกาศถอนการสนับสนุนเขา ซึ่งนายกฯ ดรากี ที่มืออาชีพและมือสะอาดก็ตัดสินใจทันทีไปยื่นจดหมายลาออกต่อปธน.แซร์โจ มัตตาเรลลา แต่ปธน.ไม่ยอมให้เขาลาออก... ได้ต่อรองให้เขาอยู่ต่อ และให้เขานำเรื่องไปพิจารณาในสภาฯ ในขณะนี้ ซึ่งผลยังไม่ออกมาชัดเจน โดยรัฐบาลของดรากี (หรือได้รับสมญานามว่า ซูเปอร์มาริโอ) อาจอยู่รักษาการต่อไปจนกว่าจะหมดวาระของสภาฯ ในต้นปีหน้า...ล่าสุด ด้วยความนิยมที่นายกฯ ดรากีได้รับจากประชาชน ทำให้เขาชนะผ่านการอภิปรายในวุฒิสภาได้สำเร็จ!

ผู้นำอีกคนมีผมสีฟักทอง ที่บริหารประเทศแบบวันต่อวันโดยไม่มีแผนการปฏิรูปในระยะยาวเชิงโครงสร้างอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน ชอบพูดจาตลกและดูไม่จริงจังกับการบริหารราชการ แต่ชอบบริหาร “ปาก” กับการพูดจาทำให้ประชาชนชอบอกชอบใจกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า” ...เขาคือ “BOJO” หรือนายกฯ บอริส จอห์นสัน ที่ตีหน้าตายในการโกหกในสภาฯ ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยสามารถลื่นไหลแบบ Teflon ขนาดโทนี แบลร์ เรียก “พี่”

ความน่าเชื่อถือในความคงเส้นคงวาต่อจริยธรรมในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด ได้ลดลงอย่างฮวบฮาบจน ครม.ก็เริ่มรับไม่ได้ต่อพฤติกรรมและคำพูดที่ลื่นไหล ซึ่งเหล่า ส.ส.และกรรมการบริหารอาวุโสหลายคนเริ่มเป็นห่วงถึงสถานะของพรรคที่อาจแพ้เลือกตั้งใหญ่ในครั้งต่อไป

เขาจำใจต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่ยังเล่นแง่ไม่ยอมประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯ พร้อมปกป้องตนเองว่าไม่มีความบกพร่องใดๆ แต่เกิดจาก herd instinct หรือสัญชาตญาณของสัตว์ที่พวกมากลากไปเป็นฝูง...เมื่อมี รมต.บางคนเริ่มลาออกประท้วง ที่เหลือก็ลาออกตามเป็นขบวนใหญ่!

ส่วนคนสุดท้ายก็คือ ทรราชตัวจริงที่โหดเหี้ยมกับประชาชน (ที่เต็มไปด้วยความอดทนอดกลั้น) นั่นคือ ปธน.โกตาบายา ราชปักษา ที่เจ้าเล่ห์ขนาดหนีฝูงชนที่โกรธแค้นบุกเข้ามาในบ้านพักประจำตำแหน่งและทำเนียบ...ตัวเองหนีขึ้นเรือบินแทบไม่ทัน ไปอยู่ที่สิงคโปร์ (ชั่วคราว...เพราะที่นั่นมีพวกชาวทมิฬที่อพยพหนีโกตาบายาไปทำงานจำนวนมากที่สิงคโปร์...อาจทำให้ชีวิตเขาไม่ปลอดภัยที่จะเดินถนน หรืออาจมีการเดินขบวนประท้วงใหญ่เพื่อขับไล่เขาออกจากสิงคโปร์!) แต่ก็ยังหวงอำนาจ ไม่ยอมยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งปธน....ยิ่งกว่านั้น เมื่อยอมส่งหนังสือลาออกมาให้แก่ประธานสภาฯ ก็ยังได้แต่งตั้งนายกฯ วิกรมสิงเห (ที่โกตาบายาตั้งให้เป็นนายกฯ เมื่อเร็วๆ นี้) ให้รักษาการตำแหน่งปธน.อีกด้วย...เรียกว่า...ยังคงหวงอำนาจเอาไว้ โดยตั้งคนของตนมารักษาการตำแหน่งปธน.

ช่างต่างกับบอริส จอห์นสัน และมาริโอ ดาร์กี โดยสิ้นเชิง

และนายกฯ โกตาบายา น่าจะเป็นผู้แนะนำให้รักษาการปธน.วิกรมสิงเห ประกาศภาวะฉุกเฉินห้ามประชาชนออกนอกบ้านหลังอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นคำสั่งที่จะทำให้ปธน.ผู้ประท้วง (ที่ยังไม่ยอมรับให้วิกรมสิงเหเป็นรักษาการปธน.) ต้องเลิกการประท้วง และในที่สุด วิกรมสิงเห ก็จะได้รับเลือกจากสภาฯ (ที่ ส.ส.ส่วนใหญ่ยังอยู่ในคำสั่งของโกตาบายา) และประชาชนที่ต้องการโค่นระบอบราชปักษา ไม่สามารถออกมาประท้วงอย่างสงบตามท้องถนนได้อีกต่อไป...นั่นคือระบอบราชปักษา ก็จะยังดำเนินต่อไปในการกดขี่ประชาชน

โกตาบายา ราชปักษา


กำลังโหลดความคิดเห็น