xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อย่าวางใจ “อาเซียน นาโต้” อย่าวางใจดีลลับ “สหรัฐฯ” หวั่นรัฐไทย “ชักศึกเข้าบ้าน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  ความหวาดหวั่นต่อการพยายามจะจัดตั้ง “Asean NATO” หรือ “นาโต 2” ของสหรัฐฯ ที่หลอนคนในภูมิภาคนี้รวมทั้งไทยด้วยนั้น เป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาตั้งคำถามต่อนาย Antony H.BLINKEN รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐฯ ที่เพิ่งมาเยือนไทยระหว่างวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมาอีกครั้งว่าจะยังไงกันแน่ 

คำตอบของนายบลิงเคน ไม่ผูกมัดและไม่ได้ปฏิเสธเรื่อง Asean NATOอย่างสิ้นเชิง โดยเปรยว่าประเทศต่างๆ สามารถตัดสินใจเลือกอนาคตของตนเองโดยไม่มีใครมาบังคับได้ ความหมายก็คือเปิดกว้างพร้อมลื่นไหลไปตามสถานการณ์

ขณะที่สื่อต่างประเทศ อย่างสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ในการมาเยือนกรุงเทพฯ ครั้งนี้ของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นายแอนโทนี บลิงเคน ต้องการใช้ไทยเพื่อสนับสนุนฐานสหรัฐฯ ให้แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อต่อต้านการเพิ่มอิทธิพลของจีนภายในภูมิภาค ซึ่งการเดินทางมาของนายบลิงเคน เกิดขึ้นคล้อยหลัง  นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาเยือนไทยเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา

สำนักข่าวเอพี ชี้ว่า นายบลิงเคนไม่ได้เอ่ยถึงจีนโดยตรงในการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ทว่าหลังมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันแล้วเขาชี้ว่า “ทั้งสหรัฐฯ และไทยต่างมีเป้าหมายร่วมกันสำหรับการเปิดกว้าง ความมั่งคั่งเชื่อมโยง ความยืดหยุน และความมั่นคงของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก” 

ไทยนั้นถือเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกกรอบทำงานทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Forum) ของประธานาธิบดีไบเดน ที่ก่อตั้งเมื่อต้นปี 2022 มีเป้าหมายเพื่อคานอำนาจจีนที่มุ่งมั่นขยายอิทธิพลผ่านโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ซึ่งรอยเตอร์ ชี้ว่า จีนฉวยโอกาสในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ ในสมัยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ให้ความสนใจในภูมิภาคนี้มากนัก ส่งผลให้จีนมีโอกาสเข้ามาแผ่อิทธิพลในภูมิภาคผลักดันผ่านการลงทุนและการเชื่อมโยงทางการค้า

นอกจากนายบลิงเคน ที่ต้องตอบคำถามเรื่อง “นาโต 2” แล้ว ก่อนหน้านี้  นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวคำปราศรัยบนเวที Shangri-La Dialogue ที่ประชุมด้านความมั่นคงระดับสูงของเอเชีย เมื่อวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายนว่าวอชิงตันไม่ได้กำลังทางหาจัดตั้ง   “นาโต เอเชีย”  หรือโหมกระพือความขัดแย้งในอินโด-แปซิฟิก แต่มุ่งเน้นไปที่การค้ำจุนเสถียรภาพในภูมิภาคแห่งนี้

แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สหรัฐฯ จะออกมาปฏิเสธ แต่การให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศของ  ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร เคยระบุเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ว่าระเบียบโลกที่สร้างขึ้นมาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเย็นไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ดังนั้นตะวันตกจึงต้องการ  “นาโตโลก” เพื่อเสาะหาภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ จากนั้นก็เริ่มมีการพูดถึงประเด็นการจัดตั้งพันธมิตรนาโต 2 ของสหรัฐฯ สำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

1.นายแอนโทนีบลิงเกน(Mr.AntonyBlinken)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 10 กรกฎาคม 2565

นายหวัง อี้ (H.E. Mr. Wang Yi) มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล 5 กรกฎาคม 2565
 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รวบรวมข้อมูลและบอกเล่าถึงประเด็น Asian NATO ว่า การที่ผู้นำสหรัฐฯ เชิญผู้นำอาเซียนประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2565 (แต่เลื่อนและประชุมกันจริงคือ 12-13 พฤษภาคม2565) เป็นเพราะสหรัฐฯ มียุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิค ที่คล้าย NATO version 2 ดังนั้นสหรัฐจึงพุ่งเป้ามาที่อาเซียน ขณะที่ทางการจีนประกาศว่า ความพยายามใดๆ ที่จะดึงอาเซียนไปสร้างกลุ่ม NATO version 2 จะถูกจีนขัดขวางทุกวิถีทาง

นายธีระชัย ยกหลักฐานว่ามีการชูประเด็น Asian NATO มาตั้งแต่ปี 2021 แล้ว โดย นสพ.เลอมองด์ในฝรั่งเศสตีพิมพ์บทความเรื่องดังกล่าว เมื่อเดือนมิถุนายน 2021 ส่วน นสพ.เดลิเมล์ในอังกฤษ เมื่อเดือนมกราคม 2021 ก็ระบุว่า อังกฤษสนใจจะเข้าร่วม Asian NATO ด้วย

ขณะเดียวกัน นายไพศาล พืชมงคล  อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) อดีต ส.ว. เจ้าของนามปากกา “สิริอัญญา” ซึ่งเวลานี้เป็นอุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน มองว่ายุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ หรือที่จีนเรียกว่า นาโต 2 มีเป้าหมายปิดล้อม ต่อต้านไม่ให้จีนขยายตัวในทุกด้านมายังภูมิภาคนี้ เป็นยุทธศาสตร์ทางการทหารไม่ใช่การพัฒนาหรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยสหรัฐฯจัดวางกำลังในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ใน 3 พื้นที่ คือพื้นที่มหาสมุทรอินเดีย พื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก และพื้นที่อาเซียน

กล่าวจำเพาะภูมิภาคอาเซียนนั้น มีความสำคัญเป็นแกนกลางของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกโดยตรงโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางจากการมีภูมิยุทธศาสตร์เป็นศูนย์กลางของอาเซียน การจัดตั้งแกนกำลังของนาโต 2 ในภูมิภาคอาเซียนจึงถือไทยเป็นศูนย์กลางและเป็นหนึ่งในแกนหลัก ไทยจึงสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความขัดแย้งกับจีน และประเทศอื่นๆ เว้นแต่ไทยจะตั้งหลักไม่ฝักไฝ่เป็นศัตรูกับใครจึงจะรอดพ้นจากวิกฤต

ข้อวิพากษ์ปนวิตกกังวลต่างๆ นาๆ ที่มีมาไม่ขาดสายในประเด็นดังกล่าว ทำให้กระทรวงต่างประเทศ ออกมาแจกแจงถึง  “วาทกรรมนาโต 2”  ว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา  นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงต่างประเทศ เน้นย้ำว่า ไทยไม่ได้เป็นภาคีความร่วมมือทางทหารที่มีเป้าประสงค์ในการป้องกันร่วมกัน (collective defence) ซึ่งถือว่าการรุกรานประเทศหนึ่งเป็นการรุกรานทุกประเทศที่เป็นภาคีในสนธิสัญญาดังเช่นสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) วาทกรรมเรื่องนาโต 2 จึงไม่มีพื้นฐานอยู่บนข้อเท็จจริง

โฆษกกระทรวงต่างประเทศ ระบุว่า สำหรับนโยบายยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกนั้น เป็นเอกสารที่สหรัฐฯ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางของการดำเนินนโยบายของสหรัฐฯกับแต่ละภูมิภาค ส่วนกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework: IPEF) มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและครอบคลุม เสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนใน 4 เสาความร่วมมือ ได้แก่ การค้า, ห่วงโซ่อุปทาน, พลังงานสะอาด การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งภาษีและการต่อต้านการทุจริต

ด้วยเหตุฉะนี้ ประเด็นอาเซียน นาโต หรือ นาโต 2 ที่ถูกจุดพลุขึ้นมาอยู่เนืองๆ ตามวาระและโอกาสจึงเป็นเรื่องที่ยังต้องติดตามกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ การพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างไทย-สหรัฐฯ หรือไทย-จีนยังคงดำเนินต่อไปในทุกกรอบความร่วมมือ

สำหรับการเยือนไทยของนายหวัง อี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการสร้างเส้นทางความสัมพันธ์ทางการค้าเชื่อมไทย-ลาว-จีนภายใต้โครงการระเบียงการค้าระหว่างประเทศทางบกและทางทะเล (International Land-Sea Trade Corridor) ส่งเสริมเศรษฐกิจ การค้า และโลจิสติกส์

อย่างไรก็ตาม หากจะมองในเชิงรูปธรรม โครงการความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ที่สำคัญๆ อย่างเช่น รถไฟความเร็วสูง ซึ่งจีนให้ความสำคัญในการเชื่อมโยงโครงการรถไฟจีน-ลาว กับระบบรางของไทยเพื่อพัฒนาการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวนั้นยังล่าช้า ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันว่า ไทยมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการรถไฟไทย-จีนอย่างเต็มที่เพื่อให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด โดยทั้งสองฝ่ายจะติดตามแก้ไขปัญหาที่ติดขัด ซึ่งจีนเสนอให้จัดประชุมร่วมเพื่อเร่งรัดให้การก่อสร้างเป็นไปตามเป้าหมาย

ความคืบหน้าล่าสุดโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ – หนองคาย ระยะ(เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา (รถไฟไทย-จีน) ระยะทาง 253 กม. กรอบวงเงิน 1.79 แสนล้านบาท แบ่งก่อสร้างงานโยธาออกเป็น 14 สัญญานั้น นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยเมื่อ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าจากการลงพื้นที่ติดตามงาน ภาพรวมการก่อสร้างคืบหน้าประมาณ 12% โดยก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญา และรอลงนาม 3 สัญญา คาดว่าปี 2565 งานโยธาจะคืบหน้าประมาณ 20% คาดจะแล้วเสร็จและเริ่มทดสอบเดินรถเสมือนจริงได้ในปี 2569 เป็นระยะเวลาเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเปิดให้บริการประชาชนภายในปี 2570

ส่วนการมาเยือนของนายบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สะท้อนความสัมพันธ์ของสองประเทศที่จะครบรอบ 190 ปีในปี 2566 โดยนายบลิงเคน ได้ตอกย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ สหรัฐฯ มีความยินดีที่ไทยเข้าเป็นส่วนหนึ่งในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework: IPEF) ที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาค

ส่วนด้านความมั่นคงยังคงแน่นแฟ้น เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน  นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ เดินทางเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกโดยได้พบกับพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกันในด้านความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาค เช่น การพัฒนากองทัพไทยให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพทั้งการฝึก การศึกษา ยุทโธปกรณ์ และการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพร่วมกันด้านไซเบอร์ และอวกาศ

 ผู้ชุมนุมต่อต้านนาโต้หลายพันคน เดินขบวนในกรุงมาดริดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ประท้วงไม่เอาสงครามของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ก่อนการประชุมซัมมิตนาโต้ในเมืองหลวงของสเปน

กองกำลังนาโต้ระหว่างการซ้อมรบร่วมในโปรตุเกส
สำหรับความร่วมมือแก้ไขวิกฤตด้านสภาพอากาศ นายบลิงเคน กล่าวว่า ไทยเป็นชาติแรกที่เข้าร่วมข้อริเริ่มความต้องการใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy Demand Initiative: CEDI) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและภาคเอกชนของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจที่สนใจและมีศักยภาพในการจัดหาและใช้พลังงานสะอาด ซึ่งมีบริษัทเอกชน 7 รายแล้วที่ส่งสัญญานว่าสนใจลงทุนในไทยเป็นมูลค่ากว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.68 หมื่นล้านบาท) ในด้านโครงสร้างพลังงานสะอาด

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทยและสหรัฐฯ ได้ลงนามในเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ ประกอบด้วย แถลงการณ์ Thailand-United States Communiqué on Strategic Alliance and Partnership  เพื่อแสดงให้เห็นว่าความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับไทยมีความครอบคลุมมากขึ้น และความสัมพันธ์นับตั้งแต่แถลงการณ์ถนัด-รัสก์ (Thanat-Rusk Communiqué) ค.ศ. 1962 มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เอกสารดังกล่าวอ้างอิงถึงการหารือยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศระหว่างสหรัฐฯ กับไทย (Thailand-United States Strategic and Defense Dialogue) ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 9-10 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเน้นย้ำความครอบคลุมในความร่วมมือที่มีร่วมกันในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่เสรี เปิดกว้าง ยั่งยืนและทุกประเทศมีส่วนร่วม รวมทั้งเน้นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การบังคับใช้กฎหมาย สภาพภูมิอากาศ ความปลอดภัยทางไซเบอร์และเทคโนโลยี ความมั่นคง และสาธารณสุข ตลอดจนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ภาคประชาชนที่ขยายวงกว้างขึ้น และขีดความสามารถด้านการทูตที่เพิ่มมากขึ้น

อีกฉบับหนึ่งคือ บันทึกความเข้าใจ Memorandum of Understanding on Promoting Supply Chain Resilience  เอกสารนี้เป็นผลมาจากความสนใจร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ กับไทยในด้านห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น หลากหลาย และมั่นคง สะท้อนถึงผลประโยชน์ร่วมกันจากความร่วมมือเพื่อแก้ไขจุดอ่อนของห่วงโซ่อุปทาน ลดการหยุดชะงักในการผลิตและขนส่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น